นางสายชล แซ่ลิ้ม รองประธานฝ่ายดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ชมรมชี่ไดนามิกส์ ประเทศไทย อายุ 57 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งมดลูกระยะที่ 4 กล่าวว่า ตนตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตั้งแต่ปลายปี 2546 ที่บริเวณเยื้อโพรงมดลูกและรังไข่ ซึ่งขณะนี้มะเร็งลามมายังปอดแล้ว โดยผลการตรวจร่างกายล่าสุด ก็พบว่ายังมีเซลล์มะเร็งอยู่
สำหรับเงินที่ใช้รักษาแต่ละครั้งตกเดือนละ 30,000 บาท โดยได้รับบริจาคจากเพื่อนๆ เนื่องจากขณะนี้ตนเองไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลของรัฐ แม้ว่าก่อนหน้านี้ใช้สิทธิสวัสดิการข้าราชการ เมื่อมีการหย่าร้างก็ไม่มีสิทธิใดรองรับ โดยกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้สิทธิในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง ซึ่งระหว่างนี้ก็ไม่ได้รับประทานยา แต่ใช้การพักผ่อนมากๆ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ปลอดจากสารพิษ สารเคมีต่างๆ เพราะเงินมีอยู่จำกัด ใช้เงินได้เท่าที่จำเป็น
“ถ้าร่างกายจิตใจอ่อนแอโรคก็กำเริบ ซึ่งก็ต้องพึ่งยาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ รวมถึงผู้ป่วยมะเร็งในภาคอีสานที่เป็นมะเร็งตับสูงเป็นอันดับ 1 พวกเขาต้องการยา เพราะไม่ว่าจะเป็นมะเร็งชนิดไหนก็ต้องลามไปมะเร็งปอด ซึ่งเป็นยาที่มีบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ดังนั้น ถ้าเขาเห็นแก่ประโยชน์ของชาติจริง เขาต้องทำซีแอล ถ้าครั้งนี้เขาไม่ทำหรือยกเลิกไปอาจทำให้เป็นรัฐมนตรีอยู่ได้ไม่นาน” นางสายชล กล่าว
นางสายชล กล่าวอีกว่า ส่วนชมรมชี่ไดนามิกส์เราใช้เงินส่วนตัวในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใดๆ เลย โดยหลักการของชมรมจะให้คำแนะนำผู้ป่วยบำบัดรักษาตนเองด้วยการฝึกหายใจ นอกจากนี้ การที่ได้สัมผัสเพื่อนๆ ผู้ป่วยมะเร็ง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด บางคนเป็นมะเร็ง มีอาการส่งสัญญาณบอกตลอด แต่ไม่มีเงิน ก็ไม่ได้ไปหาหมอ แต่ไปวัดแทน เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ ขณะนี้ก็ร่วมกันที่จะผลักดันให้เกิดเครือข่ายมะเร็งให้เป็นเครือข่ายที่เข็มแข็งมากยิ่งขึ้น รวมกันต้องดึงพลังมวลชนในต่างจังหวัดที่ไม่รู้เรื่องให้เข้าใจมากขึ้น
ด้านนายสุบิน นกสกุล อายุ 58 ปี ประธานเครือข่ายชมรมเพื่อนโรคไต กล่าวว่า แม้ว่าจะไม่มียาสำหรับโรคไตที่มีทำซีแอล แต่ประโยชน์นอกเหนือจากที่ผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือ ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับจากการที่มีโอกาสเข้าถึงยามากขึ้นแล้ว ผู้ป่วยไตยังได้รับอานิสงส์ จากการทำซีแอลยาเอดส์เพราะที่ผ่ามามีงบเหลือจากการซื้อยา 500 ล้านบาทและสปสช.นำเงินส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือผู้ป่วยไต เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการล้างไตทางช่องท้อง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น หากทบทวนให้มีการยกเลิกงบประมาณที่ผู้ป่วยไตได้รับก็อาจถูกตัดลดลง มีคนตายฟรีเพิ่มขึ้นอีกเหมือนเดิม
“เท่าที่ฟังท่านรัฐมนตรีพูดดูเหมือนท่านไม่ได้ทำการศึกษาเรื่องซีแอลเลยว่าดีหรือไม่ดี อย่างไร การที่ท่านบอกว่าไม่ถูกต้องไม่ถูกต้องอย่างไรก็ให้คำตอบได้ไม่ชัด เพราะจากการที่ผมได้เข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดสำนักงานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มั่นใจว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องที่ตั้งถูกใจ ถูกต้อง และถูกกฎหมายอย่างที่สุด ขณะเดียวกันก็ยังไม่เห็นท่านจะเสนอว่าจะใช้วิธีใดทดแทนการทำซีแอล” นายสุบิน กล่าว
สำหรับเงินที่ใช้รักษาแต่ละครั้งตกเดือนละ 30,000 บาท โดยได้รับบริจาคจากเพื่อนๆ เนื่องจากขณะนี้ตนเองไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลของรัฐ แม้ว่าก่อนหน้านี้ใช้สิทธิสวัสดิการข้าราชการ เมื่อมีการหย่าร้างก็ไม่มีสิทธิใดรองรับ โดยกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้สิทธิในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง ซึ่งระหว่างนี้ก็ไม่ได้รับประทานยา แต่ใช้การพักผ่อนมากๆ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ปลอดจากสารพิษ สารเคมีต่างๆ เพราะเงินมีอยู่จำกัด ใช้เงินได้เท่าที่จำเป็น
“ถ้าร่างกายจิตใจอ่อนแอโรคก็กำเริบ ซึ่งก็ต้องพึ่งยาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ รวมถึงผู้ป่วยมะเร็งในภาคอีสานที่เป็นมะเร็งตับสูงเป็นอันดับ 1 พวกเขาต้องการยา เพราะไม่ว่าจะเป็นมะเร็งชนิดไหนก็ต้องลามไปมะเร็งปอด ซึ่งเป็นยาที่มีบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ดังนั้น ถ้าเขาเห็นแก่ประโยชน์ของชาติจริง เขาต้องทำซีแอล ถ้าครั้งนี้เขาไม่ทำหรือยกเลิกไปอาจทำให้เป็นรัฐมนตรีอยู่ได้ไม่นาน” นางสายชล กล่าว
นางสายชล กล่าวอีกว่า ส่วนชมรมชี่ไดนามิกส์เราใช้เงินส่วนตัวในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใดๆ เลย โดยหลักการของชมรมจะให้คำแนะนำผู้ป่วยบำบัดรักษาตนเองด้วยการฝึกหายใจ นอกจากนี้ การที่ได้สัมผัสเพื่อนๆ ผู้ป่วยมะเร็ง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด บางคนเป็นมะเร็ง มีอาการส่งสัญญาณบอกตลอด แต่ไม่มีเงิน ก็ไม่ได้ไปหาหมอ แต่ไปวัดแทน เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ ขณะนี้ก็ร่วมกันที่จะผลักดันให้เกิดเครือข่ายมะเร็งให้เป็นเครือข่ายที่เข็มแข็งมากยิ่งขึ้น รวมกันต้องดึงพลังมวลชนในต่างจังหวัดที่ไม่รู้เรื่องให้เข้าใจมากขึ้น
ด้านนายสุบิน นกสกุล อายุ 58 ปี ประธานเครือข่ายชมรมเพื่อนโรคไต กล่าวว่า แม้ว่าจะไม่มียาสำหรับโรคไตที่มีทำซีแอล แต่ประโยชน์นอกเหนือจากที่ผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือ ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับจากการที่มีโอกาสเข้าถึงยามากขึ้นแล้ว ผู้ป่วยไตยังได้รับอานิสงส์ จากการทำซีแอลยาเอดส์เพราะที่ผ่ามามีงบเหลือจากการซื้อยา 500 ล้านบาทและสปสช.นำเงินส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือผู้ป่วยไต เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการล้างไตทางช่องท้อง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น หากทบทวนให้มีการยกเลิกงบประมาณที่ผู้ป่วยไตได้รับก็อาจถูกตัดลดลง มีคนตายฟรีเพิ่มขึ้นอีกเหมือนเดิม
“เท่าที่ฟังท่านรัฐมนตรีพูดดูเหมือนท่านไม่ได้ทำการศึกษาเรื่องซีแอลเลยว่าดีหรือไม่ดี อย่างไร การที่ท่านบอกว่าไม่ถูกต้องไม่ถูกต้องอย่างไรก็ให้คำตอบได้ไม่ชัด เพราะจากการที่ผมได้เข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดสำนักงานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มั่นใจว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องที่ตั้งถูกใจ ถูกต้อง และถูกกฎหมายอย่างที่สุด ขณะเดียวกันก็ยังไม่เห็นท่านจะเสนอว่าจะใช้วิธีใดทดแทนการทำซีแอล” นายสุบิน กล่าว