กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์) ค่อนข้างซบเซาไม่น้อยในช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากโดนผลกระทบจากการมาตรการกันสำรอง 30% ไปแบบเต็มๆ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไม่สามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างสะดวกเหมือนในอดีต ทำให้บรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆ ที่มีแผนที่จะออกหรือเพิ่มขนาดกองทุนก็ต่างพากันระงับหรือชะลอแผนที่วางไว้กันเกือบหมด จนทำให้ปี 2550 แทบจะเป็นปีแห่งฝันร้ายของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันภาครัฐมีแนวโน้มว่าจะมีการประกาศยกเลิกการใช้มาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งถ้ามีการยกเลิกได้จริงน่าจะมีผลช่วยให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น และน่าจะส่งผลทำให้ราคาของกองทุนรวมดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ก็เหมือนมีน้ำทิพย์มาชุบชีวิตให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ได้มีชีวิตชีวาขึ้น เมื่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีมติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขาย การจัดสรร และการจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับกองทุนรวมดังกล่าวและเป็นไปตามหลักสากลมากขึ้น แต่ก็ไม่ให้มีการใช้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นช่องทางหลีกเลี่ยงกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินด้วย
และเมื่อสรุปโดยรวมแล้ว จะเห็นได้ว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แทบจะทุกข้อ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงตามที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเป็นผู้เสนอไปเองทั้งนั้น แม้ว่าการกำหนดสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติให้สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 49% ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยลบอยู่บ้างก็ตาม
แต่หากมองในแง่ดี ยังมีข้อดีมาเสริมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรหน่วยลงทุนแบบใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับนักลงทุนสถาบันมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีปัญหาว่านักลงทุนเหล่านี้ต้องการลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากจัดสรรหน่วยลงทุนออกมาแล้ว กลับได้หน่วยลงทุนต่ำกว่าจำนวนที่ต้องการ เนื่องจากจะจัดสรรให้รายย่อยก่อน ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวน่าจะช่วยให้กองทุนมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น
โดยในปีนี้มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ออกมาประเดิมตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งบริหารโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ...วันนี้ "MutualFund IPO" มีรายละเอียดกองทุนนี้มาฝากกัน
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เล่าให้ฟังว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PROPERTY PREFECT FUND : PFFUND) มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท ไม่กำหนดอายุโครง โดยจะเน้นลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบไปด้วยที่ดินและบ้านพักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทรา จำนวน 17 หลัง และโครงการเพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ จำนวน 47 หลัง รวมเป็น 64 หลัง โดยกองทุนซื้อมาเพียง 510 ล้านบาท
ทั้งนี้ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ จะรับประกันรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการให้แก่งกองทุนรวมขั้นต่ำปีละ 55 ล้านบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม) และค้ำประกันการรับประกันรายได้โดยธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่นักลงทุนไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ
"สมจินต์" บอกว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ทำให้กระแสรายได้ไม่มีความเสถียร และผันแปรไปตามหุ้นด้วย ขณะที่การลงทุนในประเภทอื่นให้ผลตอบแทนที่ต่ำ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางเลือกของนักลงทุนน้อยลงด้วย การที่กองทุนนี้มีการรับรองรายได้และผลตอบแทนที่ 7.5% จึงนับว่าเป็นการลงทุนที่ดี นอกเหนือจากการปรับเพิ่มของอสังหาริมทรัพย์ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีข้อดีที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้ลงทุนซื้อกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (Freehold) ทำให้นักลงทุนมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวทั้ง 64 หลัง จึงมีความมั่นคงสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุน และยังมีโอกาสได้รับกำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย ขณะเดียวกัน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัดจะเข้ามาถือหน่วยลงทุนประมาณ 10% ของกองทุนนี้ด้วย โดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท และอาจจะเพิ่มการถือหน่วยลงทุนเป็น 1 ใน 3 ของกองทุน โดยมีมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อปกป้องราคาไม่ให้มีราคาต่ำด้วย
ชายนิด โง้วศิริมณี ประธนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บอกว่า จุดเด่นของอสังหาริมทรัพย์ใน 2 โครงการนี้อยู่ที่ทำเล ที่ตั้ง ซึ่งโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทรา อยู่ติดถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้บริหารระดับสูงชาวต่างชาติที่ทำงานในย่านสุขุมวิท แต่ต้องการอยู่บ้านเดี่ยวที่เดินทางได้สะดวกสบาย ส่วนโครงการเพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ ตั้งอยู่บนถนนราคมคำแหง ติดโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีวิเทศศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติชั้นนำที่ก่อตั้งมานานถึง 50 ปี มีนักเรียนกว่า 1,900 คน โดยมีนักเรียนต่างชาติประมาณ 900 คน และยังมีอาจารย์ที่เป็นชาวต่างชาติอีก 350 คน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก รวมทั้งยังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถรองรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสนามบินด้วย ทั้ง 2 โครงการจึงมีศักยภาพในการหาผู้เช่าได้อย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน ยังได้บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในตลาดเช่าเป็น Sole Agent โดยคาดว่าจะมีผู้เช่าบ้านจากทั้ง 2 โครงการประมาณ 40% และบริษัทยังมีแผนการทำตลาดต่อเนื่องไปอีก 6 เดือน คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เช่าบ้านภายในสิ้นปี 2551 ได้ประมาณ 80% และอัตราค่าเช่าบ้านอาจจะมีการปรับขึ้นไปอีก เนื่องจากปัจจุบันค่าเช่าค่อนข้างต่ำกว่าคูแข่งที่อยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท โดยค่าเช่าของโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทราอยู่ที่ 65,000-85,000 บาทต่อเดือน ขณะที่โครงการเพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ ค่าเช่าบ้านอยู่ที่ 55,000-80,000 บาทต่อเดือน
"ชายนิด" บอกว่า หลังจากการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลชุดใหม่ และการยกเลิกมาตรการ 30% และมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยลงอีก คาดว่าจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยในแง่ของการเมืองยังไม่มีอะไรเพิ่ม แต่จะได้อานิสงส์จากโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) อย่างโครงการรถไฟฟ้า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยถูก และมีเงินไหลเข้ามาจากต่างชาติ ที่ผ่านมา ไม่มีการลงทุนในเมกะโปรเจกต์เลย ซึ่งการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ล่าสุด ก็เป็นการลงทุนในสนามบินสวรรณภูมิเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว คาดว่าจะมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอย่างน้อย 4-5 โครงการ และจะแล้วเสร็จภายใน 4-5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บลจ.วรรณกำหนดเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 นี้ มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ บลจ.วรรณ โทร. 0-2659-8888 กด 1 หรือเว็บไซต์ www.one-asset.com
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันภาครัฐมีแนวโน้มว่าจะมีการประกาศยกเลิกการใช้มาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งถ้ามีการยกเลิกได้จริงน่าจะมีผลช่วยให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น และน่าจะส่งผลทำให้ราคาของกองทุนรวมดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ก็เหมือนมีน้ำทิพย์มาชุบชีวิตให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ได้มีชีวิตชีวาขึ้น เมื่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีมติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขาย การจัดสรร และการจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับกองทุนรวมดังกล่าวและเป็นไปตามหลักสากลมากขึ้น แต่ก็ไม่ให้มีการใช้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นช่องทางหลีกเลี่ยงกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินด้วย
และเมื่อสรุปโดยรวมแล้ว จะเห็นได้ว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แทบจะทุกข้อ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงตามที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเป็นผู้เสนอไปเองทั้งนั้น แม้ว่าการกำหนดสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติให้สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 49% ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยลบอยู่บ้างก็ตาม
แต่หากมองในแง่ดี ยังมีข้อดีมาเสริมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรหน่วยลงทุนแบบใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับนักลงทุนสถาบันมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีปัญหาว่านักลงทุนเหล่านี้ต้องการลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากจัดสรรหน่วยลงทุนออกมาแล้ว กลับได้หน่วยลงทุนต่ำกว่าจำนวนที่ต้องการ เนื่องจากจะจัดสรรให้รายย่อยก่อน ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวน่าจะช่วยให้กองทุนมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น
โดยในปีนี้มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ออกมาประเดิมตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งบริหารโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ...วันนี้ "MutualFund IPO" มีรายละเอียดกองทุนนี้มาฝากกัน
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เล่าให้ฟังว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PROPERTY PREFECT FUND : PFFUND) มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท ไม่กำหนดอายุโครง โดยจะเน้นลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบไปด้วยที่ดินและบ้านพักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทรา จำนวน 17 หลัง และโครงการเพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ จำนวน 47 หลัง รวมเป็น 64 หลัง โดยกองทุนซื้อมาเพียง 510 ล้านบาท
ทั้งนี้ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ จะรับประกันรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการให้แก่งกองทุนรวมขั้นต่ำปีละ 55 ล้านบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม) และค้ำประกันการรับประกันรายได้โดยธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่นักลงทุนไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ
"สมจินต์" บอกว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ทำให้กระแสรายได้ไม่มีความเสถียร และผันแปรไปตามหุ้นด้วย ขณะที่การลงทุนในประเภทอื่นให้ผลตอบแทนที่ต่ำ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางเลือกของนักลงทุนน้อยลงด้วย การที่กองทุนนี้มีการรับรองรายได้และผลตอบแทนที่ 7.5% จึงนับว่าเป็นการลงทุนที่ดี นอกเหนือจากการปรับเพิ่มของอสังหาริมทรัพย์ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีข้อดีที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้ลงทุนซื้อกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (Freehold) ทำให้นักลงทุนมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวทั้ง 64 หลัง จึงมีความมั่นคงสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุน และยังมีโอกาสได้รับกำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย ขณะเดียวกัน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัดจะเข้ามาถือหน่วยลงทุนประมาณ 10% ของกองทุนนี้ด้วย โดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท และอาจจะเพิ่มการถือหน่วยลงทุนเป็น 1 ใน 3 ของกองทุน โดยมีมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อปกป้องราคาไม่ให้มีราคาต่ำด้วย
ชายนิด โง้วศิริมณี ประธนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บอกว่า จุดเด่นของอสังหาริมทรัพย์ใน 2 โครงการนี้อยู่ที่ทำเล ที่ตั้ง ซึ่งโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทรา อยู่ติดถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้บริหารระดับสูงชาวต่างชาติที่ทำงานในย่านสุขุมวิท แต่ต้องการอยู่บ้านเดี่ยวที่เดินทางได้สะดวกสบาย ส่วนโครงการเพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ ตั้งอยู่บนถนนราคมคำแหง ติดโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีวิเทศศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติชั้นนำที่ก่อตั้งมานานถึง 50 ปี มีนักเรียนกว่า 1,900 คน โดยมีนักเรียนต่างชาติประมาณ 900 คน และยังมีอาจารย์ที่เป็นชาวต่างชาติอีก 350 คน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก รวมทั้งยังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถรองรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสนามบินด้วย ทั้ง 2 โครงการจึงมีศักยภาพในการหาผู้เช่าได้อย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน ยังได้บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในตลาดเช่าเป็น Sole Agent โดยคาดว่าจะมีผู้เช่าบ้านจากทั้ง 2 โครงการประมาณ 40% และบริษัทยังมีแผนการทำตลาดต่อเนื่องไปอีก 6 เดือน คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เช่าบ้านภายในสิ้นปี 2551 ได้ประมาณ 80% และอัตราค่าเช่าบ้านอาจจะมีการปรับขึ้นไปอีก เนื่องจากปัจจุบันค่าเช่าค่อนข้างต่ำกว่าคูแข่งที่อยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท โดยค่าเช่าของโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทราอยู่ที่ 65,000-85,000 บาทต่อเดือน ขณะที่โครงการเพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ ค่าเช่าบ้านอยู่ที่ 55,000-80,000 บาทต่อเดือน
"ชายนิด" บอกว่า หลังจากการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลชุดใหม่ และการยกเลิกมาตรการ 30% และมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยลงอีก คาดว่าจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยในแง่ของการเมืองยังไม่มีอะไรเพิ่ม แต่จะได้อานิสงส์จากโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) อย่างโครงการรถไฟฟ้า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยถูก และมีเงินไหลเข้ามาจากต่างชาติ ที่ผ่านมา ไม่มีการลงทุนในเมกะโปรเจกต์เลย ซึ่งการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ล่าสุด ก็เป็นการลงทุนในสนามบินสวรรณภูมิเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว คาดว่าจะมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอย่างน้อย 4-5 โครงการ และจะแล้วเสร็จภายใน 4-5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บลจ.วรรณกำหนดเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 นี้ มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ บลจ.วรรณ โทร. 0-2659-8888 กด 1 หรือเว็บไซต์ www.one-asset.com
