xs
xsm
sm
md
lg

อัด"มิ่ง"ขายฝันลดราคาสินค้าเอกชนชี้ทำยาก-ต้นทุนค้ำคอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ผู้ประกอบการพาเหรดจวก "มิ่งขวัญ" ลดราคาสินค้า 30 รายการ ชี้กระทรวงพาณิชย์ขายฝันประชาชน เอาดีใส่ตน "พิพัฒ" ฟันธงพูดง่ายแต่ปฏิบัติยาก ระบุลดราคาต้องลดคุณภาพเสี่ยงแบรนด์เสีย "ไลอ้อน" ลั่นร่วมมือเฉพาะที่ทำได้ ยักษ์ลีเวอร์ฯ เผยในแง่ปฏิบัติทำไม่ได้ คนวงการอุปโภคบริโภคจ่อคิวปั้น"ไฟท์ติ้งแบรนด์ มิ่งขวัญ" ด้านพาณิชย์นัดผู้ประกอบการ 250 รายถก 22 ก.พ.นี้ หาทางลดราคาสินค้าอย่างน้อย 1 ปี อ้างลดภาระให้แก่ประชาชน ส่วน “หมัก” พล่าม "แก้เศรษฐกิจ ด้วยเศษสตางค์" ลอกแนวคิดมะกันแก้สินค้าอุปโภคบริโภค ขอร้องสื่องดเสนอข่าวขึ้นเงินเดือนก่อนมติ ครม.คลอด อ้างต่างชาติไม่ทำกัน

จากกรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งให้กรมการค้าภายในตรวจสอบต้นทุนและราคาสินค้า 30 รายการ ที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชน หากรายการใดมีต้นทุนที่ลดลงก็จะให้สินค้าดังกล่าวลดราคาจำหน่าย และกรณีที่รายการสินค้าใดต้นทุนสูงก็จะขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าไว้ก่อนนั้น

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือTF ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น หากต้องการให้ผู้ประกอบการลดราคาสินค้าลง ก็ต้องไปทำให้วัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นลดลงให้ได้ก่อน ถ้าทำได้แล้วค่อยมาว่ากัน ซึ่งแนวทางดังกล่าวฟันธงเลยว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถปฏิบัติได้ โดยเฉพาะในสภาวะปัจจุบัน

"หากผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในแนวทางดังกล่าว มีอยู่วิธีเดียว คือ ลดคุณภาพของสินค้าลง หรือทำเป็นสินค้าไฟท์ติ้งแบรนด์ ที่ผ่านมาก็มีบทเรียนผลิตผงซักฟอกธงฟ้าออกจำหน่าย สินค้าคุณภาพไม่ดี ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค แต่ความเป็นจริงไม่มีผู้ประกอบการรายใด อยากจะลดคุณภาพสินค้าลง เพราะมีโอกาสที่แบรนด์จะเสีย ใครจะกล้าเสี่ยงเอาแบรนด์ที่สร้างสมมา ต้องพังทลายไป"

สิ่งที่ภาครัฐควรจะดำเนินการในขณะนี้ คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนระดับล่าง (รากหญ้า)มีกำลังการซื้อดีขึ้น โดยการสร้างงานสร้างรายได้ ส่วนภาวะเงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วง เงินเฟ้อเกิดขึ้นเพราะกำลังการซื้อของไม่มีและราคาสินค้าก็เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องราคาสินค้าภาครัฐควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดมากกว่า

ไลอ้อนลั่นร่วมมือเฉพาะที่ทำได้

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า หากภาครัฐขอความร่วมมือในการลดราคาสินค้าลง ในส่วนนี้ต้องคงพิจารณาสินค้าเป็นรายการไปว่า ประเภทไหนที่สามารถลดราคาได้ แต่ในส่วนของผงซักฟอกไม่สามารถลดได้จริงๆ เพราะวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้นสูงมาก จนถึงขณะนี้ผู้ผลิต (ซัปพลายเออร์)ที่ส่งวัตถุดิบให้และทำสัญญาเป็นรายปี ถึงกับบอกเลิกส่งวัตถุดิบในราคาเดิมไปก็มี และแจ้งว่าสินค้าไม่มีในคลังสินค้า(สต็อก)แล้ว

ทั้งนี้ หากภาครัฐให้ผู้ประกอบการลดราคา โอกาสที่คุณภาพสินค้าจะลดลงก็มีสูง วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาภาพลวงตา เพราะหากสินค้าไม่ดีนั่นก็หมายถึงว่า ผู้บริโภคจะต้องใช้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเท่าเดิม ความถี่ในการซื้อก็มีเพิ่มขึ้นไปด้วย สุดท้ายได้ซื้อในราคาเท่าเดิมหรืออาจจะแพงขึ้นก็ได้ การแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้น ภาครัฐควรทำแบบไม่มีใครเสีย

ส่วนการทำสินค้าไฟท์ติ้งแบรนด์ อาจจะเป็นกิจการเฉพาะชั่วคราว ซึ่งอาจช่วยในแง่ของจิตวิทยา แต่อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐต้องการให้ผู้ประกอบการลดราคาสินค้า จะต้องช่วยเหลือในแง่ของการลดภาษีต่างๆ โดยขอความร่วมมือจากกรมสรรพสามิต หรือกระทั่งกระทรวงการคลัง เป็นต้น

ลีเวอร์ฯยันในแง่ปฏิบัติทำไม่ได้

นายเจอโรม ชาราโรน รองประธานกรรมการบริหาร-กลุ่มธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์คนอร์ เอนเนอร์จี คัพโจ๊ก และเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เปิดเผยว่า แนวทางที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการลดราคาสินค้าลงในสภาพที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ในเรื่องดังกล่าวในแง่ปฏิบัติคงทำได้ยาก โดยยกตัวอย่างว่า ขณะนี้ต้นทุนการผลิตโจ๊กสำเร็จรูปได้ปรับขึ้นไปแล้ว 2 เท่าตัว แต่บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นซึ่งยังไม่รวมสินค้ากลุ่มอื่นๆที่ต้นทุนการผลิตสูงเช่นกัน

ส.ตลาดลดสร้างแบรนด์เรื่องยาก

นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หากต้องการให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามที่รัฐบาลต้องการ รัฐคงต้องเข้ามาช่วยเหลือในด้านของต้นทุนวัตถุดิบ และลดอัตราการเก็บภาษีเงินได้จากปัจจุบันที่จัดเก็บ 30% ส่วนการให้ผู้ประกอบการลดการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะการสร้างแบรนด์สินค้ามีผลต่อการขายสินค้า ช่วยตอกย้ำและสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค

จ่อคิวปั้นไฟท์ติ้งแบรนด์"มิ่งขวัญ

แหล่งข่าวจากวงการสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า แนวทางที่กระทรวงพาณิชย์ออกมานั้น เป็นที่เข้าใจกันว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งในฐานะรมว.พาณิชย์ ของนายมิ่งขวัญก็ต้องการมีผลงานให้ประชาชนชื่นชอบ หากภาครัฐอยากจะให้ความร่วมมือก็อยากจะร่วมมือ ซึ่งบริษัทอาจจะผลิตสินค้าไฟท์ติ้งแบรนด์ มีคุณภาพต่ำภายใต้แบรนด์ "มิ่งขวัญ" ตรงนี้ก็สามารถที่จะทำได้ แต่การแก้ปัญหาสินค้าแพงขึ้น โดยขอความร่วมมือลดราคาสินค้า 30 รายการ เป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอด

"มิ่งขวัญ"นัด250ผู้ผลิตถก22ก.พ.

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะหารือกับผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคประมาณ 250 ราย เพื่อหาแนวทางในการปรับลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในชีวิตประจำวันลงมา ซึ่งถือเป็นการลดค่าครองชีพให้ประชาชน เชื่อว่า น่าจะมีสินค้าหลายรายการที่สามารถปรับลดราคาลงได้ทันที

"หากสินค้าใดสามารถปรับลดราคาลงมาได้ ผู้ประกอบการก็ต้องยอมปรับลดราคาลง เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน โดยผู้ประกอบการต้องยอมลดกำไรลง และอาจเพิ่มปริมาณการผลิตให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า คาดว่า เมื่อประชุมเสร็จแล้ว จะมีการประกาศข่าวดีให้ประชาชนให้รับทราบ" นายมิ่งขวัญกล่าวหวังผลทางคะแนนเสียง

กดดันลดราคาสินค้า1ปี

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในการประชุมวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะมีการหารือกับผู้ประกอบการถึงแนวทางในการปรับราคาสินค้าว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไรในการพิจารณา สถานการณ์ราคาพลังงาน และแนวโน้ม ราคาวัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้า โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบนำเข้าที่ต้องอิงราคาตลาดโลก รวมถึงต้นทุนการบริหารจัดการของผู้ประกอบการแต่ละราย ต้นทุนในการขนส่งสินค้า และประชาสัมพันธ์สินค้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม นายมิ่งขวัญต้องการให้ผู้ประกอบการที่สามารถลดราคาสินค้าได้ยอมปรับลดราคาลงทันทีอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 1 ปี เพราะจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นการต่อยอดโครงการธงฟ้าราคาประหยัด ที่จะมีการลดราคาสินค้าเป็นครั้งคราว และเปิดจุดขายสินค้าราคาประหยัดเป็นช่วงๆ

" เชื่อว่า นายมิ่งขวัญ จะขอให้ผู้ประกอบการแต่ละราย ยอมสัญญาว่า จะลดราคาสินค้ากี่รายการ มีสินค้าใดบ้าง เช่น เครือสหพัฒน์ มีสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ 100 รายการ จะยอมลดราคาได้ทันทีกี่รายการ มีสินค้าใดบ้าง ซึ่งจะต้องเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ไม่ใช่เป็นสินค้าที่มีแบรนด์ดังๆ และขายราคาแพง หรือเป็นสินค้าที่ขายไม่ดี หรือกำลังจะหมดอายุ"

สำหรับสินค้าและบริการทั้ง 33 รายการ ที่เป็นเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการให้ปรับลดราคา ได้แก่ ข้าวสารบรรจุถุง , ผลิตภัณฑ์นม, น้ำมันพืช ,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ,แป้งสาลี ,อาหารปรุงสำเร็จ ,เนื้อสุกร ,ผงซักฟอก ,แชมพู ,สบู่ ,ยาสีฟัน ,ผ้าอนามัย ,ถ่านไฟฉาย ,เยื่อกระดาษ ,กระดาษเหนียว ,กระดาษทำลูกฟูก ,แบตเตอรี่, รถยนต์นั่ง ,รถยนต์บรรทุกเล็ก ,รถจักรยานยนต์ ก๊าซหุงต้ม ,ปูนซีเมนต์ ,เหล็กเส้น ,สายไฟฟ้า ,เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ, เหล็กแท่ง ,ปุ๋ย ,ยาป้องกันและปราบศัตรูพืช ,อาหารสัตว์ ,ค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชน ,ค่าเช่าบ้าน และค่าโทรศัพท์มือถือ

แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า คงจะต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนเป็นสำคัญ เนื่องจากวัตถุดิบในบางรายการนั้นปรับเพิ่มขึ้นไปมากหากตรึงราคาไปถึง 1 ปีนั้นคงจะต้องมาหารือกันแต่ละรายการไป เพราะบางรายการอาจจะตรึงไว้ได้ เพราะการปรับราคาขายอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงและกำลังซื้อประชาชนที่ต่ำอยู่แล้ว แต่บางรายการจะตรึงยาวมากไปก็อาจมีผลขาดทุนและในที่สุดอาจจะไม่สามารถผลิตต่อไปได้

"ค่าครองชีพประชาชนสูงอยู่แล้ว การที่ราคาสินค้าจะปรับขึ้นราคานั้นผู้ผลิตเองเวลานี้ถ้าไม่จำเป็นต้องปรับก็ไม่คิดจะปรับอยู่แล้ว ดังนั้นรัฐน่าจะไปพิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญทั้งค่าไฟ น้ำประปา น้ำมัน ก๊าซหุงต้มประกอบด้วย และราคาสินค้าที่เห็นว่าเกี่ยวกับปากท้องชาวบ้านนั้น ก็ไม่ควรจะมองข้าม ส่วนของร้านโชว์ห่วย ร้านตลาดสดที่มีการเอารัดเอาเปรียบปรับขึ้นโดยพลการ"แหล่งข่าวกล่าว

"หมัก"ฉายแนวคิด"มะกัน"แก้สินค้าแพง

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ "พูดจาประสา สมัคร" ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยและวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ถึงคำถามเกี่ยวกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับสูงขึ้นว่าสินค้าราคาแพงได้ แต่ต้องแพงโดยมีเหตุผล โดยมีสัดส่วนของความแพง เวลานี้น้ำมันพืชขึ้นราคาไปทีหนึ่งขวดละ 4 บาท หมู 100 บาทขึ้นไป 120 บาท ขึ้น 20 % นี่คือทุกข์

"คนไทยชอบเทียบ อะไรก็เทียบต่างชาติ เทียบไปเทียบมา อ้างต่างชาติเสมอเลย คราวนี้ก็สมควรอ้าง ต้องอ้างประเทศสหรัฐอเมริกา "

นายสมัครกล่าวต่อว่าในเรื่องของนโยบายที่รัฐบาลไทยจะขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ เมื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติออกมาวันนี้ เพียงไม่กี่วันราคาสินค้าจะขึ้นกันแล้ว ไม่มีใครห้ามปราม ขึ้นกันเลยตามใจชอบ ขณะที่สื่อก็บอกจำเป็นต้องเสนอข่าว บอกจะขึ้นก็ต้องเสนอข่าว ขึ้นเท่าไหร่ก็เสนอข่าว แต่อเมริกันก็ถือธรรมเนียมว่า เงินเดือนไม่ให้ใครรู้ เงินเดือนได้เท่าไรไม่ให้ใครรู้ ถือเป็นความลับส่วนบุคคล เขาทำกันเงียบ ๆ อย่างไรไม่รู้ ไม่มีข่าวในหนังสือพิมพ์เงินเดือนขึ้น สินค้าขึ้นราคา บางทีถ้าเล็กน้อย เขาก็ไม่บ่นถึง นี่คือระบบของเขา

"บัดนี้รัฐมนตรีของผมชื่อมิ่งขวัญ แสงสุวรรณอยู่กระทรวงพาณิชย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้วย ดำเนินการ คุณมิ่งขวัญฯ ไม่ได้หารือผมเลย ได้ดำเนินการทำเหมือนที่ผมคิด และกระซิบบอกว่าผมได้ดำเนินการแล้ว 33 รายการ ทำอย่างไร ขอสนทนาขอตรวจสอบ แปลว่าอย่าง น้ำมันพืชขึ้นทีละ 4 บาท ขึ้นกระโดด 2 หน จาก 29 บาทกลายเป็น 40 บาท จะเป็น 50 บาท ได้อย่างไรครับ อั้นมานานขนาดไหนอย่างไร ถ้าจำเป็นไม่ว่า แต่ว่าถ้าไม่จำเป็นล่ะ”

“เพราะฉะนั้น ดูสิครับเขาคำนวณแล้วเวลาแก๊สขึ้นราคา แม่ค้าทำกับข้าวแก๊สขึ้นราคานี้ เขาคำนวณเสร็จเลย ซึ่งก็ต้องน่าฟัง ข้าวจานหนึ่งแก๊สขึ้นราคาตามที่ขึ้นมาใหม่แล้ว เฉลี่ยข้าว 1 จาน 4 สตางค์ ความแพงของแก๊สที่ขึ้นอยู่ในจานข้าว 4 สตางค์ แล้วอะไร ๆ กับข้าวกับปลาแพงขึ้น ถ้าหากว่าแพงขึ้นสัก 1 บาท แล้วเวลาขายก็ปรับราคาขึ้นมา 2 บาท อย่างนี้เป็นธรรม เรียกว่าพอเป็นธรรม มันขึ้นมา 1 บาทเราเอาเป็น 2 บาท เพราะคนค้าขายจะได้มีกำไรด้วย แต่นี่ขึ้นมาเป็น 5 บาท อีก 3 บาทไปอยู่ในกระเป๋าของคนพวกนั้น 21 บาทไปเป็น 25 บาท "

นายสมัครกล่าวด้วยว่า สื่อสารมวลชนต่อไปนี้ รัฐบาลจะปรับขึ้นเงินเดือน ไม่เป็นข่าว จะมีใครตายไหมที่โรงพิมพ์ คือไม่เสนอข่าวว่าจะขึ้นเงินเดือน คือมาช่วยกัน ช่วยสังคมไทย ถ้าไม่ได้พาดหัวว่าขึ้นเงินเดือนแล้วจะเป็นอย่างไรไหม และทำไมประเทศสหรัฐฯไม่ล่มสลายที่ว่าเงินเดือนเป็นความลับของแต่ละคน ประเทศอเมริกานั้นสิทธิเสรีภาพอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเลย ใครได้เท่าไร ใครไม่ได้เท่าไร คุณไม่ต้องถามคนอื่น คุณเอา Paycheck มาเปิดไม่ได้เลยว่าใครเขาได้เท่าไร
กำลังโหลดความคิดเห็น