"ครม.สมัคร1" สะดุดยังทูลเกล้าฯไม่ได้ ต้องรื้อกันอีกรอบ "สมพงษ์" พลิกนั่ง ยุติธรรม "ไชยา" คุมสาธารณสุข "พงศกร"เบียดนั่งวัฒนธรรม"น้องจาตุรนต์"ได้ รมช.คลัง เด็ก"หมัก"ได้ดีนั่งรองนายกฯ ขณะที่ "เนวิน" ดันเด็กในกลุ่มขึ้นเพียบ"ทรงศักดิ์"รมช.คมนาคม "ธีระชัย"รมช.เกษตรฯ ขณะที่ "ประชัย" พ้นสภาพหัวหน้าพรรคมัชฌิมาฯ ส่งผลต่อการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งในครม. ด้าน"คมสัน"เตือนหากคุณสมบัติ"สมัคร"มีปัญหาจะส่งผลถึงทั้งครม.ทั้งคณะ
เมื่อเช้าวานนี้ (31ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บ้านพัก ซ.นวมินทร์ 81 ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่ายังคงมีคนที่ให้ความเคารพนับถือนำกระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดี เป็นระยะ ๆ และมีผู้สื่อข่าวจำนวนมากไปคอยสังเกตการณ์ แต่จากการสอบถามคนในบ้านทราบว่า นายสมัครได้เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ โดยได้แจ้งทีมรักษาความปลอดภัยไม่ต้องติดตาม พร้อมกับแจ้งว่า ขอเวลาส่วนตัว 1 วัน โดยคาดว่าเป็นการไปหารือข้อสรุปเรื่องรายชื่อคณะรัฐมนตรี กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล
กระทั่งเวลา 15.30 น. นายสมัครได้เดินทางกลับเข้าบ้านโดยไม่มีรถนำขบวน และตำรวจติดตามด้วยรถเบ็นซ์ เอส 280 สีดำ หมายเลขทะเบียน คศ 9781 กทม ซึ่งนายสมัครนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ และมีนายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่มีกระแสข่าวว่า นายสมัครจะผลักดันให้เป็นรมช.คมนาคม นั่งมาด้วย และได้เข้าบ้านพักไปโดยไม่มีการสัมภาษณ์แต่อย่างใด
**ส่งทีม รปภ.สำรวจห้องทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.00 น. วันเดียวกันนี้ ทีมงานของนายสมัคร สุนทรเวช นำโดยนายธีรพล นพรัมภา เลขานุการส่วนนายสมัคร ซึ่งคาดว่าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยรถตู้ เลขทะเบียน ชม 3333 สีดำ พร้อมด้วยทีมงานชุดรักษาความปลอดภัย นำโดย พ.อ.สุเมธ พรหมตรุษ ประจำ ศรภ.บก.สส. หรือ "เสธหมู" ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าทีมชุดรักษาความปลอดภัยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทีมงานของนายสมัคร ได้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการตรวจดูสภาพห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเดินทางกลับทันที
"เลี้ยบ"ยัน ครม.สมัคร 1 เสร็จแล้ว
เมื่อเวลา 14.15 น. วันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดย นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การรวบรวมรายชื่อผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งในส่วนของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ครบทุกกระทรวง 35 ตำแหน่ง โดยรายชื่อบุคคลจากพรรคต่างๆ ที่จะเสนอให้เป็นรัฐมนตรีนั้น เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารพรรคต่างๆ ที่ได้ส่งรายชื่อให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยนายสมัคร ได้พิจารณาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่บริหารกระทรวงต่างๆเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับได้เรียก นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม. มาพบเพื่อนำรายชื่อของผู้ที่ได้รับการเสนอจากพรรคต่างๆให้เป็นรัฐมนตรีไปตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน
นพ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ (1ก.พ.) แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะนัดประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงร่าง นโยบายรัฐบาล ที่โรงแรมสุโขทัย ในเวลา 10.00 น. โดยในส่วนของพรรคพลังประชาชน นำโดย ตน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายนพดล ปัทมะ
**สลับโผหลายตำแหน่ง
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชาชน แจ้งว่ารายชื่อ ครม.ชุดใหม่ ที่คาดว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ได้แก่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.พาณิชย์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ ควบรมว.คลัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ ควบ รมว.ศึกษาธิการ นายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ฝ่ายโยธา ที่มีข่าวว่าเดิมจะเป็น รมช.คมนาคม สุดท้ายอาจจะเป็นรองนายกฯ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ จากพรรคชาติไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯ ควบรมว.อุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อแผ่นดิน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รมว.มหาดไทย ส่วน รมช.มหาดไทย 3 คนจะมี นายสุพล ฟองงาม ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน นายสิทธิชัย โค้วสุรัตน์ คนสนิทของนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ เป็นรมช. มหาดไทย จากโควตาพรรคเพื่อแผ่นดิน ร.ท.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ตัวแทนของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ตัวแทนจากพรรคเพื่อแผ่นดิน
ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะนั่ง ควบ รมว.กลาโหม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะเป็นรมว.ยุติธรรม นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน นั่ง รมว.ต่างประเทศ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก.เป็น รมชต่างประเทศ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เป็น รมว.คลัง ส่วน รมช.คลัง จะมี นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยฯ และ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ส.ส. ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชาชน น้องชายนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา ส.ส.ราชบุรี นั่งรมช.ศึกษาฯ
นายไชยา สะสมทรัพย์ ส.ส. นครปฐม พรรคพลังประชาชน เป็น รมว.สาธารณสุข นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล บิดา นายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีต รมช.สาธารณสุข นายทุนภาค กทม. ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผลักดัน
นายพงศกร อรรณนพพร อดีต ส.ส.ขอนแก่น จะเป็นรมว.วัฒนธรรม นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ จะเป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน จะเป็น รมว.คมนาคม ส่วน รมช.จะมี นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ตัวแทนจากพรรคชาติไทย และนายทรงศักดิ์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน ตัวแทนกลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ตัวแทน นายวราเทพ รัตนากร เป็น รมช.พาณิชย์ และพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เป็นรมช.พาณิชย์
นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน จากโควต้าภาค กทม. จะเป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ส่วนกระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาลมีดังนี้
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะเป็น รมว.เกษตรฯ ส่วน รมช.เกษตรฯ จะมี นายกมล จิระพันธุ์วาณิชย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคชาติไทย และนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะเป็น รมว.ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภรรยานายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ตัวแทนจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา จะเป็น รมว. พลังงาน
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีรศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะเป็นรมว.ท่องเที่ยวฯ
นายมั่น พัธโนทัย ตัวแทนของนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดินจะเป็นรมว. ไอซีที
ส่วนนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะเป็น รมว.แรงงาน
นอกจากนี้ ในส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะมี 2 คน คือ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชนโดยจะมาทำหน้าที่ดูแลงานด้านกฎหมาย และนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ได้เดินทางเข้ามาผลักดันจนมีการไก้ไขโผในนาทีสุดท้าย
** มีชัยไม่ห่วงสมัครแต่ห่วงนักข่าว
นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายหลัง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ชีวิตคนเราอยู่ได้ต้องมีความหวัง ต้องหวังในทางดี อย่าหวังในทางร้าย เมื่อ 2-3 วันก่อน ได้อ่านหนังสือชื่อ"เดอะ ซีเคร็ท" หรือความลับในการดำเนินชีวิต สิ่งที่คิดว่าจะมีพลัง หากคิดดีจะได้พลังที่ดีออกมา แต่ถ้าคิดไม่ดี พลังที่ไม่ดีจะออกมา เป็นไปตามที่เราคิด ดังนั้นต้องรอดูรัฐบาลไปก่อน อย่าไปคาดการณ์ในทางร้าย เพราะจะไม่ดีกับทั้งสองฝ่าย คือคนที่คาดการณ์ก็มีทุกข์ คนที่ถูกคาดการณ์ก็หมดกำลังใจ ดังนั้นคงไม่ต้องไปแนะนำอะไรรัฐบาลใหม่ รัฐบาลก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ตนอยู่มามานาแล้วรู้ดีว่า ไม่ควรแนะนำใคร
เมื่อถามว่าการที่นายสมัคร ประกาศจะนำ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ เป็นภารกิจแรก จะทำให้เป็นปัญหากับรัฐบาลหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ปกติสามารถกลับได้อยู่แล้ว และเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่มีการไปแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างที่คิดกัน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรอิสระปลอดจากการเมือง เพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มที่ ใครจะไปทำอะไรไม่ได้
**คุณสมบัติ"สมัคร"ไม่เกี่ยว สนช.
เมื่อถามว่ามีการมองว่า นายสมัคร มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญในการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเคยเป็น ส.ว.มาก่อน นายมีชัย กล่าวว่า ตนมองเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจวินิจฉัย เราเป็นคนนอก เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง สนช. อย่าไปยุ่งกับ ส.ส.
ส่วนประเด็นนี้จะกระทบต่อรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ และเชื่อว่ายังไม่มีปัญหาอะไร ถ้าตราบใดยังเป็นความสงสัยก็สามารถเดินหน้าไป จะห้ามอะไรไม่ได้ และสนช.ไม่น่าเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ตีความคุณสมบัตินี้ ที่สนช.อยู่เพื่อให้องค์ประกอบสภาครบ ถ้าไปได้ก็ไปกันตั้งแต่วันนี้แล้ว ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องของ ส.ส. ไม่เกี่ยวกับ สนช.
เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสมัครในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ 01 หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือยัง นายมีชัย กล่าว่า ไม่ได้คุย แต่ดีใจที่นิติศาสตร์รุ่นเดียวกันได้เป็นนายกฯ คนที่ 2 เมื่อถามว่าบุคลิกลักษณะของนายสมัคร จะทำให้มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายมีชัย กล่าว่า นายสมัคร เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเปลี่ยน เป็นรูปแบบหนึ่งที่สร้างจนคนชอบ และเลือกเข้ามาด้วยคะแนนท่วมท้น แสดงว่าสื่อกับประชาชนได้
"ผมไม่ห่วงคุณสมัคร แต่ห่วงพวกคุณ ดังนั้นต่อไปนี้เวลาไปตั้งคำถามต้องคิดให้ดี คิดให้รอบคอบ"
ส่วนภาพลักษณ์ของนายสมัคร จะกระทบต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายสมัคร ต้องคิดเอาเอง
** ชี้คุณสมบัติ"สมัคร"มีผลทั้ง ครม.
นายคมสัน โพธิ์คง อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวถึงคุณสมบัติของ นายสมัคร ที่อาจมีปัญหา ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเคยเป็นส.ว. ปี 2549 ว่า ประเด็นข้อกฎหมายนี้ อาจมีนักกฎหมายแสงความเห็นที่ไม่ตรงกันได้ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัย ส.ส.ก็ควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เนื่องจากขณะนี้กำลังจะมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี หากมีการตีความแล้ว ผลออกมาว่า นายสมัคร มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้สถานภาพนายกรัฐมนตรีหมดไป และ คณะรัฐมนตรีที่นายสมัครตั้งขึ้น ก็จะหมดสถานภาพไปด้วย
**แจกเอกสารโจมตี"คมสัน"
ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชาชน นายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต2 พรรคพลังประชาชน จ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่ง ได้แจกจ่ายเอกสารโจมตี นายคมสัน โพธิ์คง อดีตกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาระบุว่า นายสมัคร มีคุณสมบัติ ต้องห้ามการเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ควรระงับการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรีออกไปก่อน แล้วให้ส.ส. เข้าชื่อกันเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
สำหรับเนื้อหาในเอกสารดังกล่าว ระบุว่า "บัดนี้ท่านอาจารย์ดื่มด่ำในรสชาติของเผด็จการ จนลืมฐานะอาจารย์ที่หวังดีกับประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญในปัจจุบันได้ยอมรับให้เป็น ส.ว.ในการเลือกตั้งปี 2549 มีสิทธิรับสมาชิกเป็นส.ว. ตามรัฐธรรมนูญในปี 50 ที่ร่างขึ้นจากพวกท่านในมาตรา 305(2) ภายใต้บังคับ มาตรา 296 วรรค3 มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 102(10) เฉพาะในส่วนที่เคยเป็น ส.ว.มาตรา 115(9) และ มาตรา116 วรรค 2 มาบังคับใช้กับการเลือกตั้งส.ส. และการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นครั้งแรก ตามรัฐธรรมนูญนี้ การตีความการใช้รัฐธรรมนูญของ นายคมสันต์ โพธิ์คง นั้นแสดงให้เห็นว่า เขียนแล้วแกล้งอ่านไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมประชาธิปไตย ควรลาออกจากอาจารย์ ตีความกฎหมายเข้าข้างตนเองและพรรคพวก ถือว่าขาดจริยธรรมทางวิชาการ และนายกรัฐมนตรีที่ชื่อสมัคร สุนทรเวช เคยกล่าวแต่เพียงว่า ท่านเป็นผู้เสียหายจากการปฏิรูปครั้งนี้ มิเคยพูดว่า ยอมรับว่าเคยเป็น ส.ว.มา 5 เดือน กล่าวสรุปขึ้นเอง และเออเอง ทำให้บ้านเมืองเสียหาย หรือเป็นการแสดงการตอบแทนบุญคุณผู้คนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และ การให้ความเห็นดังกล่าว ทำให้เสียความเชื่อมั่นต่อหลักวิชาการกฎหมาย จึงควรพิจารณาตัวเองให้เหมาะสมกับสังคมไทยในปัจจุบัน และไม่ควรชี้ทางที่ผิดให้สังคมไทย"
**ประชัยพ้นหัวหน้ามัชฌิมาฯ
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. กล่าวภายหลังการประชุม กกต.เมื่อวานนี้(31ม.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่านายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค นับตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 50 ที่นายประชัย ได้ยื่นหนังสือลาอกต่อ นายธนพร ศรียางกูร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะทะเบียนสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งเมื่อความเป็นสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง ก็ส่งผลให้สถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรคของนายประชัย สิ้นสุดลงไปด้วย
ทั้งนี้ นายประพันธ์ ยืนยันว่า การที่ กกต.มีมติดังกล่าวไม่ได้ เป็นเพราะเกรงจะมีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น เกี่ยวกับการที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย มีมติในการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เป็นการพิจารณาไปตามพยานหลักฐาน และข้อกฎหมาย ซึ่งในชั้นการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ มีทั้งพยานแวดล้อม และ นายธนพร ที่เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค ก็ยืนยันว่า นายประชัย ได้ยื่นหนังสือลาออกในวันดังกล่าวจริง ซึ่งตาม มาตรา 20 วรรค 2 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง ก็ได้บัญญัติว่า ความเป็นสมาชิกพรรคจะมีผลโดยสมบูรณ์ เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค
** กระทบขั้นตอนการเสนอชื่อ ครม.
ส่วนการพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ นายประชัย จะมีผลต่อการเสนอชื่อบุคคลของพรรคไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องไปดูข้อบังคับของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่าการดำเนินการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ใครจะเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการต่อไป
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการพ้นสถานภาพของนายประชัย จะส่งผลต่อ ส.ส. ทั้ง 11 คน หรือไม่ว่า เรื่องนี้คงไม่มีผลไปถึง เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นเรื่องตามข้อกฎหมาย และในขณะที่การเลือกตั้งดำเนินอยู่ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็ยังมีสถานะเป็นพรรคการเมืองอยู่ ดังนั้นความผิดจึงไม่ถึงส.ส.
ส่วนปัญหาการส่งรายชื่อสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นั้นเป็นเรื่องที่พรรคจะต้องดูให้เป็นไปตามมติพรรคว่า นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค หรือ นายธนพร มีสิทธิ์ส่งรายชื่อสมาชิกเพื่อไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่ หากมติพรรคระบุว่า ให้เลขาธิการพรรค หรือ นายทะเบียนพรรคการเมืองรับผิดชอบเรื่องการส่งรายชื่อ แทนหัวหน้าพรรคได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่หากมติพรรคไม่ได้อนุญาต แล้วทั้ง 2 คน มีการส่งรายชื่อคนเป็นรัฐมนนตรีไปแล้ว ก็ต้องรอให้คนร้องเข้ามาก่อน กกต.ถึงจะพิจารณาว่า สามารถส่งรายชื่อรัฐมนตรี หรือที่ส่งไปแล้วจะมีปัญหาหรือไม่
**"เสธ.หนั่น"รับบท "เงาเติ้ง"
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย กล่าวถึงการส่งโผรายชื่อรัฐมนตรีในส่วนของพรรคชาติไทย ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด ทุกคนได้มอบให้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมด และจะส่งเมื่อไร อย่างไร ม่ทราบ ใครอยู่ตำแหน่งไหน ไม่มีใครรู้ เพราะนายบรรหาร เป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าใครเหมาะสมอย่างไร ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี จะมีปัญหาหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่า นายบรรหาร กับนายประภัตร คงได้คุยกัน
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อจัดทำร่างนโยบายของรัฐบาลเพื่อเตรียมแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งจะประชุมกันในวันนี้(1 ก.พ.) ที่ ร.ร.สุโขทัย นั้น พรรคชาติไทย จะส่ง นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และตนเอง ไปร่วมหารือ ส่วนจะเสนอนโยบายพรรคชาติไทยเรื่องใดบ้างนั้น ต้องรอผลการประชุมของที่ประชุมพรรคก่อน
"ต่อไปถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับหัวหน้าพรรคชาติไทย มาถามผมได้ ผมตอบแทนท่านได้ ผมพร้อมที่จะตอบแทนได้ในบางเรื่อง เช่น ทำไมจึงต้องไปร่วมรัฐบาล หรือเรื่อง นโยบายพรรค เรื่องการทำงานภายในครม. เพราะเมื่อเข้าไปทำงานแล้วเป็นอย่างไร ผมต้องรายงานให้นายบรรหาร ทราบเป็นระยะๆ อยู่แล้ว" พล.ต.สนั่น กล่าว.
เมื่อเช้าวานนี้ (31ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บ้านพัก ซ.นวมินทร์ 81 ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่ายังคงมีคนที่ให้ความเคารพนับถือนำกระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดี เป็นระยะ ๆ และมีผู้สื่อข่าวจำนวนมากไปคอยสังเกตการณ์ แต่จากการสอบถามคนในบ้านทราบว่า นายสมัครได้เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ โดยได้แจ้งทีมรักษาความปลอดภัยไม่ต้องติดตาม พร้อมกับแจ้งว่า ขอเวลาส่วนตัว 1 วัน โดยคาดว่าเป็นการไปหารือข้อสรุปเรื่องรายชื่อคณะรัฐมนตรี กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล
กระทั่งเวลา 15.30 น. นายสมัครได้เดินทางกลับเข้าบ้านโดยไม่มีรถนำขบวน และตำรวจติดตามด้วยรถเบ็นซ์ เอส 280 สีดำ หมายเลขทะเบียน คศ 9781 กทม ซึ่งนายสมัครนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ และมีนายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่มีกระแสข่าวว่า นายสมัครจะผลักดันให้เป็นรมช.คมนาคม นั่งมาด้วย และได้เข้าบ้านพักไปโดยไม่มีการสัมภาษณ์แต่อย่างใด
**ส่งทีม รปภ.สำรวจห้องทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.00 น. วันเดียวกันนี้ ทีมงานของนายสมัคร สุนทรเวช นำโดยนายธีรพล นพรัมภา เลขานุการส่วนนายสมัคร ซึ่งคาดว่าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยรถตู้ เลขทะเบียน ชม 3333 สีดำ พร้อมด้วยทีมงานชุดรักษาความปลอดภัย นำโดย พ.อ.สุเมธ พรหมตรุษ ประจำ ศรภ.บก.สส. หรือ "เสธหมู" ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าทีมชุดรักษาความปลอดภัยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทีมงานของนายสมัคร ได้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการตรวจดูสภาพห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเดินทางกลับทันที
"เลี้ยบ"ยัน ครม.สมัคร 1 เสร็จแล้ว
เมื่อเวลา 14.15 น. วันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดย นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การรวบรวมรายชื่อผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งในส่วนของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ครบทุกกระทรวง 35 ตำแหน่ง โดยรายชื่อบุคคลจากพรรคต่างๆ ที่จะเสนอให้เป็นรัฐมนตรีนั้น เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารพรรคต่างๆ ที่ได้ส่งรายชื่อให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยนายสมัคร ได้พิจารณาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่บริหารกระทรวงต่างๆเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับได้เรียก นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม. มาพบเพื่อนำรายชื่อของผู้ที่ได้รับการเสนอจากพรรคต่างๆให้เป็นรัฐมนตรีไปตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน
นพ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ (1ก.พ.) แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะนัดประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงร่าง นโยบายรัฐบาล ที่โรงแรมสุโขทัย ในเวลา 10.00 น. โดยในส่วนของพรรคพลังประชาชน นำโดย ตน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายนพดล ปัทมะ
**สลับโผหลายตำแหน่ง
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชาชน แจ้งว่ารายชื่อ ครม.ชุดใหม่ ที่คาดว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ได้แก่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.พาณิชย์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ ควบรมว.คลัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ ควบ รมว.ศึกษาธิการ นายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ฝ่ายโยธา ที่มีข่าวว่าเดิมจะเป็น รมช.คมนาคม สุดท้ายอาจจะเป็นรองนายกฯ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ จากพรรคชาติไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯ ควบรมว.อุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อแผ่นดิน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รมว.มหาดไทย ส่วน รมช.มหาดไทย 3 คนจะมี นายสุพล ฟองงาม ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน นายสิทธิชัย โค้วสุรัตน์ คนสนิทของนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ เป็นรมช. มหาดไทย จากโควตาพรรคเพื่อแผ่นดิน ร.ท.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ตัวแทนของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ตัวแทนจากพรรคเพื่อแผ่นดิน
ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะนั่ง ควบ รมว.กลาโหม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะเป็นรมว.ยุติธรรม นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน นั่ง รมว.ต่างประเทศ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก.เป็น รมชต่างประเทศ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เป็น รมว.คลัง ส่วน รมช.คลัง จะมี นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยฯ และ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ส.ส. ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชาชน น้องชายนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา ส.ส.ราชบุรี นั่งรมช.ศึกษาฯ
นายไชยา สะสมทรัพย์ ส.ส. นครปฐม พรรคพลังประชาชน เป็น รมว.สาธารณสุข นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล บิดา นายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีต รมช.สาธารณสุข นายทุนภาค กทม. ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผลักดัน
นายพงศกร อรรณนพพร อดีต ส.ส.ขอนแก่น จะเป็นรมว.วัฒนธรรม นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ จะเป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน จะเป็น รมว.คมนาคม ส่วน รมช.จะมี นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ตัวแทนจากพรรคชาติไทย และนายทรงศักดิ์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน ตัวแทนกลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ตัวแทน นายวราเทพ รัตนากร เป็น รมช.พาณิชย์ และพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เป็นรมช.พาณิชย์
นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน จากโควต้าภาค กทม. จะเป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ส่วนกระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาลมีดังนี้
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะเป็น รมว.เกษตรฯ ส่วน รมช.เกษตรฯ จะมี นายกมล จิระพันธุ์วาณิชย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคชาติไทย และนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะเป็น รมว.ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภรรยานายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ตัวแทนจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา จะเป็น รมว. พลังงาน
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีรศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะเป็นรมว.ท่องเที่ยวฯ
นายมั่น พัธโนทัย ตัวแทนของนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดินจะเป็นรมว. ไอซีที
ส่วนนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะเป็น รมว.แรงงาน
นอกจากนี้ ในส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะมี 2 คน คือ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชนโดยจะมาทำหน้าที่ดูแลงานด้านกฎหมาย และนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ได้เดินทางเข้ามาผลักดันจนมีการไก้ไขโผในนาทีสุดท้าย
** มีชัยไม่ห่วงสมัครแต่ห่วงนักข่าว
นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายหลัง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ชีวิตคนเราอยู่ได้ต้องมีความหวัง ต้องหวังในทางดี อย่าหวังในทางร้าย เมื่อ 2-3 วันก่อน ได้อ่านหนังสือชื่อ"เดอะ ซีเคร็ท" หรือความลับในการดำเนินชีวิต สิ่งที่คิดว่าจะมีพลัง หากคิดดีจะได้พลังที่ดีออกมา แต่ถ้าคิดไม่ดี พลังที่ไม่ดีจะออกมา เป็นไปตามที่เราคิด ดังนั้นต้องรอดูรัฐบาลไปก่อน อย่าไปคาดการณ์ในทางร้าย เพราะจะไม่ดีกับทั้งสองฝ่าย คือคนที่คาดการณ์ก็มีทุกข์ คนที่ถูกคาดการณ์ก็หมดกำลังใจ ดังนั้นคงไม่ต้องไปแนะนำอะไรรัฐบาลใหม่ รัฐบาลก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ตนอยู่มามานาแล้วรู้ดีว่า ไม่ควรแนะนำใคร
เมื่อถามว่าการที่นายสมัคร ประกาศจะนำ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ เป็นภารกิจแรก จะทำให้เป็นปัญหากับรัฐบาลหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ปกติสามารถกลับได้อยู่แล้ว และเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่มีการไปแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างที่คิดกัน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรอิสระปลอดจากการเมือง เพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มที่ ใครจะไปทำอะไรไม่ได้
**คุณสมบัติ"สมัคร"ไม่เกี่ยว สนช.
เมื่อถามว่ามีการมองว่า นายสมัคร มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญในการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเคยเป็น ส.ว.มาก่อน นายมีชัย กล่าวว่า ตนมองเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจวินิจฉัย เราเป็นคนนอก เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง สนช. อย่าไปยุ่งกับ ส.ส.
ส่วนประเด็นนี้จะกระทบต่อรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ และเชื่อว่ายังไม่มีปัญหาอะไร ถ้าตราบใดยังเป็นความสงสัยก็สามารถเดินหน้าไป จะห้ามอะไรไม่ได้ และสนช.ไม่น่าเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ตีความคุณสมบัตินี้ ที่สนช.อยู่เพื่อให้องค์ประกอบสภาครบ ถ้าไปได้ก็ไปกันตั้งแต่วันนี้แล้ว ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องของ ส.ส. ไม่เกี่ยวกับ สนช.
เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสมัครในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ 01 หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือยัง นายมีชัย กล่าว่า ไม่ได้คุย แต่ดีใจที่นิติศาสตร์รุ่นเดียวกันได้เป็นนายกฯ คนที่ 2 เมื่อถามว่าบุคลิกลักษณะของนายสมัคร จะทำให้มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายมีชัย กล่าว่า นายสมัคร เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเปลี่ยน เป็นรูปแบบหนึ่งที่สร้างจนคนชอบ และเลือกเข้ามาด้วยคะแนนท่วมท้น แสดงว่าสื่อกับประชาชนได้
"ผมไม่ห่วงคุณสมัคร แต่ห่วงพวกคุณ ดังนั้นต่อไปนี้เวลาไปตั้งคำถามต้องคิดให้ดี คิดให้รอบคอบ"
ส่วนภาพลักษณ์ของนายสมัคร จะกระทบต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายสมัคร ต้องคิดเอาเอง
** ชี้คุณสมบัติ"สมัคร"มีผลทั้ง ครม.
นายคมสัน โพธิ์คง อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวถึงคุณสมบัติของ นายสมัคร ที่อาจมีปัญหา ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเคยเป็นส.ว. ปี 2549 ว่า ประเด็นข้อกฎหมายนี้ อาจมีนักกฎหมายแสงความเห็นที่ไม่ตรงกันได้ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัย ส.ส.ก็ควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เนื่องจากขณะนี้กำลังจะมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี หากมีการตีความแล้ว ผลออกมาว่า นายสมัคร มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้สถานภาพนายกรัฐมนตรีหมดไป และ คณะรัฐมนตรีที่นายสมัครตั้งขึ้น ก็จะหมดสถานภาพไปด้วย
**แจกเอกสารโจมตี"คมสัน"
ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชาชน นายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต2 พรรคพลังประชาชน จ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่ง ได้แจกจ่ายเอกสารโจมตี นายคมสัน โพธิ์คง อดีตกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาระบุว่า นายสมัคร มีคุณสมบัติ ต้องห้ามการเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ควรระงับการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรีออกไปก่อน แล้วให้ส.ส. เข้าชื่อกันเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
สำหรับเนื้อหาในเอกสารดังกล่าว ระบุว่า "บัดนี้ท่านอาจารย์ดื่มด่ำในรสชาติของเผด็จการ จนลืมฐานะอาจารย์ที่หวังดีกับประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญในปัจจุบันได้ยอมรับให้เป็น ส.ว.ในการเลือกตั้งปี 2549 มีสิทธิรับสมาชิกเป็นส.ว. ตามรัฐธรรมนูญในปี 50 ที่ร่างขึ้นจากพวกท่านในมาตรา 305(2) ภายใต้บังคับ มาตรา 296 วรรค3 มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 102(10) เฉพาะในส่วนที่เคยเป็น ส.ว.มาตรา 115(9) และ มาตรา116 วรรค 2 มาบังคับใช้กับการเลือกตั้งส.ส. และการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นครั้งแรก ตามรัฐธรรมนูญนี้ การตีความการใช้รัฐธรรมนูญของ นายคมสันต์ โพธิ์คง นั้นแสดงให้เห็นว่า เขียนแล้วแกล้งอ่านไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมประชาธิปไตย ควรลาออกจากอาจารย์ ตีความกฎหมายเข้าข้างตนเองและพรรคพวก ถือว่าขาดจริยธรรมทางวิชาการ และนายกรัฐมนตรีที่ชื่อสมัคร สุนทรเวช เคยกล่าวแต่เพียงว่า ท่านเป็นผู้เสียหายจากการปฏิรูปครั้งนี้ มิเคยพูดว่า ยอมรับว่าเคยเป็น ส.ว.มา 5 เดือน กล่าวสรุปขึ้นเอง และเออเอง ทำให้บ้านเมืองเสียหาย หรือเป็นการแสดงการตอบแทนบุญคุณผู้คนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และ การให้ความเห็นดังกล่าว ทำให้เสียความเชื่อมั่นต่อหลักวิชาการกฎหมาย จึงควรพิจารณาตัวเองให้เหมาะสมกับสังคมไทยในปัจจุบัน และไม่ควรชี้ทางที่ผิดให้สังคมไทย"
**ประชัยพ้นหัวหน้ามัชฌิมาฯ
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. กล่าวภายหลังการประชุม กกต.เมื่อวานนี้(31ม.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่านายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค นับตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 50 ที่นายประชัย ได้ยื่นหนังสือลาอกต่อ นายธนพร ศรียางกูร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะทะเบียนสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งเมื่อความเป็นสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง ก็ส่งผลให้สถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรคของนายประชัย สิ้นสุดลงไปด้วย
ทั้งนี้ นายประพันธ์ ยืนยันว่า การที่ กกต.มีมติดังกล่าวไม่ได้ เป็นเพราะเกรงจะมีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น เกี่ยวกับการที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย มีมติในการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เป็นการพิจารณาไปตามพยานหลักฐาน และข้อกฎหมาย ซึ่งในชั้นการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ มีทั้งพยานแวดล้อม และ นายธนพร ที่เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค ก็ยืนยันว่า นายประชัย ได้ยื่นหนังสือลาออกในวันดังกล่าวจริง ซึ่งตาม มาตรา 20 วรรค 2 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง ก็ได้บัญญัติว่า ความเป็นสมาชิกพรรคจะมีผลโดยสมบูรณ์ เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค
** กระทบขั้นตอนการเสนอชื่อ ครม.
ส่วนการพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ นายประชัย จะมีผลต่อการเสนอชื่อบุคคลของพรรคไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องไปดูข้อบังคับของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่าการดำเนินการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ใครจะเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการต่อไป
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการพ้นสถานภาพของนายประชัย จะส่งผลต่อ ส.ส. ทั้ง 11 คน หรือไม่ว่า เรื่องนี้คงไม่มีผลไปถึง เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นเรื่องตามข้อกฎหมาย และในขณะที่การเลือกตั้งดำเนินอยู่ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็ยังมีสถานะเป็นพรรคการเมืองอยู่ ดังนั้นความผิดจึงไม่ถึงส.ส.
ส่วนปัญหาการส่งรายชื่อสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นั้นเป็นเรื่องที่พรรคจะต้องดูให้เป็นไปตามมติพรรคว่า นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค หรือ นายธนพร มีสิทธิ์ส่งรายชื่อสมาชิกเพื่อไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่ หากมติพรรคระบุว่า ให้เลขาธิการพรรค หรือ นายทะเบียนพรรคการเมืองรับผิดชอบเรื่องการส่งรายชื่อ แทนหัวหน้าพรรคได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่หากมติพรรคไม่ได้อนุญาต แล้วทั้ง 2 คน มีการส่งรายชื่อคนเป็นรัฐมนนตรีไปแล้ว ก็ต้องรอให้คนร้องเข้ามาก่อน กกต.ถึงจะพิจารณาว่า สามารถส่งรายชื่อรัฐมนตรี หรือที่ส่งไปแล้วจะมีปัญหาหรือไม่
**"เสธ.หนั่น"รับบท "เงาเติ้ง"
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย กล่าวถึงการส่งโผรายชื่อรัฐมนตรีในส่วนของพรรคชาติไทย ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด ทุกคนได้มอบให้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมด และจะส่งเมื่อไร อย่างไร ม่ทราบ ใครอยู่ตำแหน่งไหน ไม่มีใครรู้ เพราะนายบรรหาร เป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าใครเหมาะสมอย่างไร ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี จะมีปัญหาหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่า นายบรรหาร กับนายประภัตร คงได้คุยกัน
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อจัดทำร่างนโยบายของรัฐบาลเพื่อเตรียมแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งจะประชุมกันในวันนี้(1 ก.พ.) ที่ ร.ร.สุโขทัย นั้น พรรคชาติไทย จะส่ง นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และตนเอง ไปร่วมหารือ ส่วนจะเสนอนโยบายพรรคชาติไทยเรื่องใดบ้างนั้น ต้องรอผลการประชุมของที่ประชุมพรรคก่อน
"ต่อไปถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับหัวหน้าพรรคชาติไทย มาถามผมได้ ผมตอบแทนท่านได้ ผมพร้อมที่จะตอบแทนได้ในบางเรื่อง เช่น ทำไมจึงต้องไปร่วมรัฐบาล หรือเรื่อง นโยบายพรรค เรื่องการทำงานภายในครม. เพราะเมื่อเข้าไปทำงานแล้วเป็นอย่างไร ผมต้องรายงานให้นายบรรหาร ทราบเป็นระยะๆ อยู่แล้ว" พล.ต.สนั่น กล่าว.