xs
xsm
sm
md
lg

"ไชยา"รื้อ CL มะเร็ง"หมอมงคล"เดือด"NGO บุก สธ.วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐมนตรีสายสังคม “หมัก1”โชว์น้ำยา ขุดประชานิยมใช้เต็มรูป “ไชยา” ประกาศชัดเดินหน้ารื้อซีแอลยามะเร็ง ระบุ "ทำถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง" แบะท่าพร้อมให้บริษัทยาเข้าพบ “หมอมงคล” เซ็งหากยกเลิกซีแอล ระบุคนจะได้รู้ว่าทำเพื่อใคร ด้านเครือข่ายเอดส์เตรียมตบเท้าขอทราบจุดยืนวันนี้ องค์กรหมอไร้พรมแดน แฉ บ.ยาล็อบบี้ ด้าน ”สมชาย” แถลงรับเก้าอี้ รมว.ศธ. ฟื้น กรอ. พร้อมแจกคอมพ์นักเรียนล้านเครื่อง ด้านนักวิชาการชี้ไม่จำเป็นต้องฟื้น เพราะมี กยศ.อยู่แล้ว

วานนี้ (7 ก.พ.) ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมารับตำแหน่งอย่างเป็นการ

”ไชยา”เร่งแก้ปัญหาหมอถูกฟ้อง

นายไชยาได้ให้สัมภาษณ์ก่อนมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ว่า เรื่องที่อยากรีบแก้ปัญหาคือ ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ ในเรื่องของความผิดพลาดในการทำงาน เพราะเชื่อว่าไม่มีหมอคนไหนอยากรักษาคนไข้ให้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีการหารือเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ เพราะในสังคมไทยนั้น ดารา นักร้องขับรถชนคนตายยังลงโทษเพียงรอลงอาญา แต่หมอช่วยเหลือคนไข้ ควรมีการตัดสินที่เป็นธรรม อีกทั้งตนเองและนายชวรัตน์จะมอบเงินส่วนตัวเพื่อใช้เป็นเงินตั้งต้นในการที่จะตั้งกองทุนเยี่ยวยาบุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกฟ้องร้อง

ขณะเดียวกันจะเร่งแก้ปัญหาสมองไหล เพราะคนที่จบแพทย์วันนี้ไม่อยากทำงานหลวง เนื่องจากเงินเดือนน้อยและภาระหน้าที่เยอะ

นายไชยากล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์บางท่านเกษียณอายุราชการในตำแหน่งซี 8 ซึ่งไม่มีโอกาสได้รับสายสะพาย ดังนั้น ตนจะผลักดันให้ผอ.รพ.ศูนย์ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับครอบครัว และจะเดินทางตรวจเยี่ยมไปยังโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆทั่วประเทศ ในการติดตามตรวจดูอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บางแห่งยังล้าสมัย โดยจะเพิ่มเครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้น

ยันทบทวน CLยามะเร็ง

นายไชยากล่าวถึง เรื่องการทบทวนนโยบายการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) ว่า การที่ นพ.มงคล ณ สงขลา ลงประกาศในคำสั่ง 4 ม.ค.51 และลงคำสั่ง เรื่อง มะเร็งทั้งหมด คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดนั้น จะต้องนำสถิติมาดู ว่ามีผู้ป่วยอยู่ระดับไหน เพราะคำว่าสิทธิบัตรเป็นเรื่องล่อแหลมหากเรายังดันทุรัง บริษัทที่คิดค้นขึ้นมาต้องหมดเงินเป็นหลายหมื่นล้าน ฉะนั้นต้องให้เอกสิทธิเรื่องสิทธิบัตร หากยอมให้ประเทศเรา ต่างชาติ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ก็จะนำเป็นข้ออ้างและทำเช่นกัน ต้องเอาสถิติมาดูและทบทวนว่าราคารับได้หรือไม่ ซึ่งถึงวันนี้ได้รับรายงานผู้ป่วยมะเร็งยังมีไม่มากนัก แล้วทำไมถึงต้องทำซีแอล และการที่จะมารื้อทบทวนใหม่ไม่ได้จะมาจ้องจับผิดใคร

“เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา มีหนังสือจากกระทรวงพาณิชย์ว่าบริษัทผู้ผลิตมีหนังสือมาถึงว่าจะประกาศขึ้นบัญชีให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ต้องจับตามอง (PWL) แสดงว่าการประกาศไปนั้น ได้อย่าง เสียอย่าง อย่างที่บอกว่า ถูกใจ ไม่ถูกต้อง ถูกต้อง ไม่ถูกใจ จึงต้องทบทวน ”นายไชยากล่าว

ส่วนเมื่อถามว่า ขณะนี้ยาได้ถูกบรรจุเข้าบัญชียาหลักไปแล้ว จะทำให้ประชาชนแบกรับราคาแพงขึ้นหรือไม่ นายไชยากล่าวว่า ยังไม่ได้เรียกบริษัทผู้ผลิตมาคุย แต่ชื่อว่า บริษัทผู้ผลิตพร้อมที่จะช่วยเหลือเรา โดยจากนี้คงจะมีการเรียกทุกฝ่ายเข้ามาหารือกัน โดยเอากฎหมายมาเป็นที่ตั้ง ซึ่งระหว่างนี้หากตัวแทนจากบริษัทยาจะเข้าพบก็ยินดี

"หมอมงคล"เซ็งคนจะได้รู้ว่าทำเพื่อใคร

นพ.มงคล ณ สงขลา อดีต รมว.สธ.กล่าวว่า รมว.สธ.คนใหม่สามารถทบทวนซีแอลได้ แต่หากจะยกเลิกการทำซีแอลก็จะทำให้ทราบว่าทำเพื่อใคร ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนจะเป็นผู้ดำเนินการในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ 3 ชุด โดยที่ทุกอย่างผ่านการพิจารณาด้วยเหตุและผล ความคุ้มค่า ทุกอย่างมีทั้งดีและเสีย แต่เลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อประชาชน หากใครมาเปลี่ยนตรงนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่คนยากไร้ไม่สามารถเข้าถึงยาได้ และต้องตายอย่างไม่มีศักดิ์ศรี

“เมื่อได้วางรากฐานไว้ดีแล้วประชาชนต่างรู้ว่าไทยสามารถทำซีแอลได้ เราก็ต้องปกป้องคนของเรา ถ้าใครไม่ทำซีแอลและยังมายกเลิกอีกก็เป็นสิ่งที่ประชาชนรับรู้ว่าใครทำเพื่อใคร ผมได้ทำสิ่งที่ดีให้คนทุกข์ยากได้ในช่วงหนึ่ง ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงก็คงไม่สามารถทำอะไรได้”นพ.มงคล กล่าว

นพ.มงคล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สถิติผู้ป่วยโรคมะเร็งอาจมีไม่มากนัก โดยจากข้อมูลที่ทำซีแอลคือ มะเร็งปอดและมะเร็งตับรวมกันมีผู้ป่วยประมาณ 1.5 หมื่นคนเท่านั้น แต่ผู้ได้รับผลกระทบคือญาติ คือครอบครัวคนรอบข้างผู้ป่วยที่ยังชีวิตอยู่อย่างต้องล้มละลายมีมากกว่าผู้ป่วยถึง 5 เท่า แม้แต่ผู้ป่วยโรคไตที่เสียชีวิต เพียง 1.75 หมื่นรายต่อปี แต่คนรอบข้างและญาติผู้ป่วยล้มละลายไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ดังนั้นการจะนำเฉพาะยอดผู้ป่วยมาพิจารณาอย่างเดียวก็คงไม่เหมาะสม

“คนไม่เคยเห็นคนตายแบบที่ไม่มีเงินสักบาทเดียวเลยในครอบครัวก็คงไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร การที่จะบอกให้คนร่ำรวยเข้าใจและเห็นภาพดังกล่าวก็เป็นเรื่องยากเพราะ พวกเขาเสียเงินเป็นแสนเป็นล้านก็เป็นเรื่องเล็กเพราะเงินสำหรับเขามันหาง่าย”นพ.มงคล กล่าว

ด้าน นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ(ซีแอล) กล่าวว่า การทบทวนการประกาศทำซีแอลยามะเร็งต้องพิจารณาให้ดีว่าประชาชนจะได้หรือเสียประโยชน์กันแน่ และยืนยันว่าการทำซีแอลทุกรายการของ นพ.มงคล ได้ดำเนินการมาถูกต้องทุกประการทั้งกฎหมายไทย และกฎ กติกาสากล

เครือข่ายเอดส์เตรียมตบเท้าเข้าพบ

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ประธานมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ตามขั้นตอนคือประกาศซีแอลที่นพ.มงคลลงนามไปเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมาก็ถือว่ามีผลในทางปฏิบัติแล้ว การที่นายไชยาบอกว่าจะทบทวนนั้นก็ไม่ได้หมายถึงการหยุดการดำเนินการ เว้นแต่จะมีการออกประกาศยกเลิกประกาศซีแอลถึงจะชะลอคำสั่งนั้นได้ โดยในวันที่ 8 ก.พ. เวลา 13.00 น. เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายเอดส์ ฯ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ฯลฯ จะเดินทางไปสธ.เพื่อหารือกับรมว.สธ.คนใหม่

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธานเครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น กล่าวว่า รัฐมนตรีใหม่เข้ามาปุ๊บก็มาทำงานหักล้างสิ่งที่นพ.มงคลได้ทำไว้ จะทำให้สังคมตั้งคำถามได้ว่า ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทยาข้ามชาติหรือไม่ เพราะที่ผ่านมารู้กันดีว่าบริษัทเหล่านี้ล็อบบี้กดดันอย่างเต็มที่ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องผลประโยชน์ของบริษัทยา และประเทศใหญ่ทั้งสิ้น

ด้าน ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ หน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในฐานะนักวิชาการขอยืนยันว่าซีแอลเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเมื่อทำสิ่งถูกต้องจะมีผลกระทบแง่ลบกับไทยตามที่นายไชยากล่าวอ้างได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าบริษัทยามาให้ข้อมูลใดๆแล้วก็ต้องเชื่อตามนั้น

องค์กรหมอไร้พรมแดนเผย บ.ยาล็อบบี้

นพ.พอล คอร์ธอร์น หัวหน้าโครงการองค์กรหมอไร้พรมแดน กล่าวว่า เร็วเกินไปที่รมว.สาธารณสุขคนใหม่จะพูดเรื่องซีแอลขณะที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง เพราะควรรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง เครือข่ายผู้ป่วยโรคต่างๆ ผู้บริโภค บริษัทยา ฯลฯ การที่นายไชยาพูดเช่นนี้เท่ากับว่าได้รับแรงกดดันจากกระทรวงทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก แต่ความจริงตัวรมว.สธ.ต้องคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลักไม่ใช่แรงกดดันจากกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง

“ก่อนหน้านี้ได้ยินกระแสข่าวรมว.สธ.ใหม่จะโดนการล็อบบี้จากบริษัทยาอย่างมาก จึงไม่แปลกใจที่นายไชยา ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรมว.สธ.ก็พูดถึงเรื่องการทบทวนการทำซีแอลทันที ยืนยันว่าไทยได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมายไทยและสากลทุกอย่างแล้ว”นพ.พอลกล่าว

นพ.พอล กล่าวว่า องค์กรฯจะรอรายงานการประเมินผลการทำซีแอลไทยขององค์การอนามัยโลก ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์หน้า และเมื่อได้รายงานแล้วจะหารือกับเครือข่ายอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ซื้อคอมพ์ล้านเครื่องแจกนักเรียน

ส่วนที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศธ. นายพงศกร อรรณนพพร รมช.ศธ.และนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศธ.ได้เดินทางมารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการท่ามกลางผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายคนเดินทางมามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนมาก

ต่อมานายสมชายได้กล่าวในการประชุมเพื่อรับฟังการบรรยายสรุปบทบาท และภารกิจจากผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการว่า การทำงานกับศธ.คงจะเป็นมิติใหม่นอกเหนือจากอาชีพเดิม และจะใช้ความรู้ด้านกฎหมายพัฒนาการศึกษาให้ถูกทิศทาง เพื่อให้เด็กและเยาวชนลืมตาอ้าปากได้ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้ หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 ก.พ. ตนคงจะได้รับมอบหมายจาก ครม.ให้เป็นประธานจัดทำร่างนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเรื่องใดที่ทุกคนต้องการให้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศธ. ก็แนะนำมาได้

“จะมีการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 1 ล้านเครื่อง แจกจ่ายให้กับเด็กนักเรียนด้วย ซึ่งการพัฒนาครู และเด็ก และการขาดแคลนครู เชื่อว่าหากนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมจะช่วยได้ในเบื้องต้น โดยเฉพาะในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ ผมต้องการที่จะปลดปล่อยพลังความเก่งของข้าราชการครูให้ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่”

ประกาศฟื้น กรอ.- 1 อำเภอ 1 ทุน

สำหรับการกู้ยืมเงินเรียน นายสมชายกล่าวว่าจะต้องหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการจัดการอย่างไรให้เป็นไปตามนโยบายและรัฐธรรมนูญ เพราะจะต้องนำนโยบายเรื่อง กรอ. กลับมาใช้เหมือนเดิม เพราะเป็นนโยบายพรรคการเมืองของตน และเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นนโยบายของรัฐบาลด้วย นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพราะทราบว่า นักเรียนในพื้นที่ดังกล่าวยังอ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้

“นโยบายที่จะเร่งดำเนินการใน 1 ปีแรกที่รับตำแหน่ง จะเข้ามาดูแลเรื่องการดำเนินการโครงการ กรอ. ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 7 ก.พ.นี้ จะได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรคเพื่อปรับนโยบายด้านการศึกษา นำข้อดีในแต่ละนโยบายมารวมกัน“ นายสมชายกล่าว

อ้ำอึ้งนโยบายการศึกษารัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนได้สอบถามนโยบายสำคัญๆ ของรัฐบาล อาทิ การดูแลปัญหาการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ นโยบายเรียนฟรี เร่งเรื่องด่วนที่จะต้องรีบทำในระยะแรก รวมทั้งนโยบายหลักด้านการศึกษาของรัฐบาล แต่นายสมชาย ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน และปัดว่าจะขอชี้แจงนโยบายต่างๆ หลังจากที่ประชุม ครม.นัดแรก วันที่ 7 ก.พ. และแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาฯ ก่อน จากนั้นได้ตัดบทจบการแถลงข่าวทันที

"คุณหญิงกษมา"เสนอแนวซื้อคอมพ์

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา สพฐ. เคยมีการจัดทำข้อมูลความต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ของสถานศึกษาไว้ในโครงการเมกกะโปรเจ็กต์อยู่แล้ว แต่โครงการเดิมรัฐบาลจะให้เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตามความจำเป็นของสถานศึกษาแต่ละแห่ง ซึ่งปัจจุบันยังขาดอยู่อีกประมาณ 100,000 กว่าเครื่อง แต่หากรัฐบาลชุดนี้ต้องการให้นักเรียนทุกคนมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คประจำตัวและสามารถสนับสนุนได้ทั้ง 2 ส่วนก็เป็นเรื่องที่ดี

แต่ทั้งนี้ในฐานะข้าราชการประจำก็จะเสนอทางเลือกในการจัดสรรคอมพิวเตอร์ว่า 1. ควรจัดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตามความจำเป็นของสถานศึกษาแต่ละแห่งให้เพียงพอต่อการเรียนการสอนก่อน และ2.หากจะให้นักเรียนมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คประจำตัวควรพิจารณาเลือกว่าจะมีในกลุ่มใด

นักวิชาการชี้ ไม่จำเป็นต้องฟื้น กรอ.

นายอมรวิชช์ นาครทรรพ์ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การฟื้น กรอ.นั้น มองว่าเป็นเจตนาดี แต่ความจริงกองทุนนี้ไม่ได้หายไปไหน แต่รวมอยู่ใน กยศ. ซึ่งรัฐบาลที่แล้วรวมไว้เพื่อแก้ปัญหาความซ้ำซ้อน อยากให้ รมว.ศธ.ศึกษาข้อมูลก่อน หากสามารถให้เด็กกู้ได้อย่างเพียงพอ และครอบคลุมตามเป้าหมาย ก็ถือว่าเป็นการทำตามที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้โดยไม่ต้องทำขึ้นมาใหม่

ขณะที่โครงการคอมพิวเตอร์ 1 ล้านเครื่อง ก็เป็นการต่อยอดโครงการที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่โครงการใหม่ แต่ขอให้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ ไม่เช่นนั้นโรงเรียนบางแห่งอาจไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

ฝากการบ้าน 3 ข้อ รมต.ศธ.

นายอมรวิชช์ กล่าวต่อไปว่า ขอฝากรัฐมนตรีฯ ใหม่เร่งดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1. การแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กจำนวนกว่า 10,000 แห่ง ซึ่งเป็นปัญหามาตลอดและใช้งบประมาณมหาศาล โดยควรสานต่อการลดจำนวนโรงเรียนขนาดเล็กด้วยการรวมเป็นเครือข่าย และค่อยๆ ยุบรวม

2. การพัฒนาการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเดิมมียุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้วทั้งสายสามัญ โรงเรียนสอนศาสนา ปอเนาะ และการส่งเสริมการมีงานทำของเยาวชน ที่สามารถสานต่อได้เลย ซึ่งจะไม่ส่งผลดีเฉพาะคุณภาพการศึกษาเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อความมั่นคงในพื้นที่ด้วย และ 3.การพัฒนาการศึกษาปฐมวัย ซึ่งเป็นปัญหามากเช่นกัน เพราะหากเด็กเล็กขาดความพร้อม เมื่อเข้าสู่การศึกษาระดับพื้นฐานก็จะเป็นปัญหาด้วย

”ป้าอุ” ฝาก 3 ภารกิจเร่งด่วน

นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังประชุมข้าราชการกระทรวงแรงงานเพื่อมอบนโยบายการทำงานว่า ขอฝากภารกิจเป็นการบ้านให้เร่งรัดดำเนินการ 3 เรื่อง คือ ขอให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานดำเนินการปรับเปลี่ยนให้ข้าราชการของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจำนวน 63 แห่ง และข้าราชการของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 12 แห่งให้เป็นข้าราชการในสังกัดส่วนภูมิภาคแทนส่วนกลาง โดยให้ขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ได้รับสวัสดิการและเงินประจำตำแหน่งเพิ่มขึ้น ขอให้กรมการจัดหางานเร่งวางระบบและระเบียบสำหรับแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยใช้นโยบายบินก่อนจ่ายทีหลัง เชื่อว่าหากวางระบบดีก็จะไม่เป็นการสร้างหนี้

นอกจากนี้ ขอให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) คิดรูปแบบการขยายความคุ้มครองและดูแลแรงงานนอกระบบ โดยจะเริ่มต้นที่อาชีพคนขับแท็กซี่หรือคนขับรถสามล้อก่อน

"วุฒิพงศ์" เข้าก.วิทย์พร้อมพ่อ

ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ได้เดินทางมารับตำแหน่งที่กระทรวง โดยมีนายอนันต์ ฉายแสง ผู้เป็นบิดาร่วมเดินทางมาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการสานต่อนโยบายของ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ คนก่อนอย่างไรบ้าง นายวุฒิพงศ์ปฏิเสธว่า ต้องดูก่อนเพราะไม่ทราบว่าคนเก่าทำอะไรไปบ้าง เพราะสมัยที่รัฐบาลจากคณะปฏิวัติมีอำนาจ ไม่เคยติดตาม เนื่องจากไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน ไม่เว้นแม้แต่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แม้รมว.วิทยาศาสตร์ฯ คนก่อนจะเป็นคนดีมีความรู้ความสามารถก็ตาม

ส่วนแนวทางการบริหารงาน นายวุฒิพงศ์เผยว่า ยังไม่มีวาระพิเศษใดๆ จากส่วนกลางลงมา โดยต้องรอให้มีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาก่อน แต่ได้มีการหารือรายละเอียดต่างๆ กับเจ้าหน้าที่กระทรวงไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ ตนเองต้องการส่งเสริมให้เยาวชนไทยคิดอย่างวิทยาศาสตร์ จากตอนนี้ที่สังคมไทยยังคิดไม่เป็นวิทยาศาสตร์นัก ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ได้

อีกทั้งยังได้รับคำร้องเรียนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตั้งแต่ยังไม่ได้รับตำแหน่งว่า งานวิจัยของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ยังมีอยู่น้อยเกินไป จึงอยากผลักดันให้งบวิจัยเพิ่มเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเพื่อนบ้านของไทยแซงไทยในจุดนี้ไปหมดแล้ว

ชี้ "เสาไฟฟ้า" ก็เป็น รมว.วิทย์ได้

ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์ นักวิจัยจากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) แสดงความคิดเห็นว่า ไม่ได้ติดตามข่าวเลยว่าผู้ใดจะมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งมองว่าไม่ว่าใครมาเป็นก็ได้ทั้งนั้น แม้แต่เสาไฟฟ้ายังมาเป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ได้เลย

ทั้งนี้ ต้นเหตุของปัญหาก็เนื่องมาจากระบบการเมืองไทย กล่าวคือรัฐบาลแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจะแต่งตั้งตัวบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในสายการทำงานนั้นๆ มารับตำแหน่ง ขณะที่รัฐบาลจากนักการเมืองย่อมจะเน้นการจัดสรรตำแหน่งไปที่การประสานผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มคนต่างๆ ในรัฐบาลร่วม
กำลังโหลดความคิดเห็น