ผู้จัดการรายวัน- ปธ.กกต. เสนออนุฯสอบทุจริตเลือกตั้งเชียงราย ตัดพยานที่ไม่สำคัญออก เร่งพิจารณา 21 สำนวนส.ส.ที่คั่งค้างให้เสร็จก่อนสิ้นก.พ.นี้ "สุเมธ"อ้างกกต.สลับหน้าที่แค่พูดเล่น แต่รับมีความเป็นไปได้หลังเลือกตั้ง ส.ว. ด้าน"สดศรี"เผยคณะกรรมการสอบยุบพรรค มฌ.-ชท. ประชุมนัดแรก 7 ก.พ. นี้
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าว ถึงกรณีที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอเพิ่มเติมพยานในการสอบสวนการทุจริตการเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย จำนวน 10 คนว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน คณะที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน เนื่องจาก กกต.ได้มอบหมายให้แล้ว ดังนั้น เรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า คณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาอย่างไร
ทั้งนี้หากผู้ถูกร้องขอพยานเพิ่มเติมเข้ามามาก แต่คณะกรรมการฯพิจารณาแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสำนวนที่กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ ก็อาจจะตัดพยานบางปากออกไป ไม่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมก็ได้ ส่วนการส่งวีซีดีหลักฐานประกอบสำนวนนายยงยุทธให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบนั้น ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณาเช่นเดียวกัน
"ที่ผ่านมานั้น ผมยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า กกต.สามารถตัดสินใจเรื่องการส่งวีซีดี ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา แต่เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม กกต.แล้ว กกต.มีความเห็นว่า สมควรส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เนื่องจากคณะอนุกรรมการฯ ได้สอบสวนสำนวนนี้อยู่แล้ว การมอบหมายเรื่องนี้เพิ่มเติมเข้าไปอีก คณะอนุกรรมการฯ ก็น่าจะสามารถตัดสินใจได้ โดยคณะอนุกรรมการฯ สามารถตัดสินใจว่า จะส่งวีซีดีไปยังกองพิสูจน์หลักฐานหรือไม่ได้เอง โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของกกต.อีกครั้ง"
เร่งพิจารณา 21 สำนวนที่คั่งค้าง
ส่วนการพิจารณาสำนวนที่เหลืออีก 21 สำนวน ของ ส.ส.ที่ก่อนหน้านี้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้ กกต.ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กกต.และ กกต.จังหวัด ไปดำเนินการสืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ทั้งนี้ หาก สอบสวนเสร็จก็จะส่งมาให้ กกต.พิจารณาทันที ทั้งนี้เชื่อว่าสำนวนที่เหลือนั้น กกต.จะสามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้ ซึ่งตนยืนยันว่า ขณะนี้ กกต.ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการสอบสวนสำนวนแต่อย่างใด และหากพิจารณาแล้วพบว่าสำนวนไหนมีมูลก็ความผิด กกต.ก็จะส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาพิจารณาใบเหลือง ใบแดง ต่อไป
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยแต่อย่างใด ส่วนเรื่องสำนวนร้องคัดค้านจำนวน 21 เรื่องนั้น ได้เร่งให้ทุกฝ่าย เช่น สันติบาล และกกต.จังหวัด พิจารณาให้เสร็จอย่างรวดเร็ว โดยการประชุมช่วงบ่าย ทางสันติบาลจะเสนอสำนวนเข้ามา 2 เรื่อง แต่ไม่ทราบว่า เป็นสำนวนของจังหวัดอะไร อย่างไรก็ตาม สำนวนร้องคัดค้านไม่ได้มีแค่ 21 เรื่อง แต่มีมากกว่านั้น เพราะว่า กกต.เปิดโอกาสให้ร้องคัดค้านได้ถึงวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจำไม่ได้ว่า มีจำนวนทั้งหมดกี่สำนวน ทั้งนี้ กกต.ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าของสำนวนใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงบางสำนวนที่ขอเลื่อนเวลาการสอบสวนออกไปอีก 7 วัน หรือ 10 วัน
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงการสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้ง จ.เชียงราย ของนายยงยุทธ ว่า เท่าที่ตนทราบ นายยงยุทธ ได้มาให้ปากคำเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ส่วนความคืบหน้า ในการสืบสวนนั้น ต้องไปถามจากคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน โดยหากคณะอนุฯ สอบเสร็จแล้ว ก็อาจเข้าที่ประชุม กกต.ได้ในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้คณะอนุฯ ยังไม่ได้รายงาน กกต.ว่า การสอบสวนมีปัญหาอะไรหรือไม่ แต่ล่าสุดคณะอนุฯ ได้ขอเลื่อนเวลาการทำงานเพิ่มอีก 7 วัน หรือ 10 วัน
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ กกต.อาจจะมีมติยกคำร้องสำนวน นายยงยุทธ นายสุเมธ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นใบขาว ใบเหลือง หรือใบแดง ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่า สำนวนนายยงยุทธ อาจจะหลุดนั้น เรื่องนี้ก็แล้วแต่พยานและหลักฐาน และกกต. จะนำความเห็นของคณะอนุฯ มาประกอบการพิจารณา โดยกกต.จะเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องนี้
อ้าง กกต.สลับหน้าที่แค่พูดเล่น
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงาน ระหว่าง กกต. 5 คน ว่า กกต. ทั้ง 5 คน ต้องรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนร่วมกัน ทั้งนี้ การแบ่งงานเป็นเพียงการมอบหมายงานให้ดูแลเป็นพิเศษเท่านั้น เพราะกกต. 5 คนต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การพูดเรื่องการปรับเปลี่ยนหน้าที่ เป็นเพียงการพูดเล่นกันเท่านั้น
"มีการพูดว่า บางงานอาจล่าช้า เลยอาจจะพูดกันเปรยๆว่า ก็อาจให้ กกต.คนนั้น คนนี้มาดูแล แต่อย่าลืมว่า ทุกท่านต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว ถึงจะเปลี่ยนไปอยู่ไหน ก็ต้องรับผิดชอบรวมกัน"นายสุเมธ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ระบุว่า อยากเปลี่ยนมาดูแลงานด้านการมีส่วนร่วมนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ปกติ กกต. ต้องช่วยกันดูแลอยู่แล้ว แม้นายสมชัยจะทำงานด้านสืบสวนสอบสวนฯ ก็ต้องดูแลเรื่องการมีส่วนร่วมเช่นกัน และหากฝ่ายการมีส่วนร่วมมีปัญหา นายสมชัย ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
เมื่อถามว่า หากนายสมชัย จะย้ายมาดูแลงานด้านการมีส่วนร่วมจริง นายสุเมธ จะย้ายไปดูแลงานด้านไหน นายสุเมธ กล่าวว่า ก็ดี ก็สบาย หากเปลี่ยนจริงตนสามารถไปดูแลอย่างอื่นได้ เพราะสุดท้ายมันต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว หากใครจะมาดูแลงานด้านใดเป็นพิเศษ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ตนอยากจะไปดูแลด้านพรรคการเมือง ก็เรียกเจ้าหน้าที่มาดูแลก็ได้
นายสุเมธ กล่าวว่า ทั้งนี้การเปลี่ยนหน้าที่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า กกต.คนไหนต้องการดูแลเรื่องใดเป็นพิเศษ โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดทั้ง 5 คน เพราะหากทำแล้วมันดีขึ้น ตนคิดว่า กกต.ต้องทำ โดยหากมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่จริง ก็ต้องดีกว่าเดิม ส่วนงานด้านใดที่ควรมีการปรับเปลี่ยนนั้น ต้องไปถามคนด้านนอก เพราะคนที่ทำงานอยู่คงดูไม่เห็น ทั้งนี้ กกต. ยังไม่ได้กำหนดเวลาการปรับเปลี่ยนหน้าที่ เพราะเป็นเพียงการพูดคุยกันเล่นๆ
เมื่อถามว่า การที่กกต.พูดเล่นนั้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า จะปรับเปลี่ยนหน้าที่กันภายหลังการเลือกตั้ง ส.ว.เสร็จสิ้น นายสุเมธ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ แต่จะไม่มีการปรับเปลี่ยนกันก่อนหน้านั้นแน่นอน
ถกยุบ มฌ.-ชท.นัดแรก 7 ก.พ.
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนเพื่อยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา กกต.เพิ่งมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน โดยมีผู้ขอถอนตัวจากการเป็นกรรมการ 1 คน คือ นายปริญญา เทวานฤนิตรกุล รองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ ฝ่ายกิจการนักศึกษา เนื่องจากไม่มีเวลา และทราบว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเริ่มประชุมครั้งแรกในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เพื่อวางกรอบการดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งเชื่อว่า การสอบสวนเรื่องนี้จะเสร็จได้ภายในเดือน ก.พ.เพราะขั้นตอนการสอบสวนมีไม่มาก เป็นเพียงข้อกฎหมายตามมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. และมาตรา 94 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงว่า กรรมการบริหารพรรคได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้ได้รับใบแดงหรือไม่
นางสดศรี กล่าวว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนต้องสอบสวนว่า กรรมการบริหารพรรคกระทำการใดจนนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ต้องนำกฎหมายมาประกอบ ดังนั้นเชื่อว่าคณะกรรมการจะเชิญหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคของทั้ง 2 พรรค มาชี้แจง ส่วนการกระทำของกรรมการบริหารพรรค จะผูกพันกับพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่คณะกรรมการชุดดังกล่าวเคยเป็นคณะกรรมการด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ซึ่งเคยมีความเห็นว่าการที่กรรมการบริหารพรรคถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ถือว่าเข้าองค์ประกอบของกฎหมายที่นายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถเสนอยุบพรรคได้
"แต่ไม่ทราบว่า คณะกรรมการสอบสวนจะยืนตามคำวินิจฉัยเดิมหรือไม่ เพราะต้องเชิญทั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมาชี้แจงข้อเท็จจริง ประกอบกับต้องนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาประกอบ หากคณะกรรมการเสนอให้ยุบพรรค ก็ต้องสรุปและเสนอความเห็นมายัง กกต. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ขั้นตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่า กกต.จะเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วย ก็ต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจึงจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย"
เมื่อถามว่า กกต.สามารถวินิจฉัยแตกต่างจากคณะกรรมการฯได้ใช่หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า กกต.มีสิทธิทั้งสั่งยุบพรรค และไม่ยุบพรรค แต่ต้องดูข้อมูลและเหตุผลประกอบสำนวน ขณะนี้จึงยังตอบไม่ได้ ส่วนที่ทั้ง 2 พรรคได้ร่วมรัฐบาล ก็ยืนยันว่าไม่กระทบต่อการพิจารณาของ กกต. เพราะการเป็นรัฐบาล ถือเป็นการทำหน้าที่ของทางรัฐศาสตร์ กกต.พิจารณาตามข้อกฎหมาย ซึ่งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์นั้น ไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน เพราะการกระทำผิดต้องดูที่ข้อกฎหมายเป็นหลัก
ส่วนการที่พรรคมัชฌิมาธิปไตยยังไม่มีหัวหน้าพรรค ก็ไม่เป็นปัญหาในการเชิญมาชี้แจง โดยเชื่อว่าคณะกรรมการฯ จะเชิญทั้งหัวหน้าพรรคใหม่ และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย มาให้ข้อมูล
ปชป.ร้องคัดค้าน ส.ส.เขต 1 พะเยา
วันเดียวกัน น.ส มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พะเยา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง กับนางสดศรี สัตยธรรม กกต. โดยนางมัลลิกา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้เคยยื่นเรื่องต่อพนักงานพนักงานสืบสวนฯตำรวจสันติบาล และ กกต.ประจำจังหวัดพะเยาแล้ว
แต่หลังจากที่มีการตั้งรัฐบาล กกต.ได้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดใหม่แทนชุดสืบสวนฯของสันติบาล ซึ่งชุดสืบสวนฯชุดใหม่เป็นของ กกต.จังหวัด ที่ก่อนหน้านี้ตนเคยร้องเรื่องความไม่เป็นกลางของเจ้าพนักงานสืบสวนฯ และในขณะนี้ทราบมาว่าพนังงานสืบสวนฯ เริ่มมีการข่มขู่พยาน และส.ส.ของพรรคพลังประชาชนที่ชนะการเลือกตั้งก็ได้กดดัน และแทรกแซงพยานในคดี ทำให้พยานบางคนกลับคำให้การ ดังนั้นจึงต้องการขอความเป็นธรรมกับ กกต.ให้นำสำนวนร้องเรียนแยกออกจาสำนวนร้องคัดค้าน และขอให้ กกต.เร่งดำเนินการสืบสวนฯ โดยเร็ว
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าว ถึงกรณีที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอเพิ่มเติมพยานในการสอบสวนการทุจริตการเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย จำนวน 10 คนว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน คณะที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน เนื่องจาก กกต.ได้มอบหมายให้แล้ว ดังนั้น เรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า คณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาอย่างไร
ทั้งนี้หากผู้ถูกร้องขอพยานเพิ่มเติมเข้ามามาก แต่คณะกรรมการฯพิจารณาแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสำนวนที่กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ ก็อาจจะตัดพยานบางปากออกไป ไม่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมก็ได้ ส่วนการส่งวีซีดีหลักฐานประกอบสำนวนนายยงยุทธให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบนั้น ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณาเช่นเดียวกัน
"ที่ผ่านมานั้น ผมยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า กกต.สามารถตัดสินใจเรื่องการส่งวีซีดี ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา แต่เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม กกต.แล้ว กกต.มีความเห็นว่า สมควรส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เนื่องจากคณะอนุกรรมการฯ ได้สอบสวนสำนวนนี้อยู่แล้ว การมอบหมายเรื่องนี้เพิ่มเติมเข้าไปอีก คณะอนุกรรมการฯ ก็น่าจะสามารถตัดสินใจได้ โดยคณะอนุกรรมการฯ สามารถตัดสินใจว่า จะส่งวีซีดีไปยังกองพิสูจน์หลักฐานหรือไม่ได้เอง โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของกกต.อีกครั้ง"
เร่งพิจารณา 21 สำนวนที่คั่งค้าง
ส่วนการพิจารณาสำนวนที่เหลืออีก 21 สำนวน ของ ส.ส.ที่ก่อนหน้านี้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้ กกต.ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กกต.และ กกต.จังหวัด ไปดำเนินการสืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ทั้งนี้ หาก สอบสวนเสร็จก็จะส่งมาให้ กกต.พิจารณาทันที ทั้งนี้เชื่อว่าสำนวนที่เหลือนั้น กกต.จะสามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้ ซึ่งตนยืนยันว่า ขณะนี้ กกต.ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการสอบสวนสำนวนแต่อย่างใด และหากพิจารณาแล้วพบว่าสำนวนไหนมีมูลก็ความผิด กกต.ก็จะส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาพิจารณาใบเหลือง ใบแดง ต่อไป
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยแต่อย่างใด ส่วนเรื่องสำนวนร้องคัดค้านจำนวน 21 เรื่องนั้น ได้เร่งให้ทุกฝ่าย เช่น สันติบาล และกกต.จังหวัด พิจารณาให้เสร็จอย่างรวดเร็ว โดยการประชุมช่วงบ่าย ทางสันติบาลจะเสนอสำนวนเข้ามา 2 เรื่อง แต่ไม่ทราบว่า เป็นสำนวนของจังหวัดอะไร อย่างไรก็ตาม สำนวนร้องคัดค้านไม่ได้มีแค่ 21 เรื่อง แต่มีมากกว่านั้น เพราะว่า กกต.เปิดโอกาสให้ร้องคัดค้านได้ถึงวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจำไม่ได้ว่า มีจำนวนทั้งหมดกี่สำนวน ทั้งนี้ กกต.ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าของสำนวนใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงบางสำนวนที่ขอเลื่อนเวลาการสอบสวนออกไปอีก 7 วัน หรือ 10 วัน
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงการสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้ง จ.เชียงราย ของนายยงยุทธ ว่า เท่าที่ตนทราบ นายยงยุทธ ได้มาให้ปากคำเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ส่วนความคืบหน้า ในการสืบสวนนั้น ต้องไปถามจากคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน โดยหากคณะอนุฯ สอบเสร็จแล้ว ก็อาจเข้าที่ประชุม กกต.ได้ในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้คณะอนุฯ ยังไม่ได้รายงาน กกต.ว่า การสอบสวนมีปัญหาอะไรหรือไม่ แต่ล่าสุดคณะอนุฯ ได้ขอเลื่อนเวลาการทำงานเพิ่มอีก 7 วัน หรือ 10 วัน
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ กกต.อาจจะมีมติยกคำร้องสำนวน นายยงยุทธ นายสุเมธ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นใบขาว ใบเหลือง หรือใบแดง ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่า สำนวนนายยงยุทธ อาจจะหลุดนั้น เรื่องนี้ก็แล้วแต่พยานและหลักฐาน และกกต. จะนำความเห็นของคณะอนุฯ มาประกอบการพิจารณา โดยกกต.จะเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องนี้
อ้าง กกต.สลับหน้าที่แค่พูดเล่น
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงาน ระหว่าง กกต. 5 คน ว่า กกต. ทั้ง 5 คน ต้องรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนร่วมกัน ทั้งนี้ การแบ่งงานเป็นเพียงการมอบหมายงานให้ดูแลเป็นพิเศษเท่านั้น เพราะกกต. 5 คนต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การพูดเรื่องการปรับเปลี่ยนหน้าที่ เป็นเพียงการพูดเล่นกันเท่านั้น
"มีการพูดว่า บางงานอาจล่าช้า เลยอาจจะพูดกันเปรยๆว่า ก็อาจให้ กกต.คนนั้น คนนี้มาดูแล แต่อย่าลืมว่า ทุกท่านต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว ถึงจะเปลี่ยนไปอยู่ไหน ก็ต้องรับผิดชอบรวมกัน"นายสุเมธ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ระบุว่า อยากเปลี่ยนมาดูแลงานด้านการมีส่วนร่วมนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ปกติ กกต. ต้องช่วยกันดูแลอยู่แล้ว แม้นายสมชัยจะทำงานด้านสืบสวนสอบสวนฯ ก็ต้องดูแลเรื่องการมีส่วนร่วมเช่นกัน และหากฝ่ายการมีส่วนร่วมมีปัญหา นายสมชัย ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
เมื่อถามว่า หากนายสมชัย จะย้ายมาดูแลงานด้านการมีส่วนร่วมจริง นายสุเมธ จะย้ายไปดูแลงานด้านไหน นายสุเมธ กล่าวว่า ก็ดี ก็สบาย หากเปลี่ยนจริงตนสามารถไปดูแลอย่างอื่นได้ เพราะสุดท้ายมันต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว หากใครจะมาดูแลงานด้านใดเป็นพิเศษ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ตนอยากจะไปดูแลด้านพรรคการเมือง ก็เรียกเจ้าหน้าที่มาดูแลก็ได้
นายสุเมธ กล่าวว่า ทั้งนี้การเปลี่ยนหน้าที่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า กกต.คนไหนต้องการดูแลเรื่องใดเป็นพิเศษ โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดทั้ง 5 คน เพราะหากทำแล้วมันดีขึ้น ตนคิดว่า กกต.ต้องทำ โดยหากมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่จริง ก็ต้องดีกว่าเดิม ส่วนงานด้านใดที่ควรมีการปรับเปลี่ยนนั้น ต้องไปถามคนด้านนอก เพราะคนที่ทำงานอยู่คงดูไม่เห็น ทั้งนี้ กกต. ยังไม่ได้กำหนดเวลาการปรับเปลี่ยนหน้าที่ เพราะเป็นเพียงการพูดคุยกันเล่นๆ
เมื่อถามว่า การที่กกต.พูดเล่นนั้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า จะปรับเปลี่ยนหน้าที่กันภายหลังการเลือกตั้ง ส.ว.เสร็จสิ้น นายสุเมธ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ แต่จะไม่มีการปรับเปลี่ยนกันก่อนหน้านั้นแน่นอน
ถกยุบ มฌ.-ชท.นัดแรก 7 ก.พ.
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนเพื่อยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา กกต.เพิ่งมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน โดยมีผู้ขอถอนตัวจากการเป็นกรรมการ 1 คน คือ นายปริญญา เทวานฤนิตรกุล รองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ ฝ่ายกิจการนักศึกษา เนื่องจากไม่มีเวลา และทราบว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเริ่มประชุมครั้งแรกในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เพื่อวางกรอบการดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งเชื่อว่า การสอบสวนเรื่องนี้จะเสร็จได้ภายในเดือน ก.พ.เพราะขั้นตอนการสอบสวนมีไม่มาก เป็นเพียงข้อกฎหมายตามมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. และมาตรา 94 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงว่า กรรมการบริหารพรรคได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้ได้รับใบแดงหรือไม่
นางสดศรี กล่าวว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนต้องสอบสวนว่า กรรมการบริหารพรรคกระทำการใดจนนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ต้องนำกฎหมายมาประกอบ ดังนั้นเชื่อว่าคณะกรรมการจะเชิญหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคของทั้ง 2 พรรค มาชี้แจง ส่วนการกระทำของกรรมการบริหารพรรค จะผูกพันกับพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่คณะกรรมการชุดดังกล่าวเคยเป็นคณะกรรมการด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ซึ่งเคยมีความเห็นว่าการที่กรรมการบริหารพรรคถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ถือว่าเข้าองค์ประกอบของกฎหมายที่นายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถเสนอยุบพรรคได้
"แต่ไม่ทราบว่า คณะกรรมการสอบสวนจะยืนตามคำวินิจฉัยเดิมหรือไม่ เพราะต้องเชิญทั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมาชี้แจงข้อเท็จจริง ประกอบกับต้องนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาประกอบ หากคณะกรรมการเสนอให้ยุบพรรค ก็ต้องสรุปและเสนอความเห็นมายัง กกต. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ขั้นตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่า กกต.จะเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วย ก็ต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจึงจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย"
เมื่อถามว่า กกต.สามารถวินิจฉัยแตกต่างจากคณะกรรมการฯได้ใช่หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า กกต.มีสิทธิทั้งสั่งยุบพรรค และไม่ยุบพรรค แต่ต้องดูข้อมูลและเหตุผลประกอบสำนวน ขณะนี้จึงยังตอบไม่ได้ ส่วนที่ทั้ง 2 พรรคได้ร่วมรัฐบาล ก็ยืนยันว่าไม่กระทบต่อการพิจารณาของ กกต. เพราะการเป็นรัฐบาล ถือเป็นการทำหน้าที่ของทางรัฐศาสตร์ กกต.พิจารณาตามข้อกฎหมาย ซึ่งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์นั้น ไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน เพราะการกระทำผิดต้องดูที่ข้อกฎหมายเป็นหลัก
ส่วนการที่พรรคมัชฌิมาธิปไตยยังไม่มีหัวหน้าพรรค ก็ไม่เป็นปัญหาในการเชิญมาชี้แจง โดยเชื่อว่าคณะกรรมการฯ จะเชิญทั้งหัวหน้าพรรคใหม่ และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย มาให้ข้อมูล
ปชป.ร้องคัดค้าน ส.ส.เขต 1 พะเยา
วันเดียวกัน น.ส มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พะเยา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง กับนางสดศรี สัตยธรรม กกต. โดยนางมัลลิกา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้เคยยื่นเรื่องต่อพนักงานพนักงานสืบสวนฯตำรวจสันติบาล และ กกต.ประจำจังหวัดพะเยาแล้ว
แต่หลังจากที่มีการตั้งรัฐบาล กกต.ได้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดใหม่แทนชุดสืบสวนฯของสันติบาล ซึ่งชุดสืบสวนฯชุดใหม่เป็นของ กกต.จังหวัด ที่ก่อนหน้านี้ตนเคยร้องเรื่องความไม่เป็นกลางของเจ้าพนักงานสืบสวนฯ และในขณะนี้ทราบมาว่าพนังงานสืบสวนฯ เริ่มมีการข่มขู่พยาน และส.ส.ของพรรคพลังประชาชนที่ชนะการเลือกตั้งก็ได้กดดัน และแทรกแซงพยานในคดี ทำให้พยานบางคนกลับคำให้การ ดังนั้นจึงต้องการขอความเป็นธรรมกับ กกต.ให้นำสำนวนร้องเรียนแยกออกจาสำนวนร้องคัดค้าน และขอให้ กกต.เร่งดำเนินการสืบสวนฯ โดยเร็ว