xs
xsm
sm
md
lg

ฉะ สธ.ยื้อ CL ทำร้ายผู้ป่วยยาค้าง 2 ล.เม็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือข่ายผู้ป่วยจวกกระทรวงพาณิชย์ ยกคำขู่สหรัฐฯฟ้องไทยต่อ WTO มั่วๆ ไม่มีข้อเท็จจริง พร้อมย้อนเจ็บกระทรวงพาณิชย์ฟ้องกลับสหรัฐฯ เข้าท่ากว่า พร้อมฉะชะลอซีแอล ส่งผลให้ได้รับยารักษาโรคหัวใจ 2 .1 ล้านเม็ดจากบริษัทยาสามัญช้าทำให้ผู้ป่วยเข้าไม่ถึงยา เหตุบริษัทแม่ทำหนังสือข่มขู่อ้างกระบวนการไม่โปร่งใส ด้าน “ไชยา” ระบุได้รับรายงานจากปลัดสธ.ให้คงการทำซีแอลแล้ว

วานนี้ (21 ก.พ.) มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี ชมรมผู้ป่วยมะเร็ง ชมรมเพื่อนโรคไต ร่วมแถลงข่าวภายหลังมีการประชุมหารือร่วมกันเกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ยามะเร็งเพื่อให้รัฐบาลแสดงจุดยืนและเดินหน้าต่อไป

นายวิรัช ภู่ระหงษ์ ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในที่ประชุมมีข้อสรุป 2 ประเด็นคือ ประเด็นเรื่องการเข้าประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ที่ตั้งขึ้นเพื่อศึกษาข้อมูลยามะเร็งที่มีการทำซีแอล เวลา 13.00 น. วันที่ 22 ก.พ.ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และประเด็นที่สองคือกรณีที่กระทรวงพาณิชย์แถลงข่าวว่าสหรัฐอเมริกาจะฟ้องไทยต่อองค์การการค้าโลก(WTO) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่มีข้อเท็จจริง ไม่มีการไตร่ตรองข้อมูลให้ดี เพราะข้อเท็จจริงอเมริกาฟ้องเราไม่ได้

“แทนที่กระทรวงพาณิชย์จะปล่อยข่าวคำขู่ของสหรัฐอเมริกา กระทรวงพาณิชย์ ควรจะฟ้องสหรัฐอเมริกามากกว่าเพราะประเทศไทยทำซีแอลถูกต้องโปร่งใส ถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาให้สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ของสหรัฐฯ(ฟาร์ม่า) กดดันประเทศไทย กดดันกระทรวงพาณิชย์ การแถลงข่าวออกมาในลักษณะนี้ จะทำให้เราเข้าไม่ถึงการรักษาและถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรแสดงจุดยืนที่ชัดเจน และหากกระทรวงพาณิชย์มีจริยธรรมโดยการเป็นคนไทยด้วยกันที่จะต้องดูแลผลประโยชน์ของประชาชนในประเทศ ด้านสุขภาพ ก็ต้องมีการตอบโต้ทันทีโดยไม่ใช่การมาตอบโต้นักเคลื่อนไหวหรือผู้ป่วย”นายวิรัชกล่าว

**โวยยาหัวใจตกค้าง 2.1 ล้านเม็ด

นายวิรัช กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมหารือคณะกรรมการ 3 ฝ่ายศึกษาข้อมูลยามะเร็ง ประกอบด้วยคณะกรรมการศึกษายาจำเป็นต่อการเข้าถึง คณะกรรมการศึกษาราคายาและคณะกรรมการต่อรองราคาซึ่งมีทั้งนักวิชาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคนั้น ภาคประชาชนมีจุดยืนว่าจะต้องเดินหน้าทำซีแอลต่อไปโดยไม่ต้องทบทวนใหม่ แต่ถ้าจะทบทวนโดยใช้มาตรการอื่นแทนซีแอลจะมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ต้องหารายละเอียดข้อมูลว่ามีผู้ป่วยเท่าไหร่ ต่อปี จะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ยานำเข้าแต่ละชนิดมียารายการใดบ้าง และจะต้องมีกระบวนการขั้นตอนการขึ้นทะเบียนยาได้เร็ว เนื่องจากมีประสบการณ์การทำซีแอลยาต้านไวรัสเอดส์มาแล้ว

“ขณะนี้ยาบางตัวที่มีการขึ้นทะเบียนไว้นานมาก แต่ก็ยังไม่สามารถนำเข้ายาได้เพราะความไม่ชัดเจนในการทำซีแอลของ สธ. โดยเฉพาะยาละลายลิ่มเลือดหัวใจและหลอดเลือด พลาวิกซ์ ที่บริษัทยาสามัญไม่กล้านำเข้ายา โดยได้ระงับการนำเข้าไปแล้ว เนื่องจากกลัวโดนฟ้อง กรณีลักษณะนี้กระทรวงพาณิชย์ น่าจะฟ้องยาพลาวิกซ์มีการทำสัญญานำเข้าแล้ว 2.1 ล้าน เม็ดมาให้ผู้ป่วย”

“ขณะเดียวกับบริษัทยาต้นแบบส่งหนังสือไปยังบริษัทยาคาดิลา ซึ่งเป็นบริษัทสามัญ ประเทศอินเดียว่ากระบวนการทำซีแอลในไทยไม่สิ้นสุดเป็นเรื่องการกดดันมากกว่า ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันสิ้นสุดแล้วทุกกระบวนการ สามารถนำเข้าได้ทันที ทั้งยังส่งผลให้แพทย์ก็ไม่กล้าจ่ายยาการรักษา ดังนั้น สธ.ไม่ควรหยุดนิ่ง ยึดเยื้อ โดยมีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน คือเรากลัวว่า จะไม่ยกเลิกซีแอลแต่ไม่ทำอะไร อย่างนี้ไม่ได้เราไม่ยอม ถ้า สธ.ยังทำแบบนี้จะเดินหน้าต่อ จะเจอผู้ป่วยกดดัน ออกมาเรียกร้องชุมนุมแน่ๆ”นายวิรัช กล่าว

นายวิรัช กล่าวด้วยว่า หากเสร็จสิ้นกระบวนการศึกษาข้อมูลซีแอลยามะเร็ง จะทำหนังสื่อถึง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงรายละเอียดเรื่องการทำซีแอล กระบวนการขั้นตอน ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยทำถูกต้อง

**สปสช.ขอรอผลถก 28 ก.พ.

นพ.วินัย สวัสดิวร รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การหารือ 3 ฝ่าย ในการรวบรวมศึกษาข้อมูลยามะเร็ง ในส่วนของสปสช.จะนำข้อมูลจากส่วนที่บันทึกไว้ที่มีการรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง และข้อมูลจากรายงานสถาบันมะเร็ง โดยนำมาช่วยกันพิจารณา เนื่องจากตัวเลขที่ผ่านมามีตัวเลขหลายตัวเกิดจากการประมาณการณ์ และตั้งข้อสมมุติฐานมีการขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ โดยจะพิจารณาหาตัวเลขที่เหมาะสม

“ขั้นตอนกระบวนสั่งหรือนำเข้ายาสามัญเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้เพิ่งมีการประกาศซีแอลจึงจะยังไม่สั่งนำเข้ายา เพราะต้องรอผลการสรุปข้อมูล และที่สำคัญคือนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สปสช. ที่จะมีการประชุม ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ อย่างไรก็ดี หากที่สุดแล้วผลการหารือร่วมกันจะต้องสั่งยาเข้ามา กระบวนการก็จะไม่ต่างกับการสั่งยาต้านไวรัสเอดส์” นพ.วินัยกล่าว

**อภ.ยันพลาวิกซ์ข่มขู่จริง

ขณะที่ ภก.วันชัย ศุภจัตุรัส รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า ในส่วนของการสั่งซื้อยาโคลพิโดเกล(พลาวิกซ์) อภ.ได้ทำสัญญาและสั่งซื้อยาจากบริษัท คาดิลา ไปแล้วจำนวน 21. ล้านเม็ด ซึ่งกำหนดเวลาส่งมอบจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าความไม่ชัดเจนในการเดินหน้าซีแอลว่าจะเป็นไปในลักษณะใด ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้ายาโคลพิโดเกล เนื่องจากนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ประกาศชัดเจนแล้วว่าสำหรับยาต้านๆไวรัสเอดส์และยาละลายลิ่มเลือดหัวใจให้เดินหน้าต่อไป

"ช่วงนี้ยังบอกไม่ได้ว่าบริษัทจะส่งมอบยาให้กับอภ.ตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ คงต้องรอให้ถึงเวลาส่งมอบตามที่สัญญากำหนด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอภ.ได้รับสำเนาหนังสือที่บริษัทยาต้นแบบส่งไปข่มขู่บริษัท คาดิลา ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องปกติเพราะเขาเป็นผู้เสียผลประโยชน ์ ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาส่งมอบยาตามสัญญาแล้วอภ.ยังไม่ได้รับยาก็จำเป็นต้องหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่โดยมารยาทเมื่อมีการทำสัญญากันแล้วจะต้องทำตามนั้น"ภก.วันชัยกล่าว

**”ไชยา”รู้มติคงซีแอลยามะเร็งแล้ว

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวยืนยันถึงกรณีมติที่ประชุมระดับปลัดกระทรวง 3 หน่วยงาน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงต่างประเทศ ว่า นพ.ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. ได้รายงานผลการประชุมดังกล่าวให้รับทราบทางโทรศัพท์ แม้เสียงจะขาดๆ หายๆ แต่เนื้อหาคือ ให้คงการทำซีแอลไว้ก่อน ซึ่งตนได้มอบหมายให้ นพ.ปราชญ์หาข้อมูลซีแอลให้รอบด้านทั้งเรื่องตัวเลขผู้ป่วย ราคายา เพื่อนำไปใช้ในการประชุมระดับรัฐมนตรีทั้ง 3 กระทรวงอีกครั้ง เพื่อนำข้อสรุปส่งให้กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นคนพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเศษจึงจะทราบผล

"เรื่องการทำซีแอลยามะเร็งนั้น มี 2 เหตุการณ์เกิดขึ้น คือ เหตุใด นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงต้องทำซีแอลยามะเร็ง แล้ว เหตุใดนายเกริกไกร จีระแพทย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ถึงต้องทำหนังสือทักท้วงการทำซีแอลดังกล่าว เป็นเรื่องน่าสงสัยว่าเหตุใด 2 รัฐมนตรี จึงมีความเห็นที่ต่างกันทั้งที่อยู่ในรัฐบาลชุดเดียวกัน และทำไมต้องให้ผม ต้องมารับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย ทุกวันนี้มีสื่อหลายฉบับลงเนื้อหาสับสน ซึ่งบางครั้งผมก็ไม่ได้พูด อยากขอให้ใจเย็นๆ อีกเดือนเศษก็จะรู้ผล ว่าซีแอลจะเดินต่ออย่างไร" นายไชยากล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น