xs
xsm
sm
md
lg

“หมอไชยา” ลั่น CL “ถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง” ลุยแก้หมอถูกฟ้อง-ชง ผอ.รพ.ศูนย์รับเครื่องราชฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมว.สธ. และ รมช.สธ.เกี่ยวก้อยรับตำแหน่งใหม่ ข้าราชการต้อนรับคับคั่ง ย้ำเดินหน้ารื้อซีแอลยามะเร็ง ระบุ “ทำถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง” ยันไม่ได้จ้องจับผิดใคร ประกาศแก้ปัญหาแพทย์ถูกฟ้องเร่งด่วน มอบเงินส่วนตัวตั้งกองทุนเยียวยา พ่วงนโยบายเอาใจหมอ พยาบาล ผลักดันให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพิ่มเครื่องมือทันสมัย ส่วน 30 บาท แม้สูญเงิน 2 พันล้านก็ไม่กลับไปเก็บอีก ไม่ต้องกังวล เน้นพัฒนาคุณภาพบริการ ขอให้ร่วมมือทำงานสามัคคี ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย

วันนี้ (7 ก.พ.) เวลา 10.09 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินทางมารับหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คนที่ 59 และเวลา 10.05 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เดินทางมารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข คนที่ 55 อย่างเป็นทางการ โดยมี นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีทุกกรม และเหล่าข้าราชการให้การต้อนรับ และมอบดอกไม้แสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง

ต่อมา นายไชยา และนายชวรัตน์ ได้ทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข ต่อจากนั้นขึ้นห้องทำงานที่ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข บูชาพระพุทธรูปประจำห้องทำงาน และลงนามในหนังสือรับหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ เวลา 10.30 น. นายไชยาได้ให้สัมภาษณ์ก่อนมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขว่า ภารกิจเร่งด่วนที่คิดว่าต้องรีบแก้ปัญหาคือ ไข้หวัดนก ยุงลาย แต่เมื่อดูในรายละเอียดแล้ว ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าใดนัก เรื่องที่อยากรีบแก้ปัญหาอีกเรื่อง คือ ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ ในเรื่องของความผิดพลาดในการทำงาน ตนเชื่อว่าไม่มีหมอคนไหนอยากรักษาคนไข้ให้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีการหารือเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ เพราะในสังคมไทยนั้น ดารา นักร้องขับรถชนคนตายยังลงโทษเพียงรอลงอาญา แต่หมอช่วยเหลือคนไข้ ควรมีการตัดสินที่เป็นธรรม อีกทั้งตนและนายชวรัตน์จะมอบเงินส่วนตัวเพื่อใช้เป็นเงินตั้งต้นในการที่จะตั้งกองทุนเยียวยาบุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกฟ้องร้อง

“นโยบายขณะนี้ต้องมองปัญหาสมองไหล คนที่จบแพทย์วันนี้ไม่อยากทำงานหลวง เนื่องจากเงินเดือนและภาระหน้าที่ ดังนั้นจึงจะเลื่อนขั้นบางคนเข้ามารับราชการต้องการได้รับเกียรติ แนวโน้มที่จะทำก็คือ ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลต่างๆ พอขึ้นมาเป็นระดับ 9 ก็จะได้สายสะพายเป็นเกียรติ เป็นขวัญกำลังใจ” นายไชยากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องการทบทวนนโยบายการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) นั้น นายไชยากล่าวว่า จะเรียนถามรัฐมนตรีท่านเก่า ซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งปี 49 ขณะนี้ปี 51 ลงประกาศในคำสั่ง 4 ม.ค.51 และลงคำสั่งเรื่องมะเร็งทั้งหมด คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดนั้นจะต้องนำสถิติมาดูว่ามีผู้ป่วยอยู่ระดับไหน เพราะคำว่าสิทธิบัตรเป็นเรื่องล่อแหลมหากเรายังดันทุรัง บริษัทที่คิดค้นขึ้นมา ต้องหมดเงินเป็นหลายหมื่นล้านฉะนั้นต้องให้เอกสิทธิเรื่องสิทธิบัตร หากยอมให้ประเทศเรา ต่างชาติ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ก็จะนำเป็นข้ออ้างและทำเช่นกัน ต้องเอาสถิติมาดูและทบทวนว่าราคารับได้หรือไม่ ซึ่งถึงวันนี้ได้รับรายงานผู้ป่วยมะเร็งยังมีไม่มากนัก แล้วทำไมถึงต้องทำซีแอล และการที่จะมารื้อทบทวนใหม่ไม่ได้จะมาจ้องจับผิดใคร

“เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา มีหนังสือจากกระทรวงพาณิชย์ว่าบริษัทผู้ผลิตมีหนังสือมาถึงว่าจะประกาศขึ้นบัญชีให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ต้องจับตามอง (PWL) แสดงว่าการประกาศไปนั้น ได้อย่างเสียอย่าง อย่างที่บอกว่า ถูกใจไม่ถูกต้อง ถูกต้องไม่ถูกใจ ซึ่งไทยอยู่ภายใต้กฎหมายขององค์การการค้าโลก (WTO) ต้องมีเหตุผลในการประกาศทำซีแอล และเคารพสิทธิ และให้เกียรติกัน แต่คงไม่ถึงขั้นยกเลิก เป็นการทบทวนดูหากมีเหตุผลในการประกาศใช้ ต้องดูสาเหตุการประกาศใช้เกิดจากอะไร” นายไชยากล่าว

ต่อข้อถามว่า เห็นข้อมูลจากคณะกรรมการตามขั้นตอนที่ทำซีแอลหรือไม่ นายไชยากล่าวว่า เห็นแต่ตัวประกาศว่าต้องการให้คนไทยเข้าถึงยา นั่นคือสิ่งที่เอาเหตุผลมาประกาศ แต่บางครั้งการประกาศแบบนี้ เป็นเรื่องถูกใจ ไม่ถูกต้อง เพราะผลที่สะท้อนออกมา แรงกว่าที่เราได้ ซึ่งอาจได้ไม่คุ้มเสีย จึงต้องทบทวน และเมื่อถามไปถามมาทราบว่า ประกาศก่อนเข้า ครม. ออกไปที่สำนักงานคณะรัฐมนตรีไม่ได้ผ่าน ครม. ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ควรทำกันง่ายๆ

ต่อข้อถามว่า กรณีดังกล่าวนั้น ยาได้ถูกบรรจุเข้าบัญชียาหลักไปแล้ว จะทำให้ประชาชนแบกรับราคาแพงขึ้นหรือไม่ นายไชยากล่าวว่า ขอเรียนว่าเรายังไม่ได้เรียกบริษัทผู้ผลิตมาคุย ประเทศเราประเทศที่ยังด้อยพัฒนาต้องการความช่วยเหลือ เชื่อว่าบริษัทผู้ผลิตพร้อมที่จะช่วยเหลือเรา ถามว่าได้คุยเรื่องนี้หรือไม่ เพราะเมื่ออ่านจากหนังสือที่บริษัทยาส่งมากระทรวงพาณิชย์ ได้บอกว่าไทยไม่เคยเรียกไปคุย หรือจะปรับลด ฉะนั้นต้องมีการหารือทั้งผู้ผลิต กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ

“แต่ละฝ่ายมีมุมมองไม่เหมือนกัน จากนี้คงจะมีการเรียกทุกฝ่ายเข้ามาหารือกัน โดยเอากฎหมายมาเป็นที่ตั้ง ผลกระทบจากที่ประกาศออกไป กลัวว่าไปเจอประเทศมหาอำนาจจะเหนื่อย แต่ก็เชื่อว่า รัฐมนตรีท่านเดิมคงมองว่า ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงยา ซึ่งเป็นนโยบายที่ดี เมื่อทราบรายละเอียดทั้งหมดจะต้องสื่อ ตอบสาธารณะได้ว่าเพราะอะไร ระหว่างนี้หากตัวแทนจากบริษัทยาจะเข้าพบก็ยินดี ”นายไชยากล่าว

จากนั้น นายไชยาได้เข้าห้องประชุมเพื่อรับการแสดงความยินดี จากปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารระดับสูง ได้มีการมอบนโยบายในการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยนายไชยากล่าวว่า ก่อนที่จะได้เข้ามารับตำแหน่งรมว.สธ. ได้รับการทาบทามให้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) แต่ที่ มท.มีคนมาขอร้องว่าขอตำแหน่งนี้ให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก่อน เพราะมีอายุมากแล้ว ส่วนที่ ยธ.ตนไม่ต้องการเข้าไปสะสางสำนวนที่มีการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบข้าราชการระดับซี 8 ที่ประพฤติมิชอบ ที่ค้างอยู่กว่า 2 หมื่นเรื่อง ท้ายที่สุดก็มาสรุปที่ สธ. ช่วงแรกก็มีความกลัว แต่เมื่อได้พบกับปลัดสธ.และเจ้าหน้าที่หลายท่านก็รู้สึกอบอุ่น เพราะวุฒิภาวะและความสามรถของข้าราชการสธ.มีเต็มร้อย ทุกกรมมีการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้ว ก็ให้รักษาและเดินหน้าต่อไป ส่วนที่ยังไม่ดีเรามาร่วมกันแก้

นายไชยา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์บางท่านเกษียณอายุราชการในตำแหน่งซี 8 ซึ่งไม่มีโอกาสได้รับสายสะพาย ดังนั้น ตนจะผลักดันให้ ผอ.รพ.ศูนย์ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับครอบครัว และจะเดินทางตรวจเยี่ยมไปยังโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆทั่วประเทศ ในการติดตามตรวจดูอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บางแห่งยังล้าสมัย โดยจะเพิ่มเครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้น

นายไชยา กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยมีการเสนอให้ไม่เก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งตนเป็นคนหนึ่งที่เสนอให้มีการเก็บค่าธรรมเนียม 30 บาท เพราะต้องการให้ประชาชนเห็นคุณค่าแต่เมื่อรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้มีการสั่งยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียม 30 บาท ทำให้รัฐสูญเงินกว่า 2 พันล้านบาท ทว่า สธ.ไม่ใช่หน่วยงานแสวงหากำไรอยู่แล้ว จึงไม่ต้องไปกังวลเรื่องนี้ แต่จะเน้นพัฒนาคุณภาพ ให้ดีขึ้น

“วันนี้ผมมีสำนึกความเป็นคน และภาคภูมิใจในตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ งาน สธ. ถ้ามานั่งระดมสมองร่วมกัน ทุกเรื่องก็จะจบ อย่าแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีความสามัคคี ผมเป็นคนยึดความถูกต้องยุติธรรม ที่นครปฐมเรียกผมว่าเปาบุ้นจิ้น ดังนั้น ผมเข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่มาสร้างปัญหา ถ้าเกิดมีอะไรที่อึดอัดใจขอให้พูดอย่าเก็บไว้ในใจ ระบายคุยกัน อย่าตั้งแง่ในเรื่องเล็กน้อย ให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำงานให้สนุก และต่อให้ผมมี 10 มือ 20 มือ ถ้าไม่ช่วยกันก็ไม่ประสบความสำเร็จ เชื่อว่าจะขับเคลื่อนกระทรวงนี้ไปในทางที่ดีได้”นายไชยากล่าว

ด้าน นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนมีบางเรื่องที่คล้ายกับ รมว.สธ. คือได้รับการทาบทามให้นั่งเป็นรมช.ในหลายกระทรวง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงต่างประเทศ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจมาอยู่ที่ สธ.ซึ่งจะพยายามจัดหางบประมาณโดยใช้ความสัมพันธ์ที่เคยเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงการคลังเมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา และจะทำงานสนองนโยบาย รมว.ให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข
กำลังโหลดความคิดเห็น