xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” จำนนราคาสินค้าพุ่ง-รอพิสูจน์ฝีมือ “เจ๊มิ่ง” จับตาแถลงเงินเฟ้อ บ่ายนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สินค้าอุปโภคบริโภคแห่ปรับขึ้นราคา “พาณิชย์” รับสภาพจนปัญญาคุมราคาสินค้า ประกาศยกธงขาวแล้ว ยอมรับ น้ำมันพืช นม แป้งสาลี เหล็ก อาจต้องปรับขึ้นอีกหลายรอบ หากต้นทุนวัตถุดิบยังพุ่ง เพราะผูกติดราคากับตลาดโลก เตรียมโยนรัฐบาลใหม่พิจารณา ล่าสุด รัฐบาลสมัคร 1 ไว้วางใจส่ง “เจ๊มิ่ง” พิสูจน์ฝีมือ แนะจับตาเงินเฟ้อเดือน ม.ค.พุ่งกระฉูดแน่ เตรียมเปิดแถลงบ่ายนี้

วันนี้ (1 ก.พ.) นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาราคาที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคขยับสูงขึ้นในช่วงนี้ เกิดจากผลกระทบต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบ เพราะเราไปอิงกับราคาในตลาดโลก กรณีที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ตรวจสอบราคาก๊าซหุงต้ม น้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลือง เหล็ก ผลิตภัณฑ์นม แป้งสาลี ไปแล้ว

โดยส่วนของเหล็ก นม แป้งสาลี มีความจำเป็นที่ผู้ผลิตสินค้าต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพื่อนำมาผลิตมากกว่า 90% ขณะที่ราคาตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น จึงยอมรับว่า กลุ่มสินค้าเหล่านี้อาจจำเป็นต้องปรับราคาขึ้นอีกตามภาวะต้นทุนที่แท้จริง แต่ต้องรอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่พิจารณา

สำหรับกรณีน้ำมันพืช ที่ให้ปรับราคาขึ้น เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงจากภาวะตลาดโลกที่หันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น และยังมีโอกาสที่น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์มจะปรับราคาเพิ่มขึ้นยังมีอยู่ แต่เชื่อว่าจากปริมาณผลผลิตปาล์มที่จะออกสู่ตลาดใน มี.ค.นี้ น่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศมากขึ้น และเมื่อราคาตลาดโลกไม่เปลี่ยนแปลงมาก ราคาน้ำมันพืชมีโอกาสลดลงได้ จึงขอให้ผู้บริโภคเข้าใจสถานการณ์ และแนะนำหันไปใช้น้ำมันอื่นแทนชั่วคราวไปก่อน

นายศิริพล กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์น้ำมันพืช ล่าสุด ตนเองได้รับรายงานจากกรมการค้าภายใน ว่า ขณะนี้ความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มและถั่วเหลืองอยู่ในภาวะปกติจากก่อนหน้านี้ ทั้งผู้ประกอบการรวมถึงร้านค้าปลีก ต้องการส่วนต่างของกำไร และผู้บริโภคก็กักตุนสินค้า ทำให้ขาดแคลนบ้านบางช่วง โดยขณะนี้ทางห้างค้าปลีกได้รายงานว่า ผู้บริโภคซื้อน้ำมันพืชตามปกติ ไม่มีการกักตุน แม้ราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิดมีการปรับขึ้น จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายในดูแลอย่าให้สินค้าขาดแคลนหรือมีการโก่งราคาเกิดขึ้น

นายศิริพล กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีราคาก๊าซหุงต้มปรับขึ้น 3-6 บาทนั้น จากการวิเคราะห์พบว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มมีผลกระทบต่อต้นทุนประกอบอาหารประมาณ 1 สตางค์/จาน ผู้ขับรถแท็กซี่ประมาณ 16 บาท/วัน จึงไม่ใช่ข้ออ้างที่ร้านอาหารจะขยับราคาขึ้น และคาดว่า อาหารสำเร็จรูปไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำราคาอาหารสำเร็จรูป จะขายอาหารในฟูดคอร์ตไม่เกินจานละ 30 บาท ทำให้ร้านค้าทั่วไปไม่ปรับราคาขึ้นแน่

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ตนเองจะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่า ร้านอาหารฟูดคอร์ตลดราคาลงมาเหลือจานละ 30 บาทหรือไม่ หากห้างใดไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ จะใช้วิธีประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ว่า ร้านนี้ขายอาหารแพง หรืออาจมาตรการมาบังคับใช้ แต่หากห้างใดขายต่ำ จะประชาสัมพันธ์ให้

**แถลงเงินเฟ้อ ม.ค.บ่ายวันนี้

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์เงินเฟ้อเดือน ม.ค.นี้ ที่จะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันนี้ (1 ก.พ.) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 87 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็นอัตราที่สูงกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 85 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะเดียวกัน ยังได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นหลายๆ รายการ

ทั้งนี้ สินค้าที่มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อสูงสุด ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป มีน้ำหนักคำนวณถึง 17.71% ค่าเช่าบ้าน 16.74% ส่วนน้ำมันพืช หากปรับราคาเพิ่มขึ้น 1% กระทบเงินเฟ้อ 0.01% นมผง เพิ่มขึ้น 1% กระทบ 0.43% ขณะที่เหล็กจะไม่อยู่ในตะกร้าคำนวณ ส่วนสินค้าแบตเตอรี่และยางรถยนต์ที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะมีการปรับราคานั้น จากภาวการณ์แข่งขันการตลาดสูงทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าปรับราคา อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินเฟ้อทั้งปียังอยู่ในกรอบ 3.5% ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้

มีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านบางลำพูเตรียมปรับราคาข้าวแกงในเร็วๆ นี้ หลังจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ทั้งราคาน้ำมันปาล์ม เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ และล่าสุด ราคาก๊าซหุงต้มได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยจะปรับขึ้นราคาข้าวแกงขึ้นอีกจานละ 5 บาทจากเดิมราดกับข้าว 1 อย่าง ราคา 25 บาท เพิ่มเป็น 30 บาท และข้าวแกงราดกับข้าว 2 อย่างเพิ่มขึ้นเป็น 35 บาท อย่างไรก็ตาม ก็มีร้านค้าบางร้านไม่ปรับขึ้นราคาแม้ว่าจะมีต้นทุนสูงขึ้นแต่จะลดปริมาณสินค้าลงแทน

**รอพิสูจน์ฝีมือ รมต.ใหม่ พลังแม้วเชื่อมือ “เจ๊มิ่ง”

สำหรับผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ มีรายงานล่าสุด ยืนยันว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้รับคำยืนยันจากผู้มีอำนาจสูงสุดของพรรค ว่า ต้องดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของทีมเศรษฐกิจ เนื่องจากเห็นว่านายมิ่งขวัญมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด จึงเหมาะที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้รัฐบาล โดยก่อนหน้านี้ นายมิ่งขวัญ ถูกนายกรัฐมนตรีวางตัวให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่โผพลิกในนาที่สุดท้าย หลังขอความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ที่ฮ่องกง

ทั้งนี้ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.สัดส่วน พปช.คนสนิทของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เพื่อนตาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมีพลังลี้ลับที่แข็งแกร่ง โดยโผครั้งสุดท้าย คาดว่า จะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นที่แน่นอนแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น