ยูนิลีเวอร์ ลั่นปีนี้หากต้นทุนพุ่ง กัดฟันแบกรับภาระไม่ไหว จ่อคิวปรับราคาสินค้ากลุ่มอาหาร นำร่องปรับราคาชาลิปตัน – พาสต้าเบสท์ฟู้ดส์แล้ว ประกาศแนวรบปีหนู ชูพันธกิจ “เติมพลังให้ชีวิต” คอนเซปต์ส่งเสริมโภชนาการเด็ก อร่อย สะดวก หวังกลุ่มอาหารโตสองหลัก ล่าสุดผุดสื่อแอนนิเมชั่นเรื่อง “แยม-ปัง คู่หูจอมพลัง” สร้างตลาดแยม
นายเจอโรม ชาราโชน รองประธานบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบสท์ ฟู้ดส์ เปิดเผยว่า ผลพวงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นในปีนี้สินค้าอาหารบางกลุ่มของบริษัท อาจจะต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นในบางกรณี ล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับราคาสินค้าชาลิปตัน และเบสท์ฟู้ดส์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์พาสต้า เนื่องจากแป้งสาลีต้นทุนเพิ่มขึ้น 50%
สำหรับนโยบายการตลาดกลุ่มอาหารของบริษัทปีนี้ มุ่งเน้นการเติมพลังให้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนออาหารที่เติมโภชนาการ ภายใต้แนวคิด”ส่งเสริมโภชนาการเด็ก ด้วยความอร่อยและสะดวก” ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการตลาดกลุ่มโจ๊กคนอร์ โดยการสนับสนุนเด็กไทยรับประทานอาหารมื้อเช้า การเปิดตัวไอศกรีมวอลล์แคลเซียม และซุปก้อนคนอร์ดำเนินการตลาดสนับสนุนให้เด็กไทยรับประทานผัก
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ากลุ่มอาหารมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ใกล้เคียงกับเติบโตในปีที่ผ่านมา โดยไอศกรีมวอลล์เป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก ตามด้วยคนอร์ และเบสท์ฟู้ดส์ ล่าสุดบริษัทดำเนินการตลาดในเชิงรุกกลุ่มแยมเบสท์ฟู้ดส์ โดยทุ่มงบ 9 ล้านบาท จัดทำสื่อแอนนิเมชั่นสนับสนุนการบริโภคอาหารเช้าเรื่อง”แยม-ปัง คู่หูจอมพลัง” โดยการร่วมมือกับ บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด เพื่อสนับสนุนให้เด็กไทยรับประทานอาหารมื้อเช้า เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 12 มค-กลางเดือนเม.ย. ทางช่อง 7 เวลา 18.00-18.15 น.
จากการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กไทยและเยาวชนในวัยเรียน 30% ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า โดยเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ ความพร้อมของครอบครัว ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน ดังนั้นบริษัทจึงเล็งเห็นช่องว่างการตลาด โดยต้องการสร้างแยมให้เป็นสินค้าทางเลือกหนึ่งในอาหารมื้อเช้า ผ่านการดำเนินกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งปีนี้บริษัทยังวางแผนทำโคมาร์เก็ตติ้งร่วมกับขนมปังเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
“พฤติกรรมความเร่งรีบทำให้ผู้บริโภคมองว่าสินค้าที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์แยมเบสท์ฟู้ดส์สามารถรองรับกับเทรนด์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว และกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก”
ทั้งนี้จากการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุกบริษัทตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้ตลาดแยมมูลค่า 200 ล้านบาท จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จากในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 10% ส่วนในปีที่ผ่านมาแยมเบ
นายเจอโรม ชาราโชน รองประธานบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบสท์ ฟู้ดส์ เปิดเผยว่า ผลพวงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นในปีนี้สินค้าอาหารบางกลุ่มของบริษัท อาจจะต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นในบางกรณี ล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับราคาสินค้าชาลิปตัน และเบสท์ฟู้ดส์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์พาสต้า เนื่องจากแป้งสาลีต้นทุนเพิ่มขึ้น 50%
สำหรับนโยบายการตลาดกลุ่มอาหารของบริษัทปีนี้ มุ่งเน้นการเติมพลังให้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนออาหารที่เติมโภชนาการ ภายใต้แนวคิด”ส่งเสริมโภชนาการเด็ก ด้วยความอร่อยและสะดวก” ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการตลาดกลุ่มโจ๊กคนอร์ โดยการสนับสนุนเด็กไทยรับประทานอาหารมื้อเช้า การเปิดตัวไอศกรีมวอลล์แคลเซียม และซุปก้อนคนอร์ดำเนินการตลาดสนับสนุนให้เด็กไทยรับประทานผัก
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ากลุ่มอาหารมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ใกล้เคียงกับเติบโตในปีที่ผ่านมา โดยไอศกรีมวอลล์เป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก ตามด้วยคนอร์ และเบสท์ฟู้ดส์ ล่าสุดบริษัทดำเนินการตลาดในเชิงรุกกลุ่มแยมเบสท์ฟู้ดส์ โดยทุ่มงบ 9 ล้านบาท จัดทำสื่อแอนนิเมชั่นสนับสนุนการบริโภคอาหารเช้าเรื่อง”แยม-ปัง คู่หูจอมพลัง” โดยการร่วมมือกับ บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด เพื่อสนับสนุนให้เด็กไทยรับประทานอาหารมื้อเช้า เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 12 มค-กลางเดือนเม.ย. ทางช่อง 7 เวลา 18.00-18.15 น.
จากการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กไทยและเยาวชนในวัยเรียน 30% ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า โดยเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ ความพร้อมของครอบครัว ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน ดังนั้นบริษัทจึงเล็งเห็นช่องว่างการตลาด โดยต้องการสร้างแยมให้เป็นสินค้าทางเลือกหนึ่งในอาหารมื้อเช้า ผ่านการดำเนินกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งปีนี้บริษัทยังวางแผนทำโคมาร์เก็ตติ้งร่วมกับขนมปังเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
“พฤติกรรมความเร่งรีบทำให้ผู้บริโภคมองว่าสินค้าที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์แยมเบสท์ฟู้ดส์สามารถรองรับกับเทรนด์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว และกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก”
ทั้งนี้จากการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุกบริษัทตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้ตลาดแยมมูลค่า 200 ล้านบาท จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จากในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 10% ส่วนในปีที่ผ่านมาแยมเบ