คนอร์ รุกขยายตลาดโจ๊กสำเร็จรูปเต็มสูบ อัดฉีด 50 ล้านบาท ผุดแคมเปญ" คนอร์ เอนเนอร์จี คัพโจ๊ก พลังเด็ก มอร์นิ่งแดนซ์" เฟส2 ระบุตลาดแข่งดุเสียส่วนแบ่ง 2% ให้โจ๊กเกษตร แต่ยังครองส่วนแบ่ง 80.70%
นายเจอโรม ชาราโรน รองประธานกรรมการบริหาร-กลุ่มธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์คนอร์ เอนเนอร์จี คัพโจ๊ก เปิดเผยว่าสภาพตลาดโจ๊กสำเร็จรูปในปีนี้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดโจ๊กเพิ่มขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยพบว่า ครอบครัวที่มีลูกอายุ 6-12 ปี รับประทานอาหารมื้อเช้าประเภทโจ๊กสัดส่วน 40% ซึ่งยังเหลือ 60% ที่สินค้ายังไม่สามารถเข้าถึง
แผนการตลาดปีนี้จะเน้นขยายตลาดโจ๊กสำเร็จรูปต่อเนื่อง โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารมื้อเช้า และออกกำลังกายควบคู่กัน ล่าสุดได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดแคมเปญ "คนอร์ เอนเนอร์จี คัพโจ๊ก พลังเด็ก มอร์นิ่งแดนซ์" เฟส2 ภายใต้ปฏบัติการ 2 อ: อาหารเช้า-ออกกำลัง โดยดึงไอซ์-ศรันยู วินัยพานิช มาจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต ร่วมคิดท่าเต้นให้กับเด็กๆ เพื่อให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายและรับประทานอาหารเช้า จะเริ่มวันที่ 26 เมษายน ที่ สวนสยาม
ภาวะตลาดโจ๊กมูลค่า 726 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 13.50% โดยมีผู้เล่นหน้าใหม่เกษตรโจ๊กสำเร็จรูปเข้ามาทำตลาด ส่งผลให้ส่วนแบ่งของคนอร์ลดลง 2% เหลือเป็น 80.70% โดยมีอัตราการเติบโต 8.50% หรือคิดเป็นรายได้ 585.6 ล้านบาท ส่วนอันดับ 2 มามาโจ๊ก 12% และตราเกษตร 3% อย่างไรก็ตามแม้บริษัทจะเสียส่วนแบ่งตลาดโจ๊กให้กับคู่แข่งบ้าง แต่มองว่าการที่ผู้เล่นเข้ามาทำตลาดจะส่งผลดีให้ตลาดมีความคึกคัก และขณะเดียวกันยังเป็นการกระตุ้นให้ครอบครัวหันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารมื้อเช้าแก่เด็กๆ มากขึ้น
"ขณะนี้ต้นทุนการผลิตโจ๊กสำเร็จรูปได้ปรับขึ้นไปแล้ว 2 เท่าตัว แต่บริษัทไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้น เนื่องจากเป้าหมายของบริษัทต้องการขยายตลาด การปรับราคาขึ้นอาจมีผลทำให้พฤติกรรมการกินโจ๊กสำเร็จรูปหรืออาหารมื้อเช้าลดลง จากในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลดราคาโจ๊กคนอร์ขนาด 40 กรัม จากราคา 10 บาทเหลือ 8 บาท ส่งผลให้คนอร์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น"นายชาราโชน กล่าว
นายเจอโรม ชาราโรน รองประธานกรรมการบริหาร-กลุ่มธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์คนอร์ เอนเนอร์จี คัพโจ๊ก เปิดเผยว่าสภาพตลาดโจ๊กสำเร็จรูปในปีนี้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดโจ๊กเพิ่มขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยพบว่า ครอบครัวที่มีลูกอายุ 6-12 ปี รับประทานอาหารมื้อเช้าประเภทโจ๊กสัดส่วน 40% ซึ่งยังเหลือ 60% ที่สินค้ายังไม่สามารถเข้าถึง
แผนการตลาดปีนี้จะเน้นขยายตลาดโจ๊กสำเร็จรูปต่อเนื่อง โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารมื้อเช้า และออกกำลังกายควบคู่กัน ล่าสุดได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดแคมเปญ "คนอร์ เอนเนอร์จี คัพโจ๊ก พลังเด็ก มอร์นิ่งแดนซ์" เฟส2 ภายใต้ปฏบัติการ 2 อ: อาหารเช้า-ออกกำลัง โดยดึงไอซ์-ศรันยู วินัยพานิช มาจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต ร่วมคิดท่าเต้นให้กับเด็กๆ เพื่อให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายและรับประทานอาหารเช้า จะเริ่มวันที่ 26 เมษายน ที่ สวนสยาม
ภาวะตลาดโจ๊กมูลค่า 726 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 13.50% โดยมีผู้เล่นหน้าใหม่เกษตรโจ๊กสำเร็จรูปเข้ามาทำตลาด ส่งผลให้ส่วนแบ่งของคนอร์ลดลง 2% เหลือเป็น 80.70% โดยมีอัตราการเติบโต 8.50% หรือคิดเป็นรายได้ 585.6 ล้านบาท ส่วนอันดับ 2 มามาโจ๊ก 12% และตราเกษตร 3% อย่างไรก็ตามแม้บริษัทจะเสียส่วนแบ่งตลาดโจ๊กให้กับคู่แข่งบ้าง แต่มองว่าการที่ผู้เล่นเข้ามาทำตลาดจะส่งผลดีให้ตลาดมีความคึกคัก และขณะเดียวกันยังเป็นการกระตุ้นให้ครอบครัวหันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารมื้อเช้าแก่เด็กๆ มากขึ้น
"ขณะนี้ต้นทุนการผลิตโจ๊กสำเร็จรูปได้ปรับขึ้นไปแล้ว 2 เท่าตัว แต่บริษัทไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้น เนื่องจากเป้าหมายของบริษัทต้องการขยายตลาด การปรับราคาขึ้นอาจมีผลทำให้พฤติกรรมการกินโจ๊กสำเร็จรูปหรืออาหารมื้อเช้าลดลง จากในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลดราคาโจ๊กคนอร์ขนาด 40 กรัม จากราคา 10 บาทเหลือ 8 บาท ส่งผลให้คนอร์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น"นายชาราโชน กล่าว