กรมการค้าภายใน เตรียมนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 60,000 ตัน หลังประสบปัญหาขาดแคลน และปัญหาการกักตุนน้ำมันปาล์ม ชี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในต่างประเทศอยู่ที่กิโลกรัมละ 32 บาท ขณะที่ราคาจำหน่ายภายในประเทศอยู่ที่กิโลกรัมละ 37 บาท
วันนี้ (11 ม.ค.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมสรุปเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาด และน้ำมันพืชมีราคาแพง โดยระบุว่า ในการหารือร่วมกับผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง และโรงกลั่น หลังประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ทำให้ขณะนี้ผลปาล์มสดมีราคาเพิ่มขึ้นถึง 5.50 บาท โดยเป็นผลให้น้ำมันปาล์มดิบในสตอกมีปริมาณลดลงจากเดิม 150,000-160,000 ตันต่อเดือน เหลือเพียง 98,000 ตันต่อเดือนเท่านั้น
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันมีบรรดายี่ปั๊ว-ซาปั๊วบางรายฉวยโอกาสกักตุนน้ำมันปาล์ม เพื่อรอให้ทางกระทรวงพาณิชย์อนุมัติปรับขึ้นราคานั้น ผลการหารือวันนี้ ยังได้สรุปให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบให้ครบปริมาณในสตอกเดิม 150,000 ตัน โดยจะทยอยนำเข้าครั้งละ 20,000 ตัน เป็นจำนวนรวม 60,000 ตัน เพื่อให้เพียงพอกับผลผลิตปาล์มล็อตใหม่ที่จะออกสู่ท้องตลาดในช่วงเดือนมีนาคม
กรมฯ เชื่อมั่นว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 เดือน หลังการนำเข้าจากมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 32 บาท ขณะที่ราคาจำหน่ายภายในประเทศอยู่ที่กิโลกรัมละ 37 บาท
อย่างไรก็ตาม นายยรรยง ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าภายในยังไม่มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มชนิดบรรจุขวดลิตร ตามที่ผู้ผลิตร้องขอแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาโครงสร้างวัตถุดิบที่ขาดแคลนในปัจจุบันได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปรับราคาให้เพิ่มสูงขึ้น
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกระทรวงพาณิชย์จะจำกัดการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ และเปิดให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อแก้ปัญหาหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน ว่า เรื่องนี้กระทรวงพลังงานได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์แล้วว่า กระทรวงพาณิชย์มีสิทธิจัดการดูแลทั้งการป้องกันการขาดแคลนและให้มีปริมาณน้ำมันปาล์มที่เพียงพอ ต่อการนำไปปรุงอาหารและผลิตไบโอดีเซล แต่หากดูปริมาณน้ำมันปาล์มดิบโดยรวมแล้วเพียงพอสำหรับการดำเนินการทั้งสองอย่าง
ส่วนโครงการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านด้วยระบบคอนแทรกฟาร์มมิงนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ประเทศในภูมิภาคนี้ร่วมกันลดผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ตัดโครงการนี้ออกจากแผนการส่งเสริมการทำคอนแทรกฟาร์มมิง ซึ่ง สศช.น่าจะทบทวน และเสนอรัฐบาลใหม่อีกครั้ง เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์ทั้งไทยและประเทศในภูมิภาค