นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวความคิดเรื่องการทบทวนการประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยามะเร็ง(CL) ของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข(สธ.)ว่า ขณะนี้มีรายงานเข้ามาคร่าวๆ แล้ว แต่จะไปพูดมากไม่ได้เพราะจะกระทบคนที่เขาดำเนินการ ทั้งนี้ รัฐบาลเก่าเขาก็ดี ก่อนจะทำก็ให้ 3 กระทรวงคุยกันแล้วก็ไปต่างประเทศ รัฐมนตรีพาณิชย์เก่าส่งมาให้สาธารณสุขคนใหม่ จึงขอทบทวน ซึ่งก็โดนโจมตีไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงกำลังดูอยู่ แต่ตนไม่ได้แส่เข้าไปยุ่งกับเขา เขาบอกว่า ตนจะดูว่าที่ทำมาเป็นอย่างไร อย่างยารักษาโรคเอดส์ แต่ที่จะทำเขาจะรวมตัวเลขคนไข้ดูความเสียหาย ตรงนี้ถ้าดึงมาเขาจะชดเชย เขามีวิธีการ เขาจะไม่ยุติ
**”มิ่ง”เผยรัฐบาลยังไม่มีแนวทางที่ชัด
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาลยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว แต่อยู่ระหว่างการหารือกันของ 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องคือ สาธารณสุข การต่างประเทศ และพาณิชย์ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกัน ก็จะไม่กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ
“ปลัด 3 กระทรวงได้นำข้อมูลในทุกด้านมาหารือกันถึงผลดี และผลเสีย เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะนำเสนอต่อรัฐมนตรีของ 3 กระทรวงให้พิจารณาต่อ คาดว่า จะประชุมปลายสัปดาห์หน้า หรือต้นสัปดาห์ถัดไป ซึ่งที่ประชุมระดับรัฐมนตรีจะต้องมีความชัดเจนในทุกๆ ด้าน จากนั้นจะสรุปเสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อเป็นขั้นตอนสุดท้าย” นายมิ่งขวัญกล่าว
**พาณิชย์เสนอทางเลือกอื่นก่อนใช้ CL
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และพาณิชย์ ได้นำข้อมูลในทุกๆ ด้านของแต่ละฝ่ายมาหารือกันถึงผลดี และผลเสียของการใช้ซีแอล อย่างละเอียด ทั้งด้านการเข้าถึงยา การประหยัดเงินตราที่จะนำเข้ายาจากเจ้าของสิทธิบัตร การที่สหรัฐฯอยู่ระหว่างการทบทวนสถานะของไทยด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามมาตรา 310 พิเศษ ทั้งนี้ เมื่อหาข้อเท็จจริงด้านต่างๆ ได้แล้ว จะต้องสรุปทางเลือกในการแก้ปัญหาให้กับรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่า การใช้ซีแอลน่าจะเป็นหนทางสุดท้ายที่จะดำเนินการเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา เพราะยังมีแนวทางอื่นๆ อีกมาก เช่น ใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้า ในกรณีที่ผู้นำเข้ายา ที่มีอำนาจเหนือตลาดมีการผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว หรืออาจใช้กลไกของคณะทำงานกำหนดราคายากลางของกรมการค้าภายใน เป็นต้น
**เวทีสธ.มีมติร่วมทำ CL ถูกต้อง
วานนี้ (15 ก.พ.) เวลา 15.15 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะทำงานด้าน CL ของสธ. ร่วมด้วยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และเครือข่ายภาคประชาชน ประกอบด้วย เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์/เอช ไอ วี แห่งประเทศไทย เครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต จำนวน 10 คน ร่วมให้ข้อมูล เพื่อประมวลฐานข้อมูลของการใช้ซีแอลยารักษาโรคมะเร็ง 4 รายการ โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2.30 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ถกเถียงกันในเรื่องของข้อมูลจำนวนผู้ป่วยมะเร็งว่ามากน้อยแค่ไหน
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษก สธ. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม มีข้อสรุปร่วมกันเห็นชอบให้ผู้ป่วยทุกรายในระบบประกันสุขภาพทุกคน เข้าถึงยารักษามะเร็งที่มีคุณภาพ ซึ่งที่ประชุมทราบขั้นตอนของการทำ CL มีการเจรจาต่อรองกับบริษัทยาถูกต้อง พร้อมกันนี้ได้ตั้งคณะทำงาน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย สปสช. ทำหน้าประมวลข้อมูลค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่อยู่ในระบบสาธารณสุขโดยสถาบันมะเร็งซึ่งดูแลมาตรฐานรักษารักษา และเครือข่ายผู้ป่วยโดยจะมีการปรับข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำเสนอข้อมูลให้ฝ่ายนโยบาย ทั้งนี้ หากเสร็จไม่ทันเวลาก็จะนำข้อมูลเก่านำเสนอไปก่อน
**อ.จอนชี้ถูกตัด GSP ไทยกระทบไม่มาก
นายจอน อึ้งภากรณ์ ประธานมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วควรจะพิจารณาว่าจริงๆ การทำ CL ถูกต้องหรือไม่ และเมื่อเข้าใจร่วมกันว่าทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกกระบวนการ ก็ไม่ควรต้องถกเถียงกันเกี่ยวกับตัวเลขว่า ผู้ป่วยจะได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด เพราะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ ส่วนกรณีการถูกตัดจีเอสพีนั้น ควรจะตรวจสอบตัวเลขที่มีการเผยแพร่ออกไปมากที่สุดว่าจริงเท็จอย่างไร เนื่องจากสหรัฐฯ จะลดจีเอสพีกับไทยอยู่แล้ว หากจำนวนการผลิตในสินค้าหลายๆ ชนิดเกินจำนวนที่มีการกำหนดกรอบสินค้าที่ได้รับจีเอสพี ดังนั้นตัวเลขจริงๆ จึงกระทบไม่มาก
“นอกจากนี้สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็นไปได้สูงที่จะมาจากพรรคดีโมแครต โดยเฉพาะบิล คลินตันที่มให้การสนับสนุนการเข้าถึงยา และการทำซีแอล ทางการเมืองจึงไม่น่าจะกระทบมาก
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสธ.กล่าวว่า การประชุมระดับปลัดกระทรวง ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนสบายใจ เพราะแนวโน้มของการทำ CLในเชิงนโยบายรมว.สธ.ไม่มีเจตนาที่จะยกเลิก ทั้งรัฐมนตรีเก่าและใหม่มีความเห็นตรงกันที่อยากให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน
**หอการค้าชี้ไทยถูกตัด GSP เพราะเทปผี
นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการกฎระเบียบและการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเกาไม่ถูกจุดกับเรื่อง CL เพราะ CL ไม่ใช่สาเหตุสำคัญของการที่สหรัฐฯ ประกาศตัดสิทธิทางการค้า(จีเอสพี)กับสินค้าส่งออกของไทย รวมถึงไม่ใช่สาเหตุของการที่ไทยจะถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการละเมิดสิทธิบัตรอย่างรุนแรง(PFC)ด้วยเช่นกัน เพราะสาเหตุหลักคือที่ไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่ถูกจับตามองว่ามีการละเมิดสิทธิบัตร(PWL)ซึ่งนางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาทราบดีว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องเทปผีซีดีเถื่อน ไม่ใช่เรื่อง CL ดังนั้น CL จึงเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น
“ในช่วงนี้ผมไม่เห็นตำรวจออกจับเทปผีซีดีเถื่อนใดๆเลย ทั้งที่คุณพวงรัตน์ ทราบดีว่า การตัดจีเอสพีเกิดจากสาเหตุใด เกิดจากส่วนใด พร้อมทั้งมีรายงานข้อมูลในเรื่องดังกล่าวแต่ก็ยังให้ข้อมูลว่า การตัดสิทธิจีเอสพี หรือการที่ไทยถูกจัดให้เป็น PFCเพราะซีแอลให้เป็นแพะรับบาป ซึ่งมันไม่ใช่ข้อมูลเป็นจริง จึงไม่อยากให้สังคมหลงประเด็น”นายบัณฑูร กล่าว
นายบัณฑูร กล่าวว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ซึ่งสมาคมผู้แทนการค้าสหรัฐ(ยูเอสทีอาร์)เคยได้ประเมินความเสียหายจากเทปผีซีดีเถื่อนในไทยพบว่ามีมากถึง 300-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบไม่ได้กับซีแอลที่สร้างความเสียหายน้อยมาก และหากไทยโดนตัดสิทธิจีเอสพี สหรัฐฯก็จะออกมาโต้อย่างแน่นอนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง CL เพราะสหรัฐฯ ก็ใช้ CL ในการแก้ไขปัญหาการเข้าถึงยาเช่นกัน
ทั้งนี้หากประเทศไทยโดนตัดจีเอสพีก็ไม่ใช่เพียงสินค้าส่งออก 5 รายการได้แก่ 1.อัญมณีเครื่องประดับ 2.โพลีเอทธิลีน 3.ยาง 4.ดอกไม้ประดิษฐ์ และ 5.โทรทัศน์ เท่านั้น แต่จะรวมถึงสินค้าส่งออกอีกกว่า 2 พันกว่ารายการ ซึ่งจะโทษสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เพราะไทยเกาไม่ถูกที่คันเอง นอกจากนี้ยังสาเหตุการตัดสิทธิจีเอสพียังเกี่ยวกับข้อจำกัดความจำเป็นของการแข่งขันทางการค้าด้วย คือธุรกิจดังกล่าวจะมียอดการจำหน่ายมากกว่า 185 ล้านเหรียญสหรัฐ มีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 50% และหากเกินแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐ สามารถขอยืดการตัดสิทธินี้ได้ไม่เกิน 5 ครั้ง ในส่วนของธุรกิจ 5 ประเภทนั้นก็ได้รับสิทธินี้มาโดยตลอด แต่ถ้าจะโดนตัดสิทธิก็เป็นเพราะเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ เทปผีซีดีเถื่อนกับลักษณะของธุรกิจตรงตามข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว ไม่เกี่ยวกับ CL
**ชี้ยามะเร็งไม่ใช่ของสหรัฐฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า ยารักษาโรคมะเร็ง 4 รายการที่กระทรวงสาธารสุขดำเนินการทำซีแอลล้วนไม่ใช่บริษัทยาของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวอิมมาทินิบและยารักษาโรคมะเร็งเต้านม เล็ทโทรโซล เป็นของบริษัทโนวาร์ตีส ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ส่วนยารักษามะเร็งปอด เออร์โลทินิบ เป็นของบริษัทโรช ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และยารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม โดซีแท็กเซล เป็นของบริษัทซาโนฟี่ ประเทศฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงกำลังดูอยู่ แต่ตนไม่ได้แส่เข้าไปยุ่งกับเขา เขาบอกว่า ตนจะดูว่าที่ทำมาเป็นอย่างไร อย่างยารักษาโรคเอดส์ แต่ที่จะทำเขาจะรวมตัวเลขคนไข้ดูความเสียหาย ตรงนี้ถ้าดึงมาเขาจะชดเชย เขามีวิธีการ เขาจะไม่ยุติ
**”มิ่ง”เผยรัฐบาลยังไม่มีแนวทางที่ชัด
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาลยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว แต่อยู่ระหว่างการหารือกันของ 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องคือ สาธารณสุข การต่างประเทศ และพาณิชย์ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกัน ก็จะไม่กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ
“ปลัด 3 กระทรวงได้นำข้อมูลในทุกด้านมาหารือกันถึงผลดี และผลเสีย เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะนำเสนอต่อรัฐมนตรีของ 3 กระทรวงให้พิจารณาต่อ คาดว่า จะประชุมปลายสัปดาห์หน้า หรือต้นสัปดาห์ถัดไป ซึ่งที่ประชุมระดับรัฐมนตรีจะต้องมีความชัดเจนในทุกๆ ด้าน จากนั้นจะสรุปเสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อเป็นขั้นตอนสุดท้าย” นายมิ่งขวัญกล่าว
**พาณิชย์เสนอทางเลือกอื่นก่อนใช้ CL
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และพาณิชย์ ได้นำข้อมูลในทุกๆ ด้านของแต่ละฝ่ายมาหารือกันถึงผลดี และผลเสียของการใช้ซีแอล อย่างละเอียด ทั้งด้านการเข้าถึงยา การประหยัดเงินตราที่จะนำเข้ายาจากเจ้าของสิทธิบัตร การที่สหรัฐฯอยู่ระหว่างการทบทวนสถานะของไทยด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามมาตรา 310 พิเศษ ทั้งนี้ เมื่อหาข้อเท็จจริงด้านต่างๆ ได้แล้ว จะต้องสรุปทางเลือกในการแก้ปัญหาให้กับรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่า การใช้ซีแอลน่าจะเป็นหนทางสุดท้ายที่จะดำเนินการเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา เพราะยังมีแนวทางอื่นๆ อีกมาก เช่น ใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้า ในกรณีที่ผู้นำเข้ายา ที่มีอำนาจเหนือตลาดมีการผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว หรืออาจใช้กลไกของคณะทำงานกำหนดราคายากลางของกรมการค้าภายใน เป็นต้น
**เวทีสธ.มีมติร่วมทำ CL ถูกต้อง
วานนี้ (15 ก.พ.) เวลา 15.15 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะทำงานด้าน CL ของสธ. ร่วมด้วยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และเครือข่ายภาคประชาชน ประกอบด้วย เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์/เอช ไอ วี แห่งประเทศไทย เครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต จำนวน 10 คน ร่วมให้ข้อมูล เพื่อประมวลฐานข้อมูลของการใช้ซีแอลยารักษาโรคมะเร็ง 4 รายการ โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2.30 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ถกเถียงกันในเรื่องของข้อมูลจำนวนผู้ป่วยมะเร็งว่ามากน้อยแค่ไหน
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษก สธ. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม มีข้อสรุปร่วมกันเห็นชอบให้ผู้ป่วยทุกรายในระบบประกันสุขภาพทุกคน เข้าถึงยารักษามะเร็งที่มีคุณภาพ ซึ่งที่ประชุมทราบขั้นตอนของการทำ CL มีการเจรจาต่อรองกับบริษัทยาถูกต้อง พร้อมกันนี้ได้ตั้งคณะทำงาน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย สปสช. ทำหน้าประมวลข้อมูลค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่อยู่ในระบบสาธารณสุขโดยสถาบันมะเร็งซึ่งดูแลมาตรฐานรักษารักษา และเครือข่ายผู้ป่วยโดยจะมีการปรับข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำเสนอข้อมูลให้ฝ่ายนโยบาย ทั้งนี้ หากเสร็จไม่ทันเวลาก็จะนำข้อมูลเก่านำเสนอไปก่อน
**อ.จอนชี้ถูกตัด GSP ไทยกระทบไม่มาก
นายจอน อึ้งภากรณ์ ประธานมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วควรจะพิจารณาว่าจริงๆ การทำ CL ถูกต้องหรือไม่ และเมื่อเข้าใจร่วมกันว่าทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกกระบวนการ ก็ไม่ควรต้องถกเถียงกันเกี่ยวกับตัวเลขว่า ผู้ป่วยจะได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด เพราะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ ส่วนกรณีการถูกตัดจีเอสพีนั้น ควรจะตรวจสอบตัวเลขที่มีการเผยแพร่ออกไปมากที่สุดว่าจริงเท็จอย่างไร เนื่องจากสหรัฐฯ จะลดจีเอสพีกับไทยอยู่แล้ว หากจำนวนการผลิตในสินค้าหลายๆ ชนิดเกินจำนวนที่มีการกำหนดกรอบสินค้าที่ได้รับจีเอสพี ดังนั้นตัวเลขจริงๆ จึงกระทบไม่มาก
“นอกจากนี้สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็นไปได้สูงที่จะมาจากพรรคดีโมแครต โดยเฉพาะบิล คลินตันที่มให้การสนับสนุนการเข้าถึงยา และการทำซีแอล ทางการเมืองจึงไม่น่าจะกระทบมาก
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสธ.กล่าวว่า การประชุมระดับปลัดกระทรวง ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนสบายใจ เพราะแนวโน้มของการทำ CLในเชิงนโยบายรมว.สธ.ไม่มีเจตนาที่จะยกเลิก ทั้งรัฐมนตรีเก่าและใหม่มีความเห็นตรงกันที่อยากให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน
**หอการค้าชี้ไทยถูกตัด GSP เพราะเทปผี
นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการกฎระเบียบและการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเกาไม่ถูกจุดกับเรื่อง CL เพราะ CL ไม่ใช่สาเหตุสำคัญของการที่สหรัฐฯ ประกาศตัดสิทธิทางการค้า(จีเอสพี)กับสินค้าส่งออกของไทย รวมถึงไม่ใช่สาเหตุของการที่ไทยจะถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการละเมิดสิทธิบัตรอย่างรุนแรง(PFC)ด้วยเช่นกัน เพราะสาเหตุหลักคือที่ไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่ถูกจับตามองว่ามีการละเมิดสิทธิบัตร(PWL)ซึ่งนางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาทราบดีว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องเทปผีซีดีเถื่อน ไม่ใช่เรื่อง CL ดังนั้น CL จึงเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น
“ในช่วงนี้ผมไม่เห็นตำรวจออกจับเทปผีซีดีเถื่อนใดๆเลย ทั้งที่คุณพวงรัตน์ ทราบดีว่า การตัดจีเอสพีเกิดจากสาเหตุใด เกิดจากส่วนใด พร้อมทั้งมีรายงานข้อมูลในเรื่องดังกล่าวแต่ก็ยังให้ข้อมูลว่า การตัดสิทธิจีเอสพี หรือการที่ไทยถูกจัดให้เป็น PFCเพราะซีแอลให้เป็นแพะรับบาป ซึ่งมันไม่ใช่ข้อมูลเป็นจริง จึงไม่อยากให้สังคมหลงประเด็น”นายบัณฑูร กล่าว
นายบัณฑูร กล่าวว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ซึ่งสมาคมผู้แทนการค้าสหรัฐ(ยูเอสทีอาร์)เคยได้ประเมินความเสียหายจากเทปผีซีดีเถื่อนในไทยพบว่ามีมากถึง 300-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบไม่ได้กับซีแอลที่สร้างความเสียหายน้อยมาก และหากไทยโดนตัดสิทธิจีเอสพี สหรัฐฯก็จะออกมาโต้อย่างแน่นอนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง CL เพราะสหรัฐฯ ก็ใช้ CL ในการแก้ไขปัญหาการเข้าถึงยาเช่นกัน
ทั้งนี้หากประเทศไทยโดนตัดจีเอสพีก็ไม่ใช่เพียงสินค้าส่งออก 5 รายการได้แก่ 1.อัญมณีเครื่องประดับ 2.โพลีเอทธิลีน 3.ยาง 4.ดอกไม้ประดิษฐ์ และ 5.โทรทัศน์ เท่านั้น แต่จะรวมถึงสินค้าส่งออกอีกกว่า 2 พันกว่ารายการ ซึ่งจะโทษสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เพราะไทยเกาไม่ถูกที่คันเอง นอกจากนี้ยังสาเหตุการตัดสิทธิจีเอสพียังเกี่ยวกับข้อจำกัดความจำเป็นของการแข่งขันทางการค้าด้วย คือธุรกิจดังกล่าวจะมียอดการจำหน่ายมากกว่า 185 ล้านเหรียญสหรัฐ มีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 50% และหากเกินแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐ สามารถขอยืดการตัดสิทธินี้ได้ไม่เกิน 5 ครั้ง ในส่วนของธุรกิจ 5 ประเภทนั้นก็ได้รับสิทธินี้มาโดยตลอด แต่ถ้าจะโดนตัดสิทธิก็เป็นเพราะเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ เทปผีซีดีเถื่อนกับลักษณะของธุรกิจตรงตามข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว ไม่เกี่ยวกับ CL
**ชี้ยามะเร็งไม่ใช่ของสหรัฐฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า ยารักษาโรคมะเร็ง 4 รายการที่กระทรวงสาธารสุขดำเนินการทำซีแอลล้วนไม่ใช่บริษัทยาของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวอิมมาทินิบและยารักษาโรคมะเร็งเต้านม เล็ทโทรโซล เป็นของบริษัทโนวาร์ตีส ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ส่วนยารักษามะเร็งปอด เออร์โลทินิบ เป็นของบริษัทโรช ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และยารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม โดซีแท็กเซล เป็นของบริษัทซาโนฟี่ ประเทศฝรั่งเศส