“พรรคชาติไทย” หนาวรอคิวเชือดยุบพรรค อดีตกมธ.ยกร่าง-อดีตประธานกมธ.เลือกตั้ง ส.ส.ชี้อยู่ที่หลักฐานพยาน หน.-กก.บห.พัวพันหรือไม่ ขณะที่ ชท.โบ้ยความผิดเฉพาะตัว หน.พรรคไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ
วานนี้ (10 ม.ค.) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายมณเฑียร รองเลขาธิการพรรคและกรรมการบริหารพรรคชาติไทยและนางนันทนา สงฆ์ประชา สองพี่น้อง ว่าที่ส.ส. จ.ชัยนาท พรรคชาติไทย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อกฤษฎีกาตามกฎหมายเลือกตั้ง กรณีถูก กกต.ให้ใบแดง โดยนายมณเฑียร กล่าวว่า ตนอยากร้องขอความเป็นธรรม ทั้งที่ผลการสอบสวนระหว่าง กกต.จังหวัดชัยนาท กับ กกต.กลางนั้นมีความเห็นไม่ตรงกัน อีกทั้งเมื่อขอดูวีซีดีและหลักฐานประกอบเพื่อชี้แจงเพิ่มเติมก็ถูกปฏิเสธ ตอนนี้ 2 แสนเสียงของคนชัยนาทที่ให้การสนับสนุนเราสองคนพี่น้อง เขาเกิดความอึดอัดกันไปหมดแล้วอยากขอร้องให้เข้าใจเขาด้วย อีกทั้งตนได้ชี้แจงต่อ กกต.จังหวัดชัยนาทเพียง 20 นาที แต่ กกต.กลางกลับไม่ได้เรียกให้เข้ามาชี้แจงแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการตั้งข้อสังเกตกันอย่างกว้างขวางในการเรื่องการให้ใบแดงของ กกต.ว่าจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ โดยเฉพาะในประเด็นการที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าหากมีการให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ในเรื่องการซื้อเสียง ซึ่งเป็นกรรมาการบริหารพรรคพลังประชาชนนั้น ในส่วนของพรรคชาติไทยเองนายมณเฑียร ก็ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคและถูกใบแดงเรื่องการซื้อเสียง จะนำไปสู่การยุบพรรคชาติไทยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายเกษม สรศักดิ์เกษม กรรมการบริหารพรรคชาติไทย ในฐานะที่ประธานคณะกรรมการกฎหมายพรรคชาติไทย ได้เคยให้สัมภาษณ์ในเรื่องการให้ใบแดงของกกต.จะโยงไปสู่การยุบพรรคว่า เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะพรรคเราหาเสียงอยู่ในกรอบอยู่แล้ว แต่ตัวผู้สมัครไปกระทำการใดๆ พรรคไม่รู้ไม่ทราบ ถ้าพรรครู้จะไม่ยอมปล่อยให้ทำอย่างนี้ จะเสียหายต่อผู้สมัครเอง เสียเวลาเลือกตั้งซ่อม เพราะเลือกตั้งใหม่ ทั้ง 2 คนที่โดนใบแดงนี้ต้องเสียค่าเลือกตั้งซ่อมในจังหวัดให้ กกต.ทั้งหมดด้วย ไม่ว่าจะ 7-10 ล้านหรือ 20 ล้าน ก็ต้องเสียแทนด้วย ไม่ว่าจะโดนเหลืองหรือแดง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ผู้ที่ก่อกระทำให้เกิดการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ เที่ยงธรรม ถูกจัดให้มีการเลือกตั้ง ผู้นั้นต้องรับผิดชอบชดใช้ทั้งหมดเต็มจำนวนที่ต้องใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นอีกบทบังคับหนึ่งนอกเหนือจากถูกเพิกถอนสิทธิ 1 ปีแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้เกี่ยวโยงถึงการยุบพรรคหรือไม่ กล่าวว่า กรณีนั้นพรรคต้องรู้เห็นเป็นใจ หรือปล่อยปละละเลยด้วย แต่นี่พรรคได้มีหนังสือแจ้งให้ทุกคนทราบแล้วตั้งแต่ต้นว่า การรณรงค์หาเสียงไม่ให้ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ กกต. พรรคเตือนต้องระมัดระวัง หากทำผิดก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว
ด้าน นายยุวรัตน์ กมลเวชช อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว.กล่าวถึงกรณีที่นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ว่าที่ส.ส.ชัยนาท พรรคชาติไทย โดนใบแดง ขณะเดียวกันนายมณเฑียรมีตำแหน่งเป็นกรรมาธิการบริหารพรรคชาติไทยด้วย ซึ่งตามมาตรา 103 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.อาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ ว่า เรื่องนี้อยู่ที่ว่ากกต.จะดำเนินการฟ้องร้องให้มีการยุบพรรคชาติไทยหรือไม่ ซึ่งก็ต้องดูหลักฐานและพยานว่าหากสืบต่อไปแล้วมีความเกี่ยวพันกับใคร เกี่ยวพันกับพรรคหรือไม่อย่างไร ก็ต้องอยู่ที่ข้อวินิจฉัยของศาล เรื่องนี้สามารถฟ้องร้องได้แต่อยู่ที่ศาลว่าจะรับคำฟ้องหรือไม่ ศาลจะเชื่อคำร้องนั้นหรือไม่ เหมือนการสืบพยานว่าใครฆ่าใครตายก็ต้องสืบพยานว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวพันบ้าง ทุกอย่างอยู่ที่การสืบสวนสอบสวน
เมื่อถามว่าทางพรรคชาติไทยชี้แจงว่าเรื่องการซื้อเสียงไม่ได้เกี่ยวกับพรรค และระบุว่าทางพรรคได้มีหนังสือถึงผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนว่าห้ามทำผิดกฎหมายตรงนี้จะทำให้พรรคพ้นจากข้อกล่าวหาว่าซื้อเสียงหรือไม่ นายยุวรัตน์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าศาลจะเชื่อหรือไม่หรือจะยกคำฟ้อง อยู่ที่การสอบว่าจะมีพยานหลักฐานไปเกี่ยวพันหรือโยงใยถึงใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงและถูกยุบพรรคในกรณีซื้อเสียง พรรคชาติไทยซึ่งโดนใบแดงในกรณีเดียวกันจะถูกยุบพรรคหรือไม่ นายยุวรัตน์ กล่าวว่า คดีแต่ละคดีไม่สามารถเทียบกันได้ คดีที่คล้ายๆกันก็เป็นเพียงแค่แนวทางเท่านั้น ทุกอย่างต้องอยู่ที่หลักฐาน
ด้าน นายวุฒิสาร ตันไชย อดีต กมธ.ยกร่าง รธน. กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำในฐานะอะไร แล้วพรรครู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ ซึ่ง กกต.จะต้องดูเหตุผลเหล่านี้ด้วย ส่วนจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ต้องดูรัฐธรรมนูญมาตรา 237 วรรค 2 ประกอบด้วย และต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต.เป็นหลัก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผล ดังนั้น กกต.สามารถชี้ขาดและตัดสินได้ว่าจะยุบหรือไม่หาก กกต.สามารถพิสูจน์ได้ว่าหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมณเฑียรได้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคชาติไทยอยู่ในขณะนี้ ซึ่งตามมาตรา 103 วรรคสองของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว.ระบุว่า “หากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อว่า หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองใดมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำแล้วไม่ระงับยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น มีกำหนดห้าปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น”
