“สมชาย วงศ์สวัสดิ์” แถลงรับเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ ฟื้นประชานิยมคืนชีพ กรอ. และสารพัดทุน เดินหน้านโยบายเร่งด่วนสร้างคุณภาพการศึกษาชาติทันที!!! “คอมพ์ล้านเครื่อง” แจกนักเรียน อ้อนองค์กรครูให้เวลาทำงานแม้ไม่เชี่ยวชาญแต่มีใจเต็มที่ อ้ำอึ้งถูกสื่อถามนโยบายหลักด้านการศึกษาของรัฐบาล ปัดตอบคำถามขอแจงหลังประชุม ครม.นัดแรก ยันไม่ใช่นอมินีอำนาจเก่า ขณะนี้มีแค่รัฐบาลปัจจุบัน ด้าน กษมา ขานรับ ขอคอมพ์ตั้งโต๊ะ ส่วนโน๊ตบุ๊คต้องมาดูว่าควรเด็กกลุ่มใด
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวในการประชุมเพื่อรับฟังการบรรยายสรุปบทบาท และภารกิจจากผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการว่า ตนไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ ดังนั้น การทำงานร่วมกับข้าราชการใน ศธ.คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะตนเคยดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงยุติธรรมมาแล้ว และเข้าใจการทำงานระบบข้าราชการเป็นอย่างดี ซึ่งการมารับตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะได้รับเกียรติมากมายขนาดนี้ โดยถือว่าการทำงานกับศธ.คงจะเป็นมิติใหม่นอกเหนือจากอาชีพเดิม และจะใช้ความรู้ด้านกฎหมายพัฒนาการศึกษาให้ถูกทิศทาง ซึ่งจะร่วมมือกับทุกฝ่ายพัฒนาการศึกษาทุกระดับ เพื่อให้เด็กและเยาวชนลืมตาอ้าปากได้ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยตนเป็นเพียงผู้มาใหม่ สิ่งใดที่มีอยู่แล้วและทำไว้ดีแล้วก็ขอให้ดูแลรักษาและต่อยอดขึ้นไป อะไรที่ล้าสมัยก็มาคิดใหม่ทำใหม่ให้เหมาะสม
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นโยบายของ ศธ.มีชัดเจนอยู่แล้ว ก็คงต้องเร่งศึกษา เพราะเชื่อว่าหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 ก.พ. ตนคงจะได้รับมอบหมายจาก ครม.ให้เป็นประธานจัดทำร่างนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเรื่องใดที่ทุกคนต้องการให้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศธ.ก็แนะนำมาได้ เพราะการทำงานต้องรับฟังทุกฝ่าย ทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยกันทุกฝ่ายถึงจะประสบความสำเร็จ
“จะมีการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 1 ล้านเครื่อง แจกจ่ายให้กับเด็กนักเรียนด้วย ซึ่งการพัฒนาครู และเด็ก และการขาดแคลนครู เชื่อว่าหากนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมจะช่วยได้ในเบื้องต้น โดยเฉพาะในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล นอกเหนือจากการมาทำงานที่จะพัฒนาครูและเด็กแล้ว ผมต้องการที่จะปลดปล่อยพลังความเก่งของข้าราชการครู เพราะผมจะปล่อยให้คนเก่งใน ศธ. ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะได้อะไรดีๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
สำหรับการกู้ยืมเงินเรียน ซึ่งจะต้องหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการจัดการอย่างไรให้เป็นไปตามนโยบายและรัฐธรรมนูญ เพราะจะต้องนำนโยบายเรื่อง กรอ.กลับมาใช้เหมือนเดิม เพราะเป็นนโยบายพรรคการเมืองของตน และเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นนโยบายของรัฐบาลด้วย นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพราะทราบว่า นักเรียนในพื้นที่ดังกล่าวยังอ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้
“นโยบายที่จะเร่งดำเนินการใน 1 ปีแรกที่รับตำแหน่ง จะเข้ามาดูแลเรื่องการดำเนินการโครงการ กรอ.ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 7 ก.พ.นี้ จะได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรคเพื่อปรับนโยบายด้านการศึกษา นำข้อดีในแต่ละนโยบายมารวมกัน นอกจากนั้นการฟื้นกองทุน กรอ.ยังจะให้พิจารณาทบทวนโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน และโครงการคอมพิวเตอร์ล้านเครื่อง (one laptop per child) โครงการ 1 อำเภอ 2 พยาบาล อย่างไรก็ตาม ไม่อยากใช้คำว่าประชานิยม แต่หากโครงการใดที่ประกาศไว้และเป็นความต้องการของประชาชนรัฐบาลจะต้องเร่งทำ” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่องค์กรครูไม่เชื่อมั่นในตัว รมว.ศึกษาธิการคนใหม่นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ขอให้เวลาทั้งตนและ รมช.ศึกษาธิการ ทั้ง 2 คน ได้ทำงานซึ่งพร้อมจะเสียสละ และอุทิศตัวผลักดันด้านการศึกษาให้ก้าวทันโลก ถึงแม้ตนจะไม่มีความเชี่ยวชาญแต่ตนมีใจที่จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด สำหรับข้าราชการหากมีความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะใดก็ขอให้บอกกับตนได้ ซึ่งหากไม่เจอตัวก็ส่งทางอีเมลได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนได้สอบถามนโยบายสำคัญๆ ของรัฐบาล อาทิ การดูแลปัญหาการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ นโยบายเรียนฟรี เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบทำในระยะแรก รวมทั้งนโยบายหลักด้านการศึกษาของรัฐบาล แต่นายสมชาย ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน และปัดว่าจะขอชี้แจงนโยบายต่างๆ หลังจากที่ประชุม ครม.นัดแรก วันที่ 8 ก.พ. และแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาฯ ก่อน จากนั้นได้ตัดบทจบการแถลงข่าวทันที
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ตามนายสมชายเข้าไปสอบถามภายในห้องทำงาน รมว.ศึกษาธิการ ถึงการทำงานในตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.ศึกษาธิการ ว่าจะมีการแบ่งเวลาอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า คงไม่ถึงกับแบ่งว่าจะเข้ากระทรวงวันใดบ้าง แต่หากมีงานก็จะเข้ามา
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ถูกมองว่าเป็นนอมินีของกลุ่มอำนาจเก่า นายสมชาย กล่าวว่า เวลานี้ไม่มีกลุ่มอำนาจเก่า อำนาจใหม่แล้ว มีแต่รัฐบาลที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ชุดปัจจุบันเพียงชุดเดียว ที่จะต้องทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ (กุ่ย) พิทักษ์พรพัลลพ เจ้าของโปรเจกต์โคล้านตัว ได้เดินทางมาพร้อมคณะ รมว.ศธ นอกจากนี้ยังได้ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปของผู้บริหาร ศธ.ด้วย
ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เคยมีการจัดทำข้อมูลความต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ของสถานศึกษาไว้ในโครงการเมกกะโปรเจคอยู่แล้ว แต่โครงการเดิมรัฐบาลจะให้เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตามความจำเป็นของสถานศึกษาแต่ละแห่ง ซึ่งปัจจุบันยังขาดอยู่อีกประมาณ 100,000 กว่าเครื่อง แต่หากรัฐบาลชุดนี้ต้องการให้นักเรียนทุกคนมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คประจำตัวและสามารถสนับสนุนได้ทั้ง 2 ส่วนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ในฐานะข้าราชการประจำก็จะเสนอทางเลือกในการจัดสรรคอมพิวเตอร์ว่า 1. ควรจัดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตามความจำเป็นของสถานศึกษาแต่ละแห่งให้เพียงพอต่อการเรียนการสอนก่อน และ2.หากจะให้นักเรียนมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คประจำตัวควรจะมีในกลุ่มใด
