“สมชัย” เชื่อสอบพยานคดี “ยงยุทธ” เพิ่มเติมไร้สาระ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่พูดแปลกหากความผิดไม่ถึงขั้นควรเลือกตั้งใหม่ก็ควรยุติเรื่อง แถมควรให้โอกาสเป็นโจรกลับใจรายล่าสุด
วันนี้ (22 ก.พ.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงผลสอบสวนกรณีทุจริตเลือกตั้งเชียงรายของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เท่าที่ได้ดูผลสรุปสำนวนฉบับที่ นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน เสนอมา เห็นว่าไม่มีอะไรแตกต่างจากสำนวนของที่สันติบาลทำ เพราะเป็นการเอาสำนวนที่สันติบาลทำมาไว้แล้ว มาถามว่าพยานจะยืนยันหรือไม่ ซึ่งมีพยานบางส่วนที่เคยให้การว่า นายยงยุทธ ทำผิดกลับคำให้การ แต่บางคนก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ ที่กำนันซึ่งพยานส่วนใหญ่ยืนยันว่าได้รับเงินจำนวน 2 หมื่นบาทจากนายยงยุทธจริง ก็ไม่มีมูลใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ไปตีกันเสียเรื่องใหญ่โต ตีกันซะจนเละเทะ พูดไปก็เดี๋ยวจะหาว่าสำนวนรั่ว ไม่อยากจะพูด อย่างซีดีที่ว่าเป็นหลักฐานนั้น มันไม่จำเป็นอะไร ถ่ายหรือไม่ถ่ายมาก็ได้ ทำซ้ำทำซากอะไรก็ได้ มันไม่จำเป็น ไม่ได้สำคัญอะไร แต่กลับไปพูดกันเสียจนเป็เรื่องใหญ่เรื่องโต ที่พูดกันว่าจัดฉากมันก็อาจจะจัดบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เป็นข้อสาระสำคัญอะไรที่จะต้องพิจารณา
ดังนั้น ที่ว่าจะให้ส่งซีดีไปให้กองพิสูจน์ หลักฐานกรมตำรวจตรวจสอบ มันจึงไม่จำเป็นอะไรเลย เพราะมันมีตั๋วเครื่องบินมา และเขาก็ยอมรับว่าได้มีการไปพูด ไปคุยกันจริง แต่ว่าไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน สาระสำคัญมันจึงไม่ได้อยู่ที่ไปนั่งพูด นั่งอะไร วิจารณ์ออกสื่ออะไร มันไม่ใช่
ส่วนพยานปากสุดท้ายที่ นายยงยุทธ ขอนำมาสืบเพิ่มเติมซึ่งเป็นตำรวจนั้น ตนก็ไม่ทราบว่าจนถึงขณะนี้คณะอนุกรรมการฯได้สอบแล้วเสร็จหรือยัง แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่ว่าจะนำมาสอบหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะคงไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ส่วนระหว่างที่ กกต.ยังไม่พิจารณาสำนวนนี้ นายยงยุทธ มีสิทธิที่ทำหนังสือขอนำมาพยานมาสอบเพิ่มเติมได้ แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นกับ กกต.ว่าจะพิจารณาให้แค่ไหนอย่างไร
เมื่อถามว่า เพราะอนุกรรมการฯได้สรุปผลสอบสวนแล้วใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า สรุปมาแล้วมันก็ไม่สำคัญอะไรหรอก เพราะบางทีสรุปมั่วๆ ก็มี
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า แม้ที่มาของสำนวนกรณีทุจริตเชียงรายจะเหมือนไม่ถูกต้อง เพราะที่สอบสวนในครั้งแรกเป็นคณะกรรมการสอบสวนของสันติบาล แต่เมื่อ กกต.สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนใหม่ โดยมี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ก็ถือว่าการสอบสวนสำนวนนี้ถูกต้องตามระเบียบสืบสวนสอบสวนแล้ว ส่วนที่พรรคพลังประชาชนระบุว่าจะมีการร้องให้คดีทุจริตเลือกตั้งที่สันติบาลเป็นผู้ดำเนินการเป็นโมฆะนั้น ยอมรับว่า ในชั้นแรกมีการให้สันติบาลดำเนินการ แต่ต่อมาก็มีการมาตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งก็มีหลายสำนวนที่ดำเนินการเช่นนี้ ไม่ใช่ทุกสำนวนเป็นการดำเนินการของสันติบาล และยืนยันเราไม่ได้สนใจสำนวนใดสำนวนหนึ่งโดยเฉพาะ
“คดีนี้ บางคนก็บอกว่าทำไม กกต.ไม่รีบๆ สอยเอามันลงมาซะ นั่นเป็นการมองเอาความสะใจของแต่ละคน ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเนื้อหามันเป็นอย่างไร คนนี้เมื่อก่อนนี้อาจจะเป็นคนไม่ค่อยดี สีเทา บัดนี้เขาจะทำความดีเสียหน่อย เราจะไม่ให้โอกาสเขาหรือ ถ้าเขาทำความดี เขาอาจจะทำได้ดีกว่าคนอื่นก็ได้ เพราะเขารู้ว่า ความชั่วเป็นอย่างไร และเขาจะไม่ทำอีก บางคนไม่เคยทำความชั่วไม่รู้ แยกไม่ถูก ก็ใช่ว่าจะดีกว่าเสมอไป คุณยงยุทธ เราก็รู้เขาเป็นสีเทาแต่ เขาก็มีสิทธิที่จะมีตำแหน่งเป็นอะไรต่างๆ แต่กลับมาบอกว่าให้กกต.เอาสีเทาออกไป ซึ่งทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ จึงอยากจะถามว่าทำไมพวกคุณไม่เขียนกฎหมายห้ามเอาไว้ จะได้หมดปัญหา เราเป็นกกต.ขนาดอยูตรงกลาง ยังโดนเสียน่วม ซึ่ง กกต.จะพิจารราตัดสินสำนวนใดจะต้องดูให้รอบคอบ ต้องนำกฎหมายมาประกอบว่าเขาผิดตรงไหน เหมือนกับ องคุลีมาลฆ่าคนตั้ง 999 คน แต่พอครั้งที่พัน ไม่ทำก็ไปกล่าวหาว่าเขาเป็นโจร เอาหินไปข้วาง จนองคุลีมาลบรรลุธรรม ดังนั้นกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมจะทำให้ประชาชนลุกฮือ ทำให้ประเทศชาติไม่สงบสุข บางครั้งคนอดอยากยังทนได้ แต่ถ้าถูกรังแกมันทนไมได้ คดีคุณยงยุทธ หากพิจารณาแล้วไม่มีเหตุสำคัญถึงขนาดจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เราก็สามารถสั่งให้ยุติเรื่องก็ได้ อย่าเอาภาพมัวๆ ของเขาผูกกับกฎหมายแล้วไปตัดสินเขา แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม กกต.ว่าจะเห็นอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม สำนวนร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้งนั้น มีจำนวนมากที่ กกต.ยังไม่ได้พิจารณา เพราะเดิมที่มีไม่กี่ร้อยเรื่องขณะนี้เข้ามาอีก 400 กว่าเรื่องที่เข้ามา