xs
xsm
sm
md
lg

รุกฟัน"ยุทธซื้อเสียง-พปช.นอมินี ชท.-มฌ.ระทึกเหตุ กม.บังคับยุบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ครบ 480 แล้ว ขณะที่ผลสอบ "ทั่นยุทธ" ซื้อเสียงไม่คืบ "ถาวร" จี้ตรวจสอบ กกต.คาบข้อมูลให้ "ยงยุทธ" พร้อมเรียกร้องคุ้มครองพยานคดีซื้อเสียงเชียงราย ส่วน "ไชยวัฒน์" เตรียมส่งผู้ตรวจการฯ เชื่อด พปช. "วีระ" ลั่นหาก กกต.ไม่ส่งคดี ยุบ พปช. จากการเป็น "นอมินีทักษิณ" ให้ศาลดำเนินการ กกต.จะโดนเองฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ "สุเมธ-สดศรี " เมินคำวอน ชท. ลั่นพิจารณายุบ "ชท.-มฌ." ต้องดูกฎหมายเป็นหลัก ด้าน "นิกร" มั่นใจไม่ถูกยุบ อ้างพรรคไม่เกี่ยวซื้อเสียง อดีตกมธ.ยกร่าง รธน. ระบุ กกต.ต้องส่งเรื่องยุบ ชท.-มฌ.ให้ศาลรธน.จัดการ เหตุกฎหมายบังคับ

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าว ภายหลังการประชุม กกต.ว่า กกต.มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งใหม่ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ปราจีนบุรี ที่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ว่าที่ ส.ส.พรรคมัชฌิมาธิปไตยได้รับการเลือกตั้ง โดย กกต.จังหวัดปราจีนบุรีระบุว่า ได้รับแจ้งจากผู้ร้อง คัดค้านขอถอนคำคัดค้าน เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่สุจริต และเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชัยนาท ที่นางพรทิวา นาคาศัย ว่าที่ ส.ส.มัชฌิมาธิปไตย และ นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้ง เนื่องจาก กกต.ชัยนาทมีมติยกคำร้องเรื่องร้องคัดค้าน เพราะเป็นการร้องซ้ำในประเด็นเดิม ดังนั้นเมื่อไม่มีเรื่องร้องเรียน กกต.จึงมีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 คน ใน 2 เขตเลือกตั้ง ทำให้ขณะนี้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ครบ 480 คนแล้ว

ส่วนการพิจารณายุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ที่กรรมการ บริหารพรรคทุจริตเลือกตั้งจนถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.สามารถใช้ดุลยพินิจตามกรอบของกฎหมายได้ เพราะกฎหมายเปิดช่องเอาไว้ ซึ่ง กกต.ก็จะยึดหลักนิติธรรมและความเป็นธรรมเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ได้รับบันทึกของ คณะกกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ที่นำเสนอความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษา ด้านกิจการพรรคการเมือง กกต. เกี่ยวกับเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยตนกำลังตรวจสอบอยู่และจะนำเสนอประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป

สอบ"ทั่นยุทธ"ทุจริตเลือกตั้งไม่คืบ

ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนสำนวนทุจริตนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯ ซื้อเสียงที่จ.เชียงรายนั้น ทาง อนุกรรมการสอบสวนที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ยังไม่ได้สรุปสำนวนเสนอ กกต. คาดว่าอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการโดยล่าสุดคณะอนุฯ ได้สอบปากคำพยาน ฝ่ายผู้ร้องคัดค้านครบหมดแล้ว แต่ยังสอบปากคำพยานฝ่ายนายยงยุทธไม่ครบ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายผู้ถูกร้องพยายามยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ นั้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นดุลยพินิจของคณะอนุฯ ว่าจะทำอย่างไร แต่หากการสืบสวนล่าช้าจริงๆ ก็ต้องปรึกษากับกกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายสุทธิพล ยังยืนยันว่าแม้พรรคพลังประชาชนจะได้เป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กกต.ก็ไม่มีปัญหาในการทำงานแต่อย่างใด เพราะกกต.ยึดหลักการทำงานด้วยความเป็นอิสระ
 
"ที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้ง ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ กกต.ว่ากลัวคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่กกต.ก็ฝ่าฟันมาจนได้ และตอนนี้ประเทศเรากลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว กกต.จะทำงานตามเดิม คือการยึดความเป็นอิสระและกรอบกติกาของกฎหมาย ซึ่ง กกต. คงไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้ และ กกต. คงต้องถูกตำหนิเช่นกัน เพราะ กกต.อยู่ตรงกลางและไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้ทั้งหมด"

ปชป.จี้สอบกกต.คาบข่าวให้ยงยุทธ

นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการทำงาน ของนาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฏรเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ถือว่าสอบผ่าน แม้จะมีข้อบกพร่องอยู่บ้างก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ครั้งแรก

อย่างไรก็ตามนายยงยุทธ ยังถือว่ามีชนักติดหลังจากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า ซื้อเสียงในการเลือกตั้งที่จ.เชียงราย ซึ่ง กกต. กำลังดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อยู่ ผลออกมาประการใดยังไม่แน่ชัด แต่ถ้าผลออกมาว่าต้องถูกดำเนินการในชั้นศาลฎีกาฯ ก็ยังน่าเป็นห่วง
 
"การที่นายยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ว่ามี กกต.คนหนึ่งมากระซิบว่า มีการจัดฉาก กรณีที่นายยงยุทธถูกดำเนินการ สอบสวน ถูกร้องเพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งในเรื่อง การซื้อสิทธิ์ในการเลือกตั้งที่จ.เชียงราย ผมเห็นว่าควรมีการสอบสวนไปถึง กกต. หรือ ควรมีการสอบสวนให้ชัดเจนว่า กกต.คนใด ที่เป็นคนมาให้ข่าวเพราะจะเป็นกรณีที่ ถูกมองว่าการทำงานของกกต. แอบเอาข้อมูลหลักฐานมาให้เป็นกรณีพิเศษสำหรับนายยงยุทธ อาจถือเป็นการเข้าด้วยช่วยเหลือนายงยุทธ"

เรียกร้อง กกต.คุ้มครองพยานด่วน

นายถาวร กล่าวว่าการทุจริตของนายยงยุทธ พยานที่ชื่อ นายไชยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ที่เป็นผู้ให้การชัดเจนว่านายยงยุทธ ทำอะไร ที่เป็นสาเหตุของการนำ ไปสู่การถูกร้องนั้น ขณะนี้พยานปากนี้กำลังถูกคุกคามหนัก ทั้งเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และการเสนอเงินจำนวนสูงให้ เพื่อให้กลับคำให้การดังนั้นตนจึงขอเรียกร้อง ให้กกต.คุ้มครองพยานปากนี้ เพื่อความปลอดภัยของพยาน และเพื่อให้พยาน มีชีวิตไปให้การกับ กกต. หรือศาลฎีกาฯเมื่อคดีขึ้นสู่ศาล และที่สำคัญขอให้กกต. ดำเนินการสอบสวนเพื่อหาข้อยุติเรื่องนี้ เพราะนายยงยุทธ ทำหน้าที่เป็นประมุขของ ฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องเป็นประมุขที่มีความขาวสะอาด

"ผมขอเรียกร้อง 4 เรื่องคือ 1.ขอให้คุณยงยุทธ ออกมาพูดให้ชัดเจนว่า กกต.ที่นำข้อมูลมาให้นั้นเป็นใคร ไม่ใช่มาพูดลอยๆ โดยที่ส่งผลให้ กกต.เสียหาย แต่ไม่ระบุชื่อ และผมอยากรู้ว่าถ้ามีจริงๆ กกต.คนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร ผมจะได้ติดตามต่อไป 2.ให้กกต.เข้าไปให้ความคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้กับนายไชยวัฒน์ 3. อย่าให้ใครเข้าไปแทรกแซง หรือ ข่มขู่พยาน 4. ให้กกต. ดำเนินการ สอบสวนโดยเร็ว"

"ไชยวัฒน์"จ่อยื่นผู้ตรวจการฯ สอบ พปช.

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต3 บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีฟ้องร้องกรณีที่พรรคพลังประชาชน เป็นนอมินี พรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคที่ถูกยุบตามคำสั่งของตุลาการรัฐธรรมนูญ ว่า ตนและคณะทนายได้หารือกันและได้ข้อสรุปแล้วว่าจะดำเนินการต่อในคดีดังกล่าว โดยจะไปยื่นเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาให้ตรวจสอบว่าพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยหรือไม่ คาดว่าประมาณวันที่ 3 ก.พ. จะดำเนินการเรื่องนี้ได้ ซึ่งระหว่างนี้ตนและทีมงานจะเร่งรวบรวมเอกสาร ข้อมูล หลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม จากที่เคยยื่นที่ศาลฏีกาไปแล้ว เพื่อให้มีความครอบคลุมและครบถ้วน ส่วนที่จะไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่นั้นจะหารือกับคณะทนายภายหลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจในกระบวนการว่าจะสามารถเดินเรื่องได้หรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นตนมั่นใจว่าจะทำได้ และคิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาจะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจมืดใดๆ ทั้งนี้ตนอยากเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่ดำเนินการ อย่างรวดเร็ว อย่าทำงานแบบขอไปที
 
"ผมในฐานะประชาชนที่มีสิทธิ์และเป็นผู้เสียหาย ก็จะทำอย่างเต็มที่ แต่ผลออกมาจะเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับสภาพ ก็ได้แต่ภาวนาว่าหลังจากที่ผมยื่นเรื่องเจ้าหน้าที่ก็จะเร่งทำงาน ไม่ตกอยู่ใต้การครอบงำของนักการเมือง พรรคใด แต่ท้ายสุดแล้วทำให้ไม่ได้ คงมีศาลเดียวที่ผมจะพึ่งได้ คือ ศาลพระภูมิ"

"วีระ"ขู่ กกต.ไม่ยุบ พปช.จะฟ้อง ป.ป.ช.

ด้าน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น(คปต.) กล่าวว่าการที่แกนนำพรรคพลังประชาชนออกมายอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนร่วมให้คำแนะนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เห็นพฤติการณ์ชัดเจนว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่ง กกต.ต้องรวบรวมหลักฐาน ข้อมูล เพื่อดำเนินการยุบพรรค

อย่างไรก็ตาม แค่หลักฐานที่ตนยื่นไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าพอเพียงที่จะยุบพรรคได้ หาก กกต.ชี้ออกมาว่าไม่มีความผิดเป็นนอมินี ตนจะยื่นฟ้อง กกต.ต่อคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ซึ่งกกต.ต้องไปตอบ ป.ป.ช.ให้ได้ว่าเหตุใดจึงตัดสินออกมาเช่นนี้ทั้งๆที่หลักฐานชัดเจนแบบนี้

เมินคำวอน ชท.ยันยุบพรรคยึด กม.

นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ส.ส.ที่สังกัดพรรคดังกล่าว ก็สามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 90 วัน แต่ทั้งนี้เรื่องการยุบพรรคไม่ใช่ว่า จะสามารถทำกันได้ง่ายๆ ต้องมีเหตุผลประกอบที่เพียงพอ ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะทำหนังสือขอให้กกต.พิจารณา เรื่องยุบพรรคโดยยึดหลักรัฐศาสตร์มากกว่านิติศาสตร์นั้น กกต.ก็พร้อมจะรับฟัง แต่ตามหลักการแล้ว กกต.ก็ต้องพิจารณาโดยยึดกฎหมายเป็นหลัก

ส่วน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการ พิจารณากรณียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยว่า กกต.ยังไม่ได้นำทั้ง 2 เรื่องมารวมกัน โดยกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการ ที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมืองแล้วว่า การที่กรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิ อาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การยุบพรรค ตามมาตรา 103 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องนำมาพิจารณาต่อไป คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้

ส่วนจะสามารถนำกรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตยมาเทียบเคียงเพื่อดำเนินการกับพรรคชาติไทยได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูข้อเท็จจริงว่าสามารถเทียบเคียงกันได้หรือไม่ หากได้ ก็คงไม่จำเป็นต้องนำเรื่องพรรคชาติไทยไปสู่การพิจารณาคณะกรรมการที่ปรึกษา ด้านกิจการพรรคการเมืองอีก

"กกต. เรายังไม่ได้พูดกันเลยสำหรับกรณีพรรคชาติไทย จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ กกต. 5 คน ว่า กรณีพรรคชาติไทยมีข้อเท็จจริงเหมือนกับกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งผู้ที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิก็คือกรรมการบริหารของพรรคชาติไทย เพราะฉะนั้นหากกรณีทั้ง 2 มีความคล้ายคลึงกัน อาจจะไม่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมือง"

อีก 2 วันรู้สถานภาพ"ประชัย"

ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาสถานภาพการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์นั้น นางสดศรี คาดว่าจะสามารถสรุปเรื่อง สถานภาพของนายประชัยได้เร็วกว่าการสรุปเรื่องการยุบพรรค เพราะว่าการพิจารณา เรื่องยุบพรรค กกต.ต้องพิจารณาให้ดีก่อน เนื่องจากต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป โดยคาดว่าเรื่องสถานภาพนายประชัยจะสามารถนำเสนอ เข้าที่ประชุม กกต.ได้ภายใน 1 - 2 วันนี้

นางสดศรี ยังกล่าวถึงกรณีพรรคชาติไทยจะมีหนังสือขอให้กกต.พิจารณา เรื่องการยุบพรรคโดยยึดหลักรัฐศาสตร์มากว่านิติศาสตร์ว่า หลักนิติศาสตร์คือ เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ที่ กกต.ดูอยู่ ส่วนหลักรัฐศาสตร์นี้ หากเป็นหลักรัฐศาสตร์ เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแล้ว กกต.คงไม่ต้องนำมา วินิจฉัย แต่หากเป็นหลักรัฐศาสตร์เพื่อประเทศชาติ ก็คงอาจต้องนำมาวินิจฉัย

นางสดศรี ยังมั่นใจว่ารัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และกลุ่มอำนาจใหม่จะไม่เข้าแทรกแซงการทำงานของ กกต. และไม่อยากรู้สึกวิตกจริตไปก่อน ทั้งนี้ คิดว่า นายสมัครเป็นนักการเมืองเก่า มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์มาก คงไม่มายุ่งกับการทำงานของ กกต. รวมทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยประกาศว่า รัฐบาลจะไม่เข้ามา เกี่ยวข้องกับการทำงานของ กกต. และกกต.ไม่กลัวการเช็คบิล เพราะการที่เราเป็น ข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว การที่จะกลับไปอยู่บ้าน โดยที่ไม่เป็น กกต. ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนระยะยาว

เตรียมเสนอผลสอบสถานะ"ประชัย"

รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ กกต.ด้านพรรคการเมืองได้สรุปผลสอบ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ยังเป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยอยู่หรือไม่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเสนอผลการสอบปากคำของฝ่ายผู้ร้อง คือ นายธนพร ศรียางกูล นายทะเบียนพรรคมัมฌิมาฯ ที่กล่าวหานายประชัย พร้อมทั้งได้นำเสนอการสอบปากคำของพยาน อีกหลายปาก อาทิ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคฯ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย และนายสุนทร วิลาวัลย์ มาประกอบการรายงานด้วย

ทั้งนี้ในรายงานดังกล่าวยังได้นำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ กกต.พิจารณาด้วย โดยเฉพาะกรณีหนังสือลาออกของนายประชัยที่ส่งมายัง กกต.นั้นเป็นหนังสือฉบับสำเนา ที่ไม่ใช่ฉบับจริง แต่ฉบับจริงนั้นนายประชัยอ้างว่า ฉีกไปแล้ว ซึ่งตามหลักแล้วหนังสือลาออกใช้เอกสารฉบับสำเนาก็ย่อมได้ แต่เจ้าตัวจะต้องเซ็นรับรองสำเนา ถูกต้องเสมอ แต่เอกสารสำเนาการลาออกของนายประชัย ที่นายธนพร นำมาอ้าง ไม่มีลายเซ็นของนายประชัย และไม่มีลายเซ็นของรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 ตามกระบวนการ ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้เจ้าหน้าที่ได้สรุปเสนอให้ กกต.พิจารณาตัดสินด้วยว่าการลาออกของนายประชัย มีผลสมบูรณ์หรือไม่

ชท.อ้างไม่เกี่ยวทุจริต

นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะผู้อำนวยการพรรคชาติไทย กล่าวถึงข่าวพรรคชาติไทยมีสิทธิถูกยุบกรณีกรรมการบริหารพรรคทุจริตเลือกตั้วว่า จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องในรายละเอียดครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีความกังวลใดๆ เพราะอดีตผู้สมัครทั้งสองโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายมณเฑียร สงฆ์ประชา ซึ่งเป็น กรรมการบริหารพรรคด้วยนั้น ได้ยืนยันว่าทึ้ง 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และได้นำข้อมูลมาให้พรรคได้ตรวจสอบพิจารณายืนยันข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

"ทางพรรคเห็นว่า การให้ใบแดงเป็นการตัดสินใจของ กกต.ที่สามารถกระทำได้ตามกรอบอำนาจในช่วงการพิจารณาอย่างเร่งด่วน การพิจารณาของ กกต. เป็นเพียงอาศัยข้อสันนิษฐานอันควรเชื่อได้ว่ากระทำความผิด ก็สามารถให้ ใบแดงได้แล้ว แต่ขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันอีกครั้งว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดจริงหรือไม่ ซึ่งทางพรรคเชื่อว่า จะสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงกับศาลรัฐธรรมนูญได้"

นายนิกร ยืนยันว่า พรรคไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับทราบรับรู้ แต่อย่างใดในกรณีดังกล่าวเลย โดยในการเลือกตั้งทั่วไปนั้นพรรคไม่ได้มีการ ปล่อยปละละเลย ทั้งยังได้กำชับในการปฐมนิเทศผู้สมัครอย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่ให้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และได้ออกหนังสือกำชับเรื่องดังกล่าว ซึ่งผู้สมัครได้ลงนามรับรองด้วยตัวเองทุกคน นอกจากนี้ในการไปปราศรัยหาเสียงของหัวหน้าพรรคที่ต่าง ๆ ก็มีการกล่าวย้ำเกือบทุกครั้งไป ดังนั้น ทางพรรคมั่นใจว่า กรณีนี้ไม่น่าจะนำไปสู่การ เกี่ยวพันจนกระทั่งทำให้เกิดการยุบพรรคตามที่เป็นประเด็นอยู่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางพรรคกำลังรอการพิจารณาของ กกต.)โดยเชื่อว่า จะได้รับความเป็นธรรมอย่างเต็มที่

อาจารย์นิติฯ ชี้ต้องยุบ 2 พรรคดัง

นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า กรณีกรรมการบริหารพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกใบแดง ด้วยข้อหาทุจริตการเลือกตั้งนั้น ตามข้อกฎหมายล็อกเอาไว้ชัดเจนว่า กกต. ต้องชงเรื่องยุบพรรคให้อัยการสูงสุดพิจารณา เพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

"หาก กกต.ไม่ดำเนินการจะเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 29 ของ พ.ร.บ. กกต. ซึ่งมีผู้ที่พร้อมจะร้องเรียนอยู่แล้ว ทั้งนี้ หากตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคกรรมการบริหารทั้ง 2 พรรค จะต้องถูกเว้นวรรค ทางการเมือง 5 ปี เหมือน111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทันที"

นายคมสัน กล่าวว่า ที่พรรคชาติไทยอ้างว่าให้กกต.คำนึงถึงสถานการณ์ การเมืองโดยใช้หลักรัฐศาสตร์ มาพิจารณามากกว่าจะใช้หลักนิติศาสตร์ ว่า พรรคชาติไทยควรจะเข้าใจว่าความผิดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากคนของพรรคชาติไทย แต่พอเกิดปัญหาขึ้นกลับเบี่ยงเบนว่าเป็นเรื่องการเมืองถือว่าไม่ยุติธรรม เมื่อถึงเวลาที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็เห็นด้วย แต่พอจะเสียประโยชน์กลับไม่ยอมรับ ถามว่าเหตุใดตอนซื้อเสียงจึงไม่สนใจว่าจะเป็นความผิดที่กระทบต่อการเมืองบ้าง

ส่วนกรณีที่แกนนำพรรคพลังประชาชนออกมายอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนร่วมให้คำแนะนำในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายคมสัน กล่าวว่า ถือเป็นการท้าทายอำนาจกฎหมายอย่างยิ่ง ส่วนตัวมองว่าพรรคพลังประชาชน อาจจะวางแผนล่อให้ยุบพรรคลงเพื่อสร้างความโกรธแค้นให้มวลชน แล้วประลองกำลังกับกลุ่มอำนาจของทหาร
กำลังโหลดความคิดเห็น