ฟันธงแล้ว น้ำมันพืชทั้งปาล์มและถั่วเหลืองขึ้นแน่ขวดละ 5.50 บาท แต่ “พาณิชย์”ให้ขึ้น 2 ครั้งๆ แรกภายในเดือนม.ค. 3 บาท ที่เหลือภายในปีนี้ “ยรรยง” ยันไม่มีปัญหาขาดแคลนและกักตุนแน่นอน เผยปลากระป๋องจ่อขึ้น 2 บาทเดือนนี้เช่นกัน ขณะที่ผู้ผลิตข้าวถุงจ้องขึ้นราคาไตรมาส 2 หลังต้นทุนข้าวสารแพงขึ้น ขณะที่เอกชนชี้ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้น
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ กรมฯ จะเชิญผู้ผลิตน้ำมันพืชทั้ง 2 ชนิด คือ น้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลือง ที่ได้ทำเรื่องขอปรับขึ้นราคาขายปลีกมาอีกขวดละ 6.50 บาท เพราะราคาวัตถุดิบปรับขึ้นสูงมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นไปแล้วขวดละ 5.50 บาท มาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ต่างๆ ร่วมกัน และคาดว่าจะอนุมัติให้ผู้ผลิตน้ำมันพืชทั้ง 2 ชนิดปรับขึ้นได้ไม่เกินขวดละ 5.50 บาท
ทั้งนี้ เงื่อนไขในการให้ปรับราคา จะเป็นการทยอยปรับขึ้นไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งแรกอาจเป็นภายในเดือนม.ค.นี้ขวดละ 3 บาท ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มขวดขึ้นมาอยู่ที่ขวดละ 46.50 บาท จากปัจจุบันขวดละ 43.50 บาท และน้ำมันถั่วเหลืองมาอยู่ที่ขวดละ 48.50 บาท จากปัจจุบันขวดละ 45.50 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2.50 บาทอาจให้ปรับขึ้นภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ภายในปีนี้ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มขึ้นมาสูงสุดที่ขวดละ 49 บาท และน้ำมันถั่วเหลืองขึ้นมาสูงสุดที่ขวดละ 51 บาท
“มีแนวโน้มว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีกมาก จากปัจจุบันกิโลกรัมละ 32.50 บาท เพราะผลผลิตขาดแคลนจากการนำไปผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ทางแก้ปัญหาง่ายสุด คือ ให้ผู้ผลิตน้ำมันขวดขึ้นราคาขาย เพราะผู้ผลิตบางรายขาดทุนมาก แต่อาจให้ขึ้นไม่เกินขวดละ 5.50 บาท เท่ากับต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น”นายยรรยง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้ ไม่มีปัญหาขาดแคลนแน่นอน เพราะจากการตรวจสอบสต๊อกของผู้ผลิตพบว่า ยังมีเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ส่วนปัญหากักตุนไม่น่าจะมี เพราะได้แจ้งไปยังผู้ผลิต และผู้ค้าแล้วห้ามกักตุน หากพบผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
นายยรรยง กล่าวอีกว่า ในวันที่ 11 ม.ค.นั้น จะเชิญผู้ผลิตปลากระป๋องมาหารือด้วย หลังจากที่ผู้ผลิตได้ยื่นหนังสือขอปรับขึ้นราคาปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศอีกกระป๋องละ 1-2 บาท และคาดว่า กรมฯ จะอนุมัติให้ขึ้นราคาขายได้ไม่เกินกระป๋องละ 2 บาทภายในเดือนม.ค.นี้ ส่วนการออกตรวจสอบสถานการณ์ราคา และการขายปลากระป๋องตามห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ พบว่า บางแห่งจำกัดปริมาณการซื้อ และแทบไม่มีสินค้าปลากระป๋องอยู่ที่ชั้นวางเลย
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตข้าวถุงจะปรับขึ้นราคาขายปลีกข้าวสารบรรจุถุงประมาณไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากที่สต๊อกข้าวสารในปัจจุบันหมดลง แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะปรับขึ้นเท่าไร เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบหลักคือ ข้าวสาร จากความต้องการซื้อเพื่อส่งออกสูงมาก สำหรับราคาเพดานข้าวหอมมะลิบรรจุถุง
ชี้น้ำมันดันราคาสินค้าทยอยปรับอีก
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสายงานเศรษฐกิจ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะดีเซลที่ใกล้ทะลุระดับ 30 บาทต่อลิตรนั้นจะมีผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากทั้งทางตรงผ่านค่าขนส่งที่เพิ่มและวัตถุดิบบางรายการซึ่งคงต้องติดตามหากยังคงระดับสูงไปอีกอาจมีผลให้หลายสินค้าอาจต้องปรับราคาขายเพิ่มจากเดิมที่พยายามตรึงราคาไว้ในช่วงสิ้นปี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เอกชนกังวลคือราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นยังซ้ำเติมกับภาระใช้จ่ายประชาชนให้ลดลงตามไปด้วยจากเดิมที่ขณะนี้แรงซื้อของประชาชนก็ยังคงไม่กระเตื้องขึ้นจากที่เคยคาดหวังเอาไว้ว่าหลังเลือกตั้งแล้วแรงซื้อประชาชนจะกลับมา ดังนั้นจึงคาดว่าแรงซื้อในไตรมาสแรกคงจะคงที่เพื่อรอการจัดตั้งรัฐบาลมาบริหารประเทศแล้วเสร็จ
“ดีเซลที่ใกล้แตะ 30 บาทต่อลิตรเมื่อเทียบกับต้นปี 2550 ราคาจะต่างกันถึงกว่า 5 บาทต่อลิตรก็เท่ากับมีผลให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 8% โดยเฉลี่ยค่าขนส่งหรือลอจิสติกส์ของไทยเองก็สูงอยู่แล้ว แต่เอกชนรายใหญ่ก็ปรับตัวได้พอสมควรสิ่งที่ห่วงคือผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอีค่อนข้างลำบากในขณะนี้”นายธนิต กล่าว
สำหรับค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งค่าขึ้นก็เป็นไปตามที่เอกชนคาดหมายอยู่แล้วเนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐมีทิศทางที่อ่อนค่าขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าค่าเงินบาทในไตรมาส 2 อาจจะแข็งค่าไปสู่ระดับ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐได้ ดังนั้นเอกชนไทยคงจะต้องมีการปรับตัวรองรับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไว้ล่วงหน้าด้วย
ผวาน้ำมันโลกจ่อปรับฐานเกิน 100 เหรียญ
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทะลุ 100 เหรียญต่อบาร์เรลนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือจะมีการปรับฐานใหม่เป็นเกินระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลไปมากน้อยเพียงใดซึ่งมีบางฝ่ายมองว่าอาจจะถึงระดับ 110 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงสูงจากความไม่สงบในไนจีเรีย และตะวันออกกลางจึงเกิดการเก็งกำไรจากปัญหาการผลิตที่ตึงตัวอยู่แล้ว
“ราคาน้ำมันตลาดโลกปกติช่วงปลายไตรมาสแรกก็จะเริ่มลดลงเพราะมีการสต็อกจากช่วงปลายปีแต่ยอมรับว่าปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านนอกจากความไม่สงบของประเทศผู้ผลิตแล้ว ภาวะอากาศหนาวก็มีมากขึ้นดังนั้นคงจะต้องติดตามว่าดีเซลจะมีราคาที่เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ “นายเทียนไชย กล่าว
โล่งดีเซลยืนราคาเดิมหลังสิงคโปร์ลด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันไม่ทำการปรับราคาดีเซลขายปลีกเพิ่มขึ้นตามเบนซินโดยราคาคงที่ 29.74 บาทต่อลิตรหลังจากที่ค่าการตลาดของผู้ค้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 7 ม.ค.ลดลง 0.89 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 110.43 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่เบนซิน 95 ลดลง 1.82 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 104.78 เหรียญต่อบาร์เรล
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ กรมฯ จะเชิญผู้ผลิตน้ำมันพืชทั้ง 2 ชนิด คือ น้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลือง ที่ได้ทำเรื่องขอปรับขึ้นราคาขายปลีกมาอีกขวดละ 6.50 บาท เพราะราคาวัตถุดิบปรับขึ้นสูงมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นไปแล้วขวดละ 5.50 บาท มาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ต่างๆ ร่วมกัน และคาดว่าจะอนุมัติให้ผู้ผลิตน้ำมันพืชทั้ง 2 ชนิดปรับขึ้นได้ไม่เกินขวดละ 5.50 บาท
ทั้งนี้ เงื่อนไขในการให้ปรับราคา จะเป็นการทยอยปรับขึ้นไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งแรกอาจเป็นภายในเดือนม.ค.นี้ขวดละ 3 บาท ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มขวดขึ้นมาอยู่ที่ขวดละ 46.50 บาท จากปัจจุบันขวดละ 43.50 บาท และน้ำมันถั่วเหลืองมาอยู่ที่ขวดละ 48.50 บาท จากปัจจุบันขวดละ 45.50 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2.50 บาทอาจให้ปรับขึ้นภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ภายในปีนี้ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มขึ้นมาสูงสุดที่ขวดละ 49 บาท และน้ำมันถั่วเหลืองขึ้นมาสูงสุดที่ขวดละ 51 บาท
“มีแนวโน้มว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีกมาก จากปัจจุบันกิโลกรัมละ 32.50 บาท เพราะผลผลิตขาดแคลนจากการนำไปผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ทางแก้ปัญหาง่ายสุด คือ ให้ผู้ผลิตน้ำมันขวดขึ้นราคาขาย เพราะผู้ผลิตบางรายขาดทุนมาก แต่อาจให้ขึ้นไม่เกินขวดละ 5.50 บาท เท่ากับต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น”นายยรรยง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้ ไม่มีปัญหาขาดแคลนแน่นอน เพราะจากการตรวจสอบสต๊อกของผู้ผลิตพบว่า ยังมีเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ส่วนปัญหากักตุนไม่น่าจะมี เพราะได้แจ้งไปยังผู้ผลิต และผู้ค้าแล้วห้ามกักตุน หากพบผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
นายยรรยง กล่าวอีกว่า ในวันที่ 11 ม.ค.นั้น จะเชิญผู้ผลิตปลากระป๋องมาหารือด้วย หลังจากที่ผู้ผลิตได้ยื่นหนังสือขอปรับขึ้นราคาปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศอีกกระป๋องละ 1-2 บาท และคาดว่า กรมฯ จะอนุมัติให้ขึ้นราคาขายได้ไม่เกินกระป๋องละ 2 บาทภายในเดือนม.ค.นี้ ส่วนการออกตรวจสอบสถานการณ์ราคา และการขายปลากระป๋องตามห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ พบว่า บางแห่งจำกัดปริมาณการซื้อ และแทบไม่มีสินค้าปลากระป๋องอยู่ที่ชั้นวางเลย
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตข้าวถุงจะปรับขึ้นราคาขายปลีกข้าวสารบรรจุถุงประมาณไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากที่สต๊อกข้าวสารในปัจจุบันหมดลง แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะปรับขึ้นเท่าไร เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบหลักคือ ข้าวสาร จากความต้องการซื้อเพื่อส่งออกสูงมาก สำหรับราคาเพดานข้าวหอมมะลิบรรจุถุง
ชี้น้ำมันดันราคาสินค้าทยอยปรับอีก
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสายงานเศรษฐกิจ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะดีเซลที่ใกล้ทะลุระดับ 30 บาทต่อลิตรนั้นจะมีผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากทั้งทางตรงผ่านค่าขนส่งที่เพิ่มและวัตถุดิบบางรายการซึ่งคงต้องติดตามหากยังคงระดับสูงไปอีกอาจมีผลให้หลายสินค้าอาจต้องปรับราคาขายเพิ่มจากเดิมที่พยายามตรึงราคาไว้ในช่วงสิ้นปี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เอกชนกังวลคือราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นยังซ้ำเติมกับภาระใช้จ่ายประชาชนให้ลดลงตามไปด้วยจากเดิมที่ขณะนี้แรงซื้อของประชาชนก็ยังคงไม่กระเตื้องขึ้นจากที่เคยคาดหวังเอาไว้ว่าหลังเลือกตั้งแล้วแรงซื้อประชาชนจะกลับมา ดังนั้นจึงคาดว่าแรงซื้อในไตรมาสแรกคงจะคงที่เพื่อรอการจัดตั้งรัฐบาลมาบริหารประเทศแล้วเสร็จ
“ดีเซลที่ใกล้แตะ 30 บาทต่อลิตรเมื่อเทียบกับต้นปี 2550 ราคาจะต่างกันถึงกว่า 5 บาทต่อลิตรก็เท่ากับมีผลให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 8% โดยเฉลี่ยค่าขนส่งหรือลอจิสติกส์ของไทยเองก็สูงอยู่แล้ว แต่เอกชนรายใหญ่ก็ปรับตัวได้พอสมควรสิ่งที่ห่วงคือผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอีค่อนข้างลำบากในขณะนี้”นายธนิต กล่าว
สำหรับค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งค่าขึ้นก็เป็นไปตามที่เอกชนคาดหมายอยู่แล้วเนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐมีทิศทางที่อ่อนค่าขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าค่าเงินบาทในไตรมาส 2 อาจจะแข็งค่าไปสู่ระดับ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐได้ ดังนั้นเอกชนไทยคงจะต้องมีการปรับตัวรองรับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไว้ล่วงหน้าด้วย
ผวาน้ำมันโลกจ่อปรับฐานเกิน 100 เหรียญ
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทะลุ 100 เหรียญต่อบาร์เรลนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือจะมีการปรับฐานใหม่เป็นเกินระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลไปมากน้อยเพียงใดซึ่งมีบางฝ่ายมองว่าอาจจะถึงระดับ 110 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงสูงจากความไม่สงบในไนจีเรีย และตะวันออกกลางจึงเกิดการเก็งกำไรจากปัญหาการผลิตที่ตึงตัวอยู่แล้ว
“ราคาน้ำมันตลาดโลกปกติช่วงปลายไตรมาสแรกก็จะเริ่มลดลงเพราะมีการสต็อกจากช่วงปลายปีแต่ยอมรับว่าปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านนอกจากความไม่สงบของประเทศผู้ผลิตแล้ว ภาวะอากาศหนาวก็มีมากขึ้นดังนั้นคงจะต้องติดตามว่าดีเซลจะมีราคาที่เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ “นายเทียนไชย กล่าว
โล่งดีเซลยืนราคาเดิมหลังสิงคโปร์ลด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันไม่ทำการปรับราคาดีเซลขายปลีกเพิ่มขึ้นตามเบนซินโดยราคาคงที่ 29.74 บาทต่อลิตรหลังจากที่ค่าการตลาดของผู้ค้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 7 ม.ค.ลดลง 0.89 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 110.43 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่เบนซิน 95 ลดลง 1.82 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 104.78 เหรียญต่อบาร์เรล