ผู้จัดการรายวัน-ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขอ “พาณิชย์” ปรับขึ้นราคาสุดโหด เพิ่มอีกขวดละ 6.50 บาท หลังต้นทุนพุ่งไม่หยุด ขู่ถ้าไม่อนุมัติให้ปรับราคา อาจต้องเลิกผลิต เพราะไม่คุ้มทุน แถมต้องไปแย่งวัตถุดิบจากพลังงานทดแทนอีก ขณะที่น้ำมันพืชขอปรับราคาอีกเช่นเดียวกัน จับตาแห่กักตุนน้ำมัน หลังผู้ประกอบการป้อนสินค้าเข้าตลาดลดลง
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการกลุ่มน้ำมันปาล์ม เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มได้ยื่นหนังสือไปยังกรมการค้าภายใน เพื่อขออนุมัติปรับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด (1 ลิตร) เพิ่มขึ้นอีกขวดละ 6.50 บาท หรือปรับจากขวดละ 43.50 บาท เป็นขวดละ 52 บาท เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ไหว เพราะขณะนี้ราคาผลปาล์มดิบได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่กก.ละ 6.50 บาท จากเมื่อช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมาอยู่ที่กก.ละ 4 บาทกว่า ส่งผลให้น้ำมันปาล์มดิบขึ้นมาอยู่ที่ลิตรละ 32.50 บาท
“ถ้าไม่ขอปรับราคา ผู้ประกอบการก็แบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว เพราะวัตถุดิบแพงขึ้นมาก ซึ่งไม่ใช่แค่น้ำมันปาล์มเท่านั้นที่ขอปรับขึ้นราคา แต่กลุ่มน้ำมันถั่วเหลืองก็ยื่นปรับราคาเข้ามาเช่นเดียวกัน ถือเป็นการขอปรับราคา หลังจากที่ได้รับการอนุมัติให้ขึ้นราคาไปแล้ว 5.50 บาท หรือจาก 38 บาท มาอยู่ที่ 43.50 บาท เมื่อกลางธ.ค.ที่ผ่านมา” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าน้ำมันปาล์มอาจเริ่มขาดตลาดในอนาคต เนื่องจากขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มเริ่มลดกำลังการผลิตสินค้าที่จะป้อนเข้าสู่ตลาด เพราะประสบปัญหาขาดทุน และผลผลิตปาล์มที่จะนำมาทำเป็นน้ำมันบรรจุขวด เพื่อใช้ในครัวเรือนเริ่มขาดแคลน เพราะส่วนหนึ่งต้องนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทน ทำให้เกิดการแย่งวัตถุดิบกัน
นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือไปยังกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดแล้ว แต่ไม่ได้ระบุราคาที่จะปรับเพิ่มขึ้น เพราะต้องการให้อยู่ในดุลยพินิจของกรมการค้าภายในว่าจะอนุมัติให้ปรับเพิ่มขึ้นเท่าไร โดยสมาคมฯ ได้ให้ข้อมูลวัตถุดิบว่ามีราคาสูงขึ้นมาจากปีที่ผ่านมามาก โดยปัจจุบันราคาถั่วเหลืองอยู่ที่กก.ละ 19.40 บาท จากปลายปีที่แล้วกก.ละ 17 บาท สูงขึ้นจากช่วงต้นปีที่แล้วที่กก.ละ 13 บาท
“ไม่อยากระบุไปว่าจะขอขึ้นเท่าใด แต่จำเป็นต้องขึ้น โดยการพิจารณาขอให้เป็นหน้าที่กรมการค้าภายใน เพราะผู้ประกอบการแต่ละรายมีต้นทุนแตกต่างกัน โดยปัจจุบันราคาขายตามเพดานที่อนุมัติให้น้ำมันถั่วเหลืองปรับขึ้นราคาเมื่อกลางเดือนธ.ค.2550 สูงสุดที่ขวดละ 45.50 บาท จาก 40 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 5.50 บาท แต่ราคานั้น ผู้ประกอบการยังขาดทุนอยู่ดี และมีแนวโน้มว่าจะขาดทุนอีก เนื่องจากราคาวัตถุดิบถั่วเหลืองมีแนวโน้มปรับขึ้นไปเรื่อยๆ จากความต้องการในตลาดโลกที่มีเพิ่มขึ้น” นายเศรษฐสรรกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการเริ่มได้ข่าวว่าเริ่มมีการกักตุนน้ำมันถั่วเหลืองแล้วในบางพื้นที่ เนื่องจากผู้ค้าส่งค้าปลีกกังวลว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองจะปรับราคาสูงขึ้นอีก ดังนั้นทางแก้ปัญหาคืออนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาเร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับสถานการณ์วัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ที่ผ่านมา นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ส่งสัญญาณที่จะให้กลุ่มน้ำมันพืชปรับขึ้นราคาอีกรอบในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 เบื้องต้นจะอนุมัติให้น้ำมันปาล์มปรับเพิ่มขึ้นไม่เกินขวดละ 3 บาท เพราะไม่ต้องการให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นมากจนเกินไป
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการกลุ่มน้ำมันปาล์ม เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มได้ยื่นหนังสือไปยังกรมการค้าภายใน เพื่อขออนุมัติปรับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด (1 ลิตร) เพิ่มขึ้นอีกขวดละ 6.50 บาท หรือปรับจากขวดละ 43.50 บาท เป็นขวดละ 52 บาท เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ไหว เพราะขณะนี้ราคาผลปาล์มดิบได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่กก.ละ 6.50 บาท จากเมื่อช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมาอยู่ที่กก.ละ 4 บาทกว่า ส่งผลให้น้ำมันปาล์มดิบขึ้นมาอยู่ที่ลิตรละ 32.50 บาท
“ถ้าไม่ขอปรับราคา ผู้ประกอบการก็แบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว เพราะวัตถุดิบแพงขึ้นมาก ซึ่งไม่ใช่แค่น้ำมันปาล์มเท่านั้นที่ขอปรับขึ้นราคา แต่กลุ่มน้ำมันถั่วเหลืองก็ยื่นปรับราคาเข้ามาเช่นเดียวกัน ถือเป็นการขอปรับราคา หลังจากที่ได้รับการอนุมัติให้ขึ้นราคาไปแล้ว 5.50 บาท หรือจาก 38 บาท มาอยู่ที่ 43.50 บาท เมื่อกลางธ.ค.ที่ผ่านมา” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าน้ำมันปาล์มอาจเริ่มขาดตลาดในอนาคต เนื่องจากขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มเริ่มลดกำลังการผลิตสินค้าที่จะป้อนเข้าสู่ตลาด เพราะประสบปัญหาขาดทุน และผลผลิตปาล์มที่จะนำมาทำเป็นน้ำมันบรรจุขวด เพื่อใช้ในครัวเรือนเริ่มขาดแคลน เพราะส่วนหนึ่งต้องนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทน ทำให้เกิดการแย่งวัตถุดิบกัน
นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือไปยังกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดแล้ว แต่ไม่ได้ระบุราคาที่จะปรับเพิ่มขึ้น เพราะต้องการให้อยู่ในดุลยพินิจของกรมการค้าภายในว่าจะอนุมัติให้ปรับเพิ่มขึ้นเท่าไร โดยสมาคมฯ ได้ให้ข้อมูลวัตถุดิบว่ามีราคาสูงขึ้นมาจากปีที่ผ่านมามาก โดยปัจจุบันราคาถั่วเหลืองอยู่ที่กก.ละ 19.40 บาท จากปลายปีที่แล้วกก.ละ 17 บาท สูงขึ้นจากช่วงต้นปีที่แล้วที่กก.ละ 13 บาท
“ไม่อยากระบุไปว่าจะขอขึ้นเท่าใด แต่จำเป็นต้องขึ้น โดยการพิจารณาขอให้เป็นหน้าที่กรมการค้าภายใน เพราะผู้ประกอบการแต่ละรายมีต้นทุนแตกต่างกัน โดยปัจจุบันราคาขายตามเพดานที่อนุมัติให้น้ำมันถั่วเหลืองปรับขึ้นราคาเมื่อกลางเดือนธ.ค.2550 สูงสุดที่ขวดละ 45.50 บาท จาก 40 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 5.50 บาท แต่ราคานั้น ผู้ประกอบการยังขาดทุนอยู่ดี และมีแนวโน้มว่าจะขาดทุนอีก เนื่องจากราคาวัตถุดิบถั่วเหลืองมีแนวโน้มปรับขึ้นไปเรื่อยๆ จากความต้องการในตลาดโลกที่มีเพิ่มขึ้น” นายเศรษฐสรรกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการเริ่มได้ข่าวว่าเริ่มมีการกักตุนน้ำมันถั่วเหลืองแล้วในบางพื้นที่ เนื่องจากผู้ค้าส่งค้าปลีกกังวลว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองจะปรับราคาสูงขึ้นอีก ดังนั้นทางแก้ปัญหาคืออนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาเร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับสถานการณ์วัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ที่ผ่านมา นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ส่งสัญญาณที่จะให้กลุ่มน้ำมันพืชปรับขึ้นราคาอีกรอบในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 เบื้องต้นจะอนุมัติให้น้ำมันปาล์มปรับเพิ่มขึ้นไม่เกินขวดละ 3 บาท เพราะไม่ต้องการให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นมากจนเกินไป
