xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันปาล์มราคาพุ่งพรวด 4 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชาชนยุคพลังแม้วอ่วม น้ำมันปาล์มขวดละ 47.50 บาท ทุบสถิติสูงสุด ราคาพุ่งนำน้ำมันถั่วเหลืองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แฉ “พาณิชย์” มุบมิบให้ขึ้นราคา 4 บาท/ขวด ไปตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ด้านน้ำมันถั่วเหลืองยื่นเรื่องขอขึ้นบ้าง อ้างต้นทุนวัตถุดิบยังพุ่งไม่หยุด “ยรรยง” เล่นมุขตลกฝืด ทำเป็นงง ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนเซ็นอนุมัติให้ขึ้นราคา

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกขวดละ 4 บาท (ขวดลิตร) จากราคาเดิม 43.50 บาท เป็น 47.50 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยราคาที่ปรับขึ้นนี้ ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองเป็นครั้งแรก ซึ่งน้ำมันถั่วเหลืองขณะนี้อยู่ที่ขวดละ 45.50 บาทเท่านั้น เพราะกรมฯ ยังไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลือง

สาเหตุที่ต้องอนุมัติให้น้ำมันปาล์มปรับขึ้นราคาอีกครั้ง เนื่องจากผลการพิจารณาพบว่าต้นทุนวัตถุดิบ คือ น้ำมันปาล์มดิบสูงขึ้นจริง โดยขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลกอยู่ที่กิโลกรัมละ 34 บาท ซึ่งผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มได้ยื่นเรื่องขอปรับราคาเพิ่มขึ้น 8.50 บาท หรือปรับเพิ่มเป็นขวดละ 52 บาท แต่กรมฯ อนุมัติให้ปรับขึ้นแค่ 4 บาท เพราะไม่อยากให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกินไป

“ในช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศขยับเพิ่มขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 37 บาทแล้ว เพราะวัตถุดิบขาดแคลน และหากกรมฯ ไม่เสนอให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ 3 หมื่นตัน เพื่อแก้ไขปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน คาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศคงทะลุ 39-40 บาทไปแล้ว”นายยรรยง กล่าว

นายยรรยง กล่าวว่า ขณะนี้ นอกจากน้ำมันปาล์ม กรมฯ ยังไม่อนุมัติให้สินค้าใดปรับขึ้นราคา แต่ยอมรับว่ามีสินค้าที่อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับราคาอีกหลายรายการ เช่น ผลิตภัณฑ์นม กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ ปูนซีเมนต์ เหล็ก โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขณะนี้ได้รับการร้องเรียกเกี่ยวกับสินค้าขาดแคลน ดังนั้นเร็วๆ นี้ กรมฯ จะออกตรวจสอบสต๊อกปูนซีเมนต์และเหล็ก เพื่อไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้า จากการรอพิจารณาปรับขึ้นราคาใหม่ เพื่อเก็งกำไร

สำหรับมาตรการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน กรมฯ ได้ร่วมกับห้างค้าปลีก โดยล่าสุดร่วมมือกับบิ๊กซีจัดเทศกาลตรุษจีนธงฟ้า ราคาประหยัด ระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-6 ก.พ. 2551 เพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องใช้จำเป็นในเทศกาลตรุษจีน ในราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 5-30% ซึ่งกรมฯ จะร่วมมือกับห้างค้าปลีกทั่วประเทศในการจัดมุมธงฟ้าขายสินค้าราคาประหยัดเป็นประจำ

“เทศกาลตรุษจีนปีนี้ เชื่อว่าจะคึกคักจากปีก่อน แม้ราคาสินค้าจะสูงขึ้นบ้าง แต่จากภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ ที่ประชาชนมั่นใจว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ส่วนสถานการณ์ไข้หวัดนก กรมฯ จะดูแลทั้งต้นทางและปลายทาง โดยขอให้ผู้ประกอบการผลิตไก่ให้ได้ตามสุขอนามัย ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นให้บริโภคไก่ลดลง”นายยรรยง กล่าว

ส่วนกรณีอาหารสำเร็จรูปในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกที่กรมฯ ขอความร่วมมือให้ตรึงราคานั้น ล่าสุดทุกห้างฯ ให้ความร่วมมือ โดยบางห้างฯ เช่น เซ็นทรัล ที่ขายเกินไปกว่าจานละ 30 บาท ได้ให้ความร่วมมือลดราคาอาหารลงมาแล้วเหลือจานละไม่เกิน 30 บาทแล้ว

นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือขอปรับราคาไปยังกรมการค้าภายในแล้ว ซึ่งทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยผู้ประกอบการผลิตน้ำมันถั่วเหลือง ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาถั่วเหลือที่เพิ่มขึ้นจากต้นปี 2550 อยู่ที่ 10 บาทต่อ กก. เป็น 19 บาท/กก. แต่ราคาเพดานยังเป็นเท่าเดิม ทำให้ยังมีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคาจำหน่าย

“แม้ขณะนี้น้ำมันปาล์มจะได้ปรับราคาจนสูงกว่าน้ำมันถั่วเหลือง จนอาจทำให้น้ำมันถั่วเหลืองมียอดขายเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามทิศทางความต้องการพืชน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ปริมาณผลผลิตไม่ได้เพิ่มในสัดส่วนเดียวกับความต้องการ”นายเศรษฐสรร กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ระหว่างที่นายยรรยง ตรวจสอบสต๊อกน้ำมันน้ำมันพืช ที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาติวานนท์ ซึ่งนายยรรยง ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้สต็อกน้ำมันพืช มีจำนวนมาก ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ขาดแคลนแล้ว แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรมฯ อนุมัติให้น้ำมันปาล์มปรับขึ้นถึงขวดละ 4 บาท ตั้งแต่เมื่อไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า กรมฯ จะยังไม่ได้ปรับราคาน้ำมันปาล์ม โดยรอดูผลการอนุญาตให้นำเข้าน้ำมันปาล์ม 30,000 ตัน ก่อน นายยรรยงถึงกับแสดงสีหน้างงว่าตนได้ให้ปรับไปให้ตั้งแต่เมื่อไร และได้โทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงได้ชี้แจงให้ข้อเท็จจริงให้รับทราบ
กำลังโหลดความคิดเห็น