เครือข่ายผู้ป่วยตบเท้าพบ “ไชยา” ลั่นทำซีแอลของ “หมอมงคล” ถูกต้อง ถูกใจ ไม่ควรทบทวนซีแอลใหม่ ถ้าจะยกเลิกต้องมีเหตุผล และมีวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่ดีกว่าซีแอล พ้อหากยกเลิกจริงคงทำอะไรไม่ได้เพราะ “เขาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” ขณะที่เครือข่ายผู้ป่วยมะเร็งเตือนระวังบาปกรรม ตัวเองหรือญาติเป็นมะเร็งแล้วจะรู้สึก
เวลา 12.30 น. วันนี้ (8 ก.พ.) นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ พร้อมกลุ่มเครือข่ายผู้ป่วยโรคมะเร็ง ชมรมเพื่อนโรคไต เครือข่ายผู้บริโภค ฯลฯ จำนวนกว่า 50 คน เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อเข้าพบนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกะรทรวงสาธารณสุข กรณีที่นายไชยา ประกาศจะทบทวนการประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) แต่เนื่องจากนายไชยายังติดภารกิจ เลขานุการ รมว.สาธารณสุขจึงได้ขอเลื่อนเวลานัดหมายกับกลุ่มผู้ป่วยจากเดิมเวลา 13.00 น.เป็นเวลา 15.00 น. ทั้งนี้ ระหว่างที่รอ รมว.สธ. กลุ่มเครือข่ายผู้ป่วยตะโกนเสียงดังว่า “ถูกต้อง ถูกใจ” พร้อมเพรียงกัน
นายนิมิตร์ กล่าวว่า การที่เครือข่ายผู้ป่วยมาในครั้งนี้ ไม่ได้มาเรียกร้องอะไร เพียงมีข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.พวกเราไม่ต้องการให้ยกเลิกการทำซีแอลที่ได้ดำเนินการมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยาต้านไวรัสเอดส์ ยาสลายลิ่มเลือดหัวใจและสมอง ยารักษาโรคมะเร็ง 2.ถ้านายไชยาจะแก้ไขซีแอลกับยารักษาโรคมะเร็ง ฝ่ายเครือข่ายผู้ป่วยและภาคประชาชนต้องการมีส่วนร่วมในการพิจารณา ไม่อยากให้ รมว.ตัดสินใจจากการฟังข้อมูลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น และ 3.นายไชยาถือว่าเป็น รมว.ใหม่ของกระทรวงนี้ ดังนั้น ก่อนการแถลงนโยบายใดๆ ควรจะต้องมีความรอบคอบ ปรึกษาฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
“น่าเสียใจที่รัฐมนตรีรีบเสนอข้อมูลที่จะส่งผลกระทบต่อการทำซีแอล การเป็นผู้บริหารต้องรอบคอบในการตัดสินใจ วันนี้ไม่ได้มาเรียกร้องอะไร แต่อยากขอเหตุผล ในการที่มีแนวคิดจะทบทวน เพราะเมื่อฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนจะไปในทิศทางยกเลิกการทำซีแอลยามะเร็ง ซึ่งจะทำให้เสียประโยชน์มาก หากจะยกเลิกรัฐมนตรีต้องมีเหตุผลว่าจะดำเนินการให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้อย่างไรที่ดีกว่าวิธีการทำซีแอล แต่หากยืนยันจะยกเลิกจริงๆ พวกเราคงทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”นายนิมิตร์ กล่าว
นายนิมิตร์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้เครือข่ายภาคประชาชนจะติดตามการดำเนินการของนายไชยาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องซีแอล หากมีการยกเลิกซีแอลจริงๆต้องมาพูดคุย ว่าการยกเลิกแล้วจะดีกว่าเดิมหรือไม่ ประชาชนจะเสียประโยชน์อย่างไร เพราะการทำซีแอลที่ผ่านมานั้น มีขั้นตอนต่างๆ อย่างถูกต้อง มีบันทึกการเจรจา หลักฐานการประชุมร่วมกับบริษัทยาทุกครั้ง สิ่งที่รัฐมนตรีควรคิดขณะนี้ คือ คิดว่าจะทำซีแอลกับยาตัวไหนต่อไป ไม่ใช่คิดว่าจะยกเลิกสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่รักษาชีวิตคน ไม่จำเป็นต้องไปห่วงในสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์เป็นห่วง
ด้านนางสายชล แซ่ลิ้ม รองประธานฝ่ายดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ชมรมชี่ไดนามิกส์ ประเทศไทย ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งมดลูกระยะที่ 4 กล่าวว่า ไม่คาดหวังกับรัฐมนตรีว่าจะทำซีแอลตัวยาต่อไป เพราะแม้ประกาศที่มีการประกาศลงนามไปแล้ว ก็ยังจะมีการทบทวน ซึ่งจากการที่ได้สัมผัสผู้ป่วยบางคน ฉีดคีโม เพียง 3 เดือน ก็เลิกรับการบำบัดเพราะทนไม่ไหว เนื่องจากยาราคาถูกคุณภาพต่ำส่งผลข้างเคียงรุนแรง ส่วนยาราคาแพงส่วนใหญ่คนยากจนเข้าไม่ถึงและมีคนต่างจังหวัดที่เป็นรากหญ้าจำนวนมากที่ป่วยอยู่ในระยะประคับประคอง แค่เงินที่จะเดินทางมาหาหมอก็ยังไม่มี ดังนั้นสธ.ควรจะหารือกับกระทรวงการคลัง เพราะกระทรวงการคลังรู้ปัญหาดี ว่าประชาชนสามารถเข้าถึงยาได้น้อยมาก หากจะทำเพื่อคนรากหญ้าที่ใช้หาเสียงก็ควรผ่านเรื่องการทำซีแอลให้ได้
“คนมีอำนาจที่ไม่ยอมอนุมัติให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้นั้น ถือเป็นบาปกรรม เมื่อที่ตัวเองหรือญาติเป็นมะเร็ง ถึงจะรู้สึกว่าชีวิตของผู้อื่นก็มีค่าเช่นกัน เมื่อนั้นถึงมีเงินฉีดยาเข็มละแสน เข็มละล้าน ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะจิตใจไม่มีเมตตา” นางสายชล กล่าว