พาณิชย์ เผยสตอกน้ำมันปาล์มภายในประเทศ มีสำรองสูงถึง 1.2 แสนตัน เพียงพอใช้นานถึง 2 เดือน ชี้ ปัญหาการขาดตลาด อาจมีการกักตุนสินค้า โดยส่งออกแล้วปั่นราคาภายในประเทศ ลั่นใช้มาตรการเด็ดขาดห้ามส่งออก พร้อมเปิดช่องให้นำเข้าได้ไม่จำกัด อ้างต้องการดัดหลังพ่อค้า ด้านเอกชนโวย รัฐเปิดชทางเอื้อผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ หวังฮุบตลาดไบโอดีเซล
วันนี้ (10 ม.ค.) นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงเตรียมออกมาตรการดัดหลังผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม หากตรวจสอบพบมีพฤติกรรมที่จงใจปั่นราคาหรือบิดเบือนตลาดจะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งห้ามส่งออกและอนุญาตให้นำเข้าชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลน
“หากพบว่ามีการจงใจปั่นราคา หรือบิดเบือนตลาดจะดำเนินการตามกฎหมาย และออกมาตรการควบคุมส่งออก รวมทั้งอนุญาตให้นำเข้าทันที”
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า สตอกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศยังเพียงพอต่อการใช้ เพราะ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2550 มีประมาณสำรองอยู่ 120,000 ตัน เพียงพอต่อการใช้เกือบ 2 เดือน ซึ่งมากกว่าปกติ เพราะ 3-4 ปีที่ผ่านมา มีสตอกแค่ 50,000-70,000 ตัน
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบสตอกน้ำมันปาล์มดิบ รวมถึงขอให้ผู้ประกอบการส่งข้อมูลสตอกสินค้าที่มีอยู่ และการจัดจำหน่ายในแต่ละวันมาให้กรมการค้าภายในเพื่อตรวจสอบว่าปริมาณน้ำมันปาล์มไม่เพียงพอจริงหรือไม่ มีการกักตุน หรือนำไปส่งออกเพื่อปั่นราคาในประเทศ เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาแก้ปัญหาขาดแคลน
“การประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มทั้งระบบที่มีอธิบดีกรมค้าภายในเป็นประธานในวันที่ 16 ม.ค.นี้ หากพบว่าจงใจส่งออกก็จะห้ามส่งออก และอนุญาตให้นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อลดปัญหาการขาดแคลน”
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในวันที่ 12-13 ม.ค.นี้ จะออกตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มของผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด และน้ำมันพืชบรรจุขวดต่างๆ ว่า มีการผลิตและส่งเข้าสู่ตลาดตามปกติหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการกักตุนสินค้าจนเป็นสาเหตุให้เกิดความขาดแคลนในขณะนี้ รวมทั้งจะตรวจสอบภาวะการจำหน่ายน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ด้วยว่ามีเพียงพอหรือไม่
ปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์ กำหนดเพดานราคาน้ำมันถั่วเหลืองไว้ที่ขวดละ 45.50 บาท และน้ำมันปาล์มขวดละ 43.50 บาท
โดยวันพรุ่งนี้ (11 ม.ค.) กรมการค้าภายในจะเชิญผู้ประกอบการน้ำมันพืชมาหารือ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องต้นทุนการผลิต ก่อนที่จะพิจารณาอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาหรือไม่ รวมทั้งจะขอความร่วมมือให้ป้อนสินค้าสู่ตลาดให้พอกับความต้องการ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้น้ำมันปาล์มเริ่มขาดแคลนจริงจากการที่ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบางรายผลิตสินค้าป้อนสู่ตลาดลดลง เพราะไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนได้ เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 35 บาท/กก.จากที่ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 32.50 บาท/กก.และสูงกว่าราคาของมาเลเซีย ซึ่งเป็นผลจากผู้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซลแย่งซื้อน้ำมันปาล์มดิบทำให้เกิดความขาดแคลน
ด้านแหล่งข่าวจากภาคเอกชน ระบุ มาตรการสกัดการกักตุนสินค้าเป็นสิ่งที่ดี แต่ภาครัฐควรใช้ความรอบคอบ ไม่ตกเป็นเครื่องมือของพ่อค้ารายใหญ่ ที่กำลังจะฮุบตลาดน้ำมันไบโอดีเซลในอนาคต การออกมาตรการนำเข้าน้ำมันปาล์ม อาจมีผลบวกแค่ระยะสั้น ทำให้ลดปัญหาค่าครองชีพ และเงินเฟ้อ แต่ผลกระทบจากการแทรกแซงตลาด โดยห้ามการส่งออก อาจเป็นการปิดกั้นผู้ผลิตรายย่อยของไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร