xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก” ยกตนเปรียบ “ชวน” ใสปิ๊งไม่แพ้กัน เชื่อไม่ขี้เหร่แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สมัคร” พลิกลิ้นอีกรอบ ลั่น ครม.ไม่ขี้เหร่แล้ว แถมยกตนเปรียบ “ชวน” ใสสะอาดไม่แพ้กัน ลั่น ครม.คนไหนยุ่งธุรกิจการค้าเท่ากับฆ่าตัวเอง

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สมัคร สุรทรเวช ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (25 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน โพสต์ฟอรัม 2008 มองไปข้างหน้ากับรัฐบาลใหม่ โดยนายสมัคร ได้พูดถึงรัฐมนตรีขี้เหร่ของรัฐบาลตนเอง ว่า รัฐบาลใหม่เกิดจากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บ้านเมือง ที่มีความเปลี่ยนแปลงเมื่อ 16 เดือนที่แล้ว ตนอยากให้มองย้อนหลัง ในระยะเวลา 5 ปี กับอีก 1 ปีที่รัฐบาลได้ดำเนินการไม่มีอะไรที่ผิดปกติสำหรับการบริหารบ้านเมือง แต่มีคนเห็นว่า เป็นความผิด ความบกพร่องในการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาไว้ 4 ข้อ ก็มีการปลุกระดม จนมีการยึดอำนาจ ทุกคนก็เสียดาย เสียใจ ทำไมต้องยกเหตุการณ์มา เพราะเห็นว่าพรรคการเมืองใหญ่ถูกยุบด้วยเหตุพลพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคเล็ก พอมีโอกาสตนก็ต้องพูด มันเกิดเหตุอย่างนี้ หนึ่งสองสามสี่ นักการเมืองที่ถูกกล่าวหาก็ไม่มีงานทำ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองนี้ 1 ปีขอขอบคุณที่มีรัฐธรรมนูญใหม่ และมีการเลือกตั้งและพิสูจน์ให้ว่าใครเป็นอย่างไร แต่จะไม่ขอเอ่ยว่าใครถูก ใครผิด พรรคการเมืองที่มีนักการเมืองมีฝีมือทำงาน 111 คน ถูกให้ยุติดำเนินกิจกรมทางการเมือง เหลือคนที่เป็นอดีต ส.ส.270 ก็ดี ที่รัฐธรรมนูญออกมาการเลือกตั้งก็เป็นธรรมเราก็เดินหน้า เคราะห์ดีที่มีการเลือกตั้งแล้วคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ทำหน้าที่เรียบร้อยใครจะมองแง่ไม่มี พอเลือกตั้งเสร็จแล้วแม้จะมีคาราคาซังอยู่บ้างก็เป็นไปตามสภาพ

กกต.เป็นคนยืนยันว่า การเลือกตั้งนั้นต้องโปร่งใสเรียบร้อย ร่อนอยู่ 1 เดือนใส่ตะแกรงจึงจะเปิดสภาได้กระโดกกระเดกนิดหน่อย โบราณเขาบอกช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม เวลาที่ตนเอ่ยสำนวน คือ ถ้าเราเห็นว่า เมื่อเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่จัดมาแล้ว คนไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็บอกว่า เอาคนนอกซัก 10 เปอร์เซ็นต์ ก็เอาสัก 3-4 คน ยังทำไม่ได้ ไม่มีใครกล้าเพราะมีกฎหมายดักหน้าดักหลังอยู่เสียหายพังหมด เขากลัวครอบครัวเสียหาย สุดท้ายก็ต้องใช้คนพวกกล้าหาญ กลับจากสนามรบ ต้องใส่ตระแกรงร่อนอย่างที่เห็น มันมีระบบพรรคอยู่ ทั้ง 37 คนนั้นสุดท้ายเขาให้นายกฯเป็นคนดูแล

นายสมัคร กล่าวว่า ตนบอกว่า ตนต้องทักท้วงได้ ถ้าบอกว่าคนในพรรค ตนก็เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดเหมือนเดิม จึงบ่นนอกพรรค มีคนมาพาดหัวตามหนังสือพิมพ์ 1-2% ไม่มีความคิด 1% เป็นแค่แขน แค่ขา แต่ตนแก้ไป 7-8 คนแก้ไป 30% ตนทำหน้าที่ของตน ที่มาพูดจะให้เห็นว่า ต้องให้เห็นว่า บ้านเมืองมีความปลี่ยนแปลง มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 234 คน มีฝ่ายค้าน 164 คน มีฐานที่มาร่วมรัฐบาล 316 คน จัดรัฐบาลได้ รู้จักกันทั้งนั้นโอกาสที่จะกอบกู้สถานการณ์บ้านเมือง จึงขอความร่วมมือแม้กระทั่ง ตนกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ปกติ ไม่ได้พูดจากัน อยู่กันคนละซีกก็ต้องมาคุยกัน เพราะความเป็นนักการเมือง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยินดีจะทำงานร่วมกัน เวลาเขียนนโยบายก็ประชุมร่วมกัน 6 พรรค และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

นายสมัคร กล่าวต่อว่า ไอ้คำที่ตนบอกว่าขี้เหร่ เพราะคนที่เป็น ครม.มันไม่ได้ดั่งใจ เพราะไม่มีทางเลือก ก็ถอนหายใจโดยเฉพาะตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ชื่อ บุญชู โรจนเสถียร เมื่อ 5-6 ปี ก่อนเซียนเศรษฐกิจชื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่มี เขาไปเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น คนจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมันต้องชื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ไปหาที่ไหน ก็เขาอยู่บ้านเลขที่ 111 เมื่อบุคลากรที่เขาสร้างไว้มันไม่อยู่ เขาก็อยากช่วย แต่คิดด้านเลวๆ เขารังเกียจ แต่ถ้าคิดดีๆ เขาต้องการรักษาองคาพยพ ของเขา มาเป็นที่ปรึกษาต้องเสียรังวัดใครจะมาช่วย แต่ที่เลือก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานด้วยกันมา 3-4 เดือน รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร เขาดำเนินการให้ 270 คน ให้มาอยู่ พลังประชาชนตรงนี้ มีข่าวว่าต่างชาติไม่เชื่อถือ นักข่าวต่างประเทศเขาก็ยื่นหน้ามาวิจารณ์รัฐมนตรีไทย ใครบอกว่า นพ.สุรพงษ์ ทำงานกระทรวงการคลังไม่ได้ รู้ไหมว่าแต่ก่อนเขาเป็นอย่างไร เขาเคยทำหน้าที่มาหลายอย่าง ตนก็ย้อนถามคนที่ถามว่า คุณรู้จักบริษัท อิตัลไทย หรือไม่ รู้จักบริษัท บางกอกแอร์ หรือไม่ เหล่านี้เจ้าของก็เป็นหมอ ก็บริหารบริษัทได้มีคนอีกมากมายซึ่งไม่ได้ทำอาชีพนี้แต่มีความคิดอ่านที่บริหารจัดการได้ ผูกกันเป็นออแกไนเซอร์ได้ เขาก็จะดูคนขับเคลื่อนที่เป็นข้าราชการประจำ ทั้งอธิบดี ปลัดกระทรวง เขาเป็นเครื่องจักรกลที่เดินหน้า เอาคนที่มีความรู้มาบริหารบ้านเมือง

นายสมัคร กล่าวอีกว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 28 ปีครึ่ง เขาทำงานกับญี่ปุ่น อยู่กับโตโยต้า อยู่กับญี่ปุ่น รู้หัวรู้หาง จนญี่ปุ่นนับเหมือนญาติ มาทำงานบ้านเมือง ทำงาน อ.ส.ม.ท.พัฒนาจนเป็นโมเดิร์นไนน์ ทีวี เขาพัฒนาจนวันหนึ่งมันโทรมหลังจากการปฏวัติ คนนนี้เป็นคนเก่ง 16 เดือนที่ผ่านมา เขาทำอะไร เขาเป็นคนวางรากฐานนั่งดูหมดว่าหากบ้านเมืองกลับสู่ปกติจะต้องทำอะไรตรงไหนอย่างไร เราก็เลยได้ นายมิ่งขวัญ มาเป็น รมว.พาณิชย์ สิ่งที่เขาพูดเพราะเขาเข้าใจ ซึ่งเขาไม่ได้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเลย แต่รู้ว่าเวลารณรงค์หาเสียงเลือกตั้งจะต้องใช้อะไรดึงดูดประชาชน ส่วน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคเป็นประธานสภา เขามีหน้าที่ของเขา ตนย้อนถามว่า เห็นหรือยังวันนี้เขาทำงานกันอย่างไร ไม่ได้เก่งกาจเลย เขามีลูกล่อลูกชน ตนเลยถามว่า ขี้ริ้วหรือไม่ ครม.ขี้ริ้วหรือไม่ การต่อสู้ทางการเมืองมันอยู่ในสภาเราวางคนในสภา พอผสมกันเสร็จเราได้นายสุวิทย์ คุณกิตติ เราได้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ตนยืนยัน ว่าไม่ขี้ริ้ว

นายสมัคร กล่าวว่า สถานะของรัฐบาลมันมาอย่างนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องจัดรัฐบาลผสม ใครจะดูถูกดูแคลนก็แล้วแต่ คนที่ยืนอยู่นี้ชื่อ สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่จะเอาคนทุกพรรคเป็นมัดเดียวกัน คิดอย่างเดียวกันรู้สึกอย่างเดียวกัน เจ็บร้อนแทนกันและมีความตั้งใจที่จะบริหารบ้านเมืองด้วยกัน หัวหน้ารัฐบาลอายุก็เยอะแล้ว หน้าตาไม่หล่อเหลาแต่มาทางวิถีทางรัฐธรรมนูญ เป็นหัวหน้าพรรคที่มีคะแนนเสียง 234 และจัดตั้งรัฐบาล 315 เสียง และขอย้ำว่ารัฐบาลนี้ไม่ขี้เหร่ ถูกชี้หน้าด่าต่างต่างนานา ตั้งแต่ยังไม่ได้ทำงาน ตนเป็นนักการเมืองนายชวน หลีกภัย ประกาศความสะอาดสะอ้านในตัวท่านอย่างไร ตนก็ประกาศอย่างนั้น นายชวนมีชื่อเสียงตลอดชีวิตอย่างไร ตนก็สร้างชื่อเสียงมาตลอดชีวิตอย่างนั้น นายชวนไม่คดโกงอย่างไร ตนก็ไม่คดโกงอย่างนั้น นายชวนไม่ซื้อเสียงอย่างไรตนก็ซื้อเสียงอย่างนั้น ตนทำงานตรงไปตรงมา เป็นคนไม่อี้อ๋อ กับใครใช้คติสุภาษิตประจำใจคือ สุจริตเป็นเกราะบัง ถ้าคุณทุจริต แต่คนไม่ทุจริตและตรงไปตรงมาอย่างตน ถ้าโกงบาทเดียวมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ ตรวจสอบได้

“นายมิ่งขวัญ คนญี่ปุ่นเชี่อถือ เพราะเคยทำงานให้ญี่ปุ่น แต่คนไทยไม่เชื่อถือ แต่ก็ยกประโยชน์ให้อาจจะรู้กำพืด เพราะเป็นคนในประเทศ แต่ก็ขอให้โปรดระมัดระวังหน่อย สิ่งสำคัญ ถ้าใครในคณะรัฐมนตรียุ่งกับธุรกิจการค้า ก็เท่ากับท่านต้องการฆ่าตัวตายผมต้องรักษาป้องกันสุดชีวิต เพื่อรักษาคณะรัฐมนตรี ผมอาสาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมา ผมต้องทำให้บ้านเมืองนี้พัฒนาก้าวหน้า และการเมืองเกิดความสงบสุข” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่นายกรัฐมนตรีกล่าวจบ ถึงคิว นายมิ่งขวัญ ขึ้นกล่าวปาฐกถาเรื่อง “การตลาด ประเทศไทย” เมื่อพูดมาได้สักครู่หนึ่ง นายมิ่งขวัญ ได้กล่าวกับผู้เข้ารับฟังว่า รู้สึกว่าจะไม่สบาย จากนั้นเมื่อกล่าวไปประมาณ 2 นาที นายมิ่งขวัญ ล้มลงโดยมือฉวยโพเดียมไว้ จนทำให้โพเดียมล้มทับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บริเวณใบหน้าท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้เข้าร่วมรับฟังนับร้อย อย่างไรก็ตาม ทีมงานและผู้ติดตามได้เข้าไปพยุงตัว และนำส่งโรงพยาบาลตำรวจทันที ซึ่ง นายมิ่งขวัญ ยังมีแรงพอที่จะเดินด้วยตนเองได้จนถึงโรงพยาบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น