คตส.เดินหน้าฟ้องหวยบนดิน หลังหาข้อสรุปร่วมกับอสส.ไม่ลงตัว

มติคตส.เดินหน้าฟ้องหวยบนดินเองภายใน 14 วัน ร่อนหนังสือถึง อสส.ทวงสำนวน พร้อมออกเอกสารแจง 5 ประเด็นเทียบความเห็นต่าง อสส กับ คตส. ขณะที่สตง. จัดบอร์ดให้กำลังใจคตส.ช่วงเฮือกสุดท้าย

นาย สัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับความเห็นของคณะทำงานฝ่าย คตส.ในการประชุมร่วมกับ อัยการสูงสุด เพื่อพิจาณาความไม่สมบูรณ์ของสำนวนในดคีการออกฉลากเลขท้ายพิเศษแบบ 2 และ 3 ตัว หรือหวยบนดิน ที่ยืนยันในความสมบูรณ์ของาสำนวนการไต่สวนที่ได้ส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง

ซึ่งหลังจากนี้ คตส.จะได้ส่งหนังสืออัยการสูงสุดเพื่อขอเอกสาร สำนวนสรุปการไต่สวนคืน เพื่อดำเนินคดีต่อไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 11 ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ซึ่งขณะนี้ คตส.ได้มีการแต่งตั้งทีมทนายความจากสภาทนายความรวม 12 คน ร่วมเป็นคณะทำงานตรวจสอบสำนวนของคตส.ให้รัดกุมยิ่งขึ้น และจะทำให้เสร็จภายในกรอบเวลา 14 วัน

“ขอยืนยันว่าสำนวนของคตส.ทุกสำนวนถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ประกอบด้วยข้อมูลเอกสารหลักฐานที่เป็นพยานจากข้อกล่าวหา จากกากระทำจากการชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา พร้อมทั้งมีกฎหมายประกอบทุกประเด็น ครบถ้วนอย่างชัดเจนทุกคดี ซึ่งคตส.มั่นใจในสำนวนที่ได้สรุปไป” นายสัก กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกนากนี้ คตส.ยังออกเอกสารความเห็นที่แตกต่างระหว่าง คตส.กับ อัยการสูงสุด เพื่อเปรียบเทียบความเห็นที่ไม่ตรงกันของ คณะทำงานจากอัยการสูงสุดกับคณะทำงานของคตส.ใน 5 ประเด็น

คือ 1 .การอ้างพยานจากชั้นตรวจสอบเป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟังให้ศาลลงโทษ ซึ่ง คตส.ได้ชี้แจงว่า คตส.ได้ดำเนินตามระเบียบ ปปช.ข้อ 10 ที่ระบุว่าการไต่สวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) ในการตรวจสอบ หรือการไต่สวนตามกฎหมาย หรือระเบียบหรือข้อบังคับ ให้ถือว่าการสอบสวนหรือไต่สวนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการไต่สวน ข้อเท็จจริงของคณะกรรมการไต่สวน และระเบียบของ คตส.ข้อ 6 วรรค

2 ให้ถือพยานหลักฐานตามสำนวนที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสำนวนนั้น และในกรณีที่ใช้ในการตรวจสอบและไต่สวนเรื่องใดให้ถือพยานหลักฐานตามสำนวนการตรวจสอบเป็นสวนหนึ่งของสำนวนไต่สวน

ส่วนกรณีที่ อัยการสูงสุดเห็นว่า คำให้การในชั้นอนุกรรมการตรวจสอบไม่มีผลผูกพันให้บุคคลต้องไปเบิกความในชั้นศาล และหากเกิดกลับคำให้การไม่ถือว่าบุคคลนั้นให้การเท็จ ประเด็นนี้ คตส.เห็นว่า ในชั้นอนุกรรการตรวจสอบของ คตส.แจ้งให้ทราบว่าทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ถ้อยคำที่ให้การในชั้นตรวจสอบ อาจต้องนำไปใช้ในชั้นไต่สวน และในชั้นศาล ผู้ที่ให้ถ้อยคำร้องรับผิดชอบ

กรณีที่ อัยการสูงสุด เห็นว่า ตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 18 เมื่อคดีการเมืองขึ้นสู่ศาลแล้ว กระบวนการพิจารณาในศาลให้นำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.อ.มาใช้ บังคับ เพราะฉะนั้นการอ้างระเบียบ คตส.คงจะมาลบล้างกฎหมายไม่ได้ ประเด็นนี้ คตส.ยืนยันว่า มีอำนาจตามประกาศ คปค.ฉับที่ 30 รวมทั้งระเบียบต่างๆ มีสถานะเท่ากับกฎหมาย

กรณีที่ อัยการสูงสุด เห็นว่า คดีที่ผ่านกระบวนการของ ปปช.แม้มีการตรวจสอบ สอบสวนมาก่อน อนุกรรมการไต่สวนของ ปปช.จะสอบพยานใหม่ทั้งหมด และแม้เดิมพยานที่เคยให้การไว้กับฝ่ายอื่นทั้งหมด คตส.ชี้แจงว่า ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ข้อ 5 วรรค ท้าย กำหนดไว้ชัดเจนว่าสำนวนทีเรียกมาจากหน่วยงานหรือการตรวจสอบของ สตง.ให้ใช้เป็นสำนวนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบ โดยจะสอบเพิ่มเติมหรือไม่ก็ได้ เป็นดุลพินิจของ คตส.

2 การให้ผู้ชำนาญการพิเศษของกระทรงวงมหาดไทย หรือของศาลมาให้ถ้อยคำ เป็นพยานว่าการออกสลากพิเศษเลขท้าย2-3 ตัว ตามมติครม. เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2546 เป็นการพนันประเภทใด โดยให้มีผู้รู้ หรือ บัณฑิตมาให้ความเห็น หรือมีผู้ชำนาญการด้านพนันมาเป็นพยานหลักบานของศาล ประเด็นนี้ คตส.เห็นว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่าเป็นสลากกินรวบไม่ใช่สลากกินแบ่ง และที่ผ่านมา สนช.เสนอกฎหมายใหม่ ขอให้เพิ่มให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีอำนาจออกสลากกินรวบ ส่วนผู้เชี่ยวชาญการพนันไม่ได้มีใครจดทะเบียนไว้ที่สำนักงานศาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะฉะนั้นจึงไม่ทราบว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญมาจากไหน

นอกจากนี้ทางอัยการสูงสุด เห็นว่า หากเป็นสลากกินรวบ อัยการต้องนำสืบหักล้างพจนานุกรมว่าสลากินรวบไม่ใช่เป็นเรื่องให้สิ่งขอ การให้เงินก็เป็นสลากกินรวบได้ ประเด็นนี้ คตส.เห็นว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมีพจนานุกรม ต้องดูวิธีการเล่นประเภทนี้ว่าเรียกว่าสลากอะไร ส่วนกรณีที่ อัยการเห็นว่า ภาษีสลากกินรวบแตกต่างจากสลากกินแบ่ง หรือสลากพิเศษ ถ้าเป็นสลากินรวบ ต้องบรรยายว่าผู้ใดเป็นเจ้ามือ ผู้ใดเป็นผู้เล่น และหากถือตามพจนานุกรม สลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 3 ตัว เป็นสลากกินแบ่งไม่ใช้สลากกินรวบ คตส.มีความเห็นว่า คดีนี้ไม่ได้ฟ้องผู้เล่นหรือเจ้ามือ แต่ฟ้องว่ากระบวนการนี้เป็นการดำเนินการในเรื่องสลากกินรวบ เอาหลักการของการฟ้องคดีการพนันหรือสลากกินรวบมาเทียบเคียงกับกรณีสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว และสลากกินแบ่งรัฐบาลเจ้ามือไม่มีทางขาดทุน ส่วนสลากกินรวบมีทางขาดทุน หรือกำไร ซึ่งบางงวดมีการขาดทุนถึง 900 ล้านบาท

3. อัยการสูงสุดเห็นว่า คณะรัฐมนตรีเคยมีมติให้สำนักงานกินแบ่งรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐอื่นออกสลากกินแบ่งหรือสลากพิเศษ เพื่อหารายได้ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศล และได้รับการยกเว้นภาษี และการออกสลากพิเศษ เป็นสลากการกุศลทีกองสลากเคยได้รับอนุญาตเป็นสลากการกุศลประเภทหนึ่ง หรือเรียกว่าหวยชุด ประเด็นนี้ คตส.เห็นว่า การออกสลากการกุศลนั้นเดิมไม่มีระเบียบกำหนดไว้ชัดเจน ก่อนปี2538 มีการอนุญาตออกเป็นคราวๆตามมติครม.โดยหน่วยงานอื่นไม่ใช่กองสลาก แต่การที่กองสลากออกสลากแบบนี้เพื่อหารายได้จึงไม่ใช่สลากกินแบ่งรัฐบาล คตส. เห็นว่าไม่ได้อยู่ในวัตถุประสงค์ของกองสลากและคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่เห็นว่าอยู่ในวัตถุประสงค์ทำไม่ได้ ดังนั้นเมื่อไม่เป็นไปตามขั้นตอนของคณะรัฐมนตรีที่ไม่ได้ยกเลิกมติเดิม การเสนอโครงการผิดปกติโดยนายกรัฐมนตรี และไม่ผ่านขั้นตอนทางธุรการ จึงถือว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของทางการ ที่สำคัญวัตถุประสงค์ของกองสลากไม่เกี่ยวกับเรื่องของการกุศลแต่มีวัตถุประสงค์หารายได้เข้ารัฐ

4.อัยการเห็นว่าพยานหลักฐานเกี่ยวกับการนำรายได้ ที่เกิดจากการออกสลากเพื่อนำรายได้คืนสู่สังคม ได้นำเงินไปใช้จ่ายในกิจกรรมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ สำหรับการแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาส เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน คนยากจน อย่างไรบ้าง ยังไม่ปรากฏในสำนวน จึงจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่ม โดยไต่สวนข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์และผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ได้รับผลประโยชน์จากเงินดังกล่าวเป็นพยาน ในประเด็นนี้คตส.เห็นว่าข้อสำคัญคือสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต้องนำรายได้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามหลักพรบ.สำนักงานสลากฯและตามหลักการที่บัญญัติไว้ในพรบ.คงคลังฯการที่ครม.นำรายได้ไปจ่ายคืนสังคม ตามวิธีการนอกเหนือจากการส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ถือเป็นการฝ่าฝืนพรบ.กองสลากฯและพรบ.เงินคงคลัง หากทำได้ เช่นนี้ก็ถือว่ามติครม.มีอำนาจเหนือกฎหมายทุกฉบับทั้งปวง ในเรื่องการใช้เงินคงคลังของแผ่นดิน ซึ่งในหลักการกฎหมาย มติครม.จะฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้ และจะฝ่าฝืนมติครม.เองไม่ได้หากยังไม่มีการยกเลิกมติครม.นั้น

5.เห็นควรให้สอบสวนหลักฐานที่แน่ชัดว่า คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้สอบบัญชี และทำการตรวจสอบรับรองบัญชีการเงินทุกประเภทของสำนักงานกินแบ่งรัฐบาล ตั้งแต่เริ่มโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2-3 ตัว เพื่อนำรายได้คืนสู่สังคม จนถึงวันสิ้นสุดการออกสลากพิเศษ และทำรายงานผลการตรวจสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อสำนักงานกินแบ่งรัฐบาลตาม พรบ.สำนักงานกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 เพื่อเสนอต่อครม.ไว้อย่างไร หรือไม่ และถ้าหากมีการตรวจสอบและรับรองบัญชีแล้วให้ส่งเอกสารหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาด้วย

ประเด็นนี้คตส.เห็นว่าคตส.นำผลการตรวจสอบของสตง.และรายงานของสตง.ที่เสนอผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินฯว่าโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวเพื่อนำรายได้คืนสังคม เป็นการฝ่าฝืนต่อพรบ.เงินคงคลัง มาตรา 4 และ 13 มาเป็นข้อพิจารณาเบื้องต้นในการตรวจสอบแต่ไม่ต้องการสอบพยานหลังจากสตง.หยุดสอบ แต่คตส.ไม่ได้สอบเพิ่มว่ามีจากสาเหตุใด ซึ่งจะเป็นการเพ่งเล็งตัวบุคคลมากเกินไปว่าใครเป็นผู้ระงับการตรวจสอบที่สตง.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากสอบในประเด็นนี้จะต้องสอบผู้ว่าสตง.ว่าเมื่อสอบไปแล้ว จะมีข้อโต้แย้งว่าเอาพยานที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบเลยไม่ได้สอบในส่วนนี้ ซึ่งในการตรวจสอบของสตง.มีการตรวจสอบหลายลักษณะ เช่นการตรวจสอบรับรองงบการเงิน เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของสตง.โดยดำเนินการตามหลักทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และเมือ่ผลการตรวจสอบเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติก็แยกผลการตรวจสอบออกมาทำการสอบเฉพาะกรณี ซึ่งคตส.ได้นำผลการตรวจสอบนี้มาเป็นฐานการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีการจัดบอร์ด ติดตัวอักษรว่า “กำลังใจแด่ คตส.” โดยมีรูปคตส.ทั้ง 10 คน เรียงหน้ากระดาน พร้อมทั้งนำผลงานสมุดปกเหลืองของคตส.ทั้งสองเล่ม ที่เคยพิมพ์แจกจ่ายให้กับประชาชนมาติดโชว์ด้วย

นายสัก กล่าวว่า คตส.ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว โดยในวันเดียวกันนี้ได้มีชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้าจากจังหวัดต่าง ๆ อาทิ จ.ชัยภูมิ เลย กทม. นครราชสีมา ชุมพร ประมาณ 40 คน เข้าให้กำลังใจกับคตส. ซึ่งคตส.ก็ยังเหนียวแน่น ทำงานตามกฎหมายทั้ง 10 คนเหมือนเดิม