วานนี้ ( 1 ม.ค. ) นายประกิต พลเดช นายรุ่งโรจน์ ทองศรี และนายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคพลังประชาชน ที่ถูก กกต. ให้ใบแดง พร้อมด้วย นายยืนหยัด ใจสมุทร ที่ปรึกษากฎหมายของพรรคพลังประชาชน เดินทางมาคัดค้านการให้ใบแดงของ กกต. โดยนายยืนหยัด กล่าวว่า การให้ใบแดง ถือว่า มีความสำคัญต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ถือเป็นโทษประหาร แต่ในเรื่องนี้ กกต.กลาง ไม่เคยเปิดโอกาสให้ทั้ง 3 คนเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นสิทธิที่ควรจะได้ชี้แจง ดังนั้นการให้ใบแดง ถือเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขาดความเป็นธรรม จึงจะยื่นหนังสือคัดค้านขอความเป็นธรรมต่อ กกต.
นายประกิต กล่าวว่า หลังจากนี้ พวกตนจะไปยื่นเรื่องคัดค้านกับกฤษฎีกา ด้วย ในการที่กกต.ให้ใบแดงไม่เป็นธรรม
**ว่าที่ส.ส.เจอใบแดงไม่เกี่ยว"ชัยยะ"
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวยืนยันว่า พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันกุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของสันติบาล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องพิจารณาสำนวนการแจกใบแดงให้ว่า ที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้ง 3 คน รวมถึงสำนวนการแจกใบเหลืองให้ 3 ว่า ที่ ส.ส.พลังประชาชนด้วยเช่นกัน
นายสุเมธ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนเดินทางมายื่นหนังสือ เพื่อขอให้เปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะนั้น พรรคพลังประชาชน สงสัยการทำหน้าที่ของพล.ต.ต.ชัยยะ ในคดีใด หรือทำไม่ถูกต้องตรงไหนให้บอกมา แต่ถ้าพล.ต.ต.ชัยยะ เจตนาดีคิดช่วยประเทศชาติ จะไปให้เขาออกได้อย่างไร และขณะนี้ กกต. ก็ไม่เห็นว่า มีใครจะเสนอหน้ามาช่วย กกต.ทำงานเหมือนอย่างนี้ คดีใบแดง ที่บุรีรัมย์ นายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นคนชงเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งเดินมาให้กับมือถึงห้องประชุม ส่วนที่โคราช เกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จับกุมได้เอง หลักฐานก็มี ซึ่งพล.ต.ต.ชัยยะ ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย แต่ยอมรับว่า พล.ต.ต.ชัยยะ เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย ตั้งแต่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เป็นผู้ขอไป เพราะโดนข่มขู่ ส่วนที่ พล.ต.ต.ชัยยะ จะสนิทกับทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องไปสอบถามกันเอาเอง
นายสุเมธ กล่าวว่า กรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวหาว่า กกต. มีมือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลัง กกต. โดยมือที่มองไม่เห็นนี้ได้ส่งสันติบาลเข้ามาเพื่อจะทำให้พรรคพลังประชาชน ถูกแจกใบแดงในหลายสำนวนนั้น ตนก็ขอฝากไปบอกนายสมัคร ด้วยว่า อย่าพูดอย่างนี้ และอย่าพยายามบิดเบือนสังคม ไม่มีใครมากดดันการทำงานของ กกต.ทุกคนได้ และการลงมติใดๆ ในการออกใบเหลือง หรือแดง กกต.ได้หลักฐานพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
นายสุเมธ กล่าวว่า ที่ประชุมใหญ่ กกต.วันที่ 2 ม.ค.51 จะมีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาเรื่องการประกาศรายชื่อ ส.ส.ใหม่ที่ กกต.ต้องรับรอง เพื่อประกาศรายชื่อรอบแรกในวันที่ 3 ม.ค. เฉพาะว่า ที่ ส.ส.ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน และว่าที่ ส.ส. ที่กกต.ยกคำร้อง ได้ทั้งหมด โดยการประชุม กกต.จะไล่รายชื่อว่าที่ ส.ส.ไปทีละคน ทีละจังหวัด ร่วมกับฝ่ายสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดภายหลัง ส่วนผู้ที่ถูกร้องเรียนนั้น ส่วนตัวเห็นว่าจะเสนอที่ประชุมใหญ่ กกต.วันนี้(2 ม.ค.) ว่า ให้เร่งพิจารณาสำนวน และลงมติ เพื่อแจกใบแดงใบเหลือง ของทุกสำนวนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17-18 ม.ค. จากนั้นใครที่ กกต.พิจารณาแล้วยกคำร้อง ก็จะทะยอยประกาศจนถึงวันสุดท้ายคือ 22 ม.ค. 51 ซึ่งจะทันกับวันเปิดประชุมสภานัดแรก 25 ม.ค.51 ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า จะไม่มีการประกาศรายชื่อคนที่ถูกร้องไปก่อนแล้วค่อยสอยทีหลัง เหมือนที่นายประพันธ์ นัยโกวิท เคยแสดงความเห็น
**หากเปิดสภาไม่ได้ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้
นายสุเมธ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินจำนวนว่าที่ ส.ส.ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนกับจำนวนถูกร้องได้ว่ามีสัดส่วนแบบใดมากกว่ากัน และหาก กกต.ให้ใบแดงมากกว่า 24 ใบ จนทำให้เปิดประชุมสภาไม่ได้ การจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องเลื่อนออกไป และไม่ใช่เรื่องที่ กกต.จะต้องเกี่ยวข้อง
สำหรับกรณีที่ ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน แจกซีดีพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ กกต.ลงมติว่า ถือเป็นความผิด เพราะถือว่า ซีดี ไม่เกี่ยวข้องกับผู้สมัคร และเป็นการจูงใจให้ทรัพย์สิน รวมถึงกรณีภาพถ่ายวีดีโอคดี นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่เรียกประชุกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่หลายฝ่ายเห็นว่า นายยงยุทธ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องซื้อเสียงในพื้นที่จ.เชียงราย และภาคเหนือนั้น และโทษอาจถึงขั้นยุบพรรคได้นั้น ถ้าเป็นความผิดส่วนบุคคล เฉพาะว่าที่ ส.ส.เอง กกต.ชี้ขาดได้เต็มที่ ทั้งเรื่องซื้อเสียงหรือแจกซีดี แต่หากจะเอาความผิดถึงขั้นยุบพรรคนั้น ตามกฎหมายแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจตัดสินได้ ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด แต่สำนวนเรื่องนี้ยังไม่ได้สรุป เพราะต้องรอนายยงยุทธ เข้าชี้แจงในวันที่ 8 ม.ค.นี้
"เรื่องแจกซีดี เนื้อหาคือเกี่ยวกับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถือเป็นคนนอกไม่เกี่ยวกับพรรคเลย แล้วเอามาแจกทำไม และยังมีราคาชัดเจน 99 บาท เนี่ยทำผิดกฎหมาย ถือเป็นการให้ทรัยพ์สิน หรือเพื่อจูงใจ แต่ถามว่าพรรครู้เรื่องหรือไม่ กรรมการบริหารพรรครู้หรือไม่ รวมถึงประเด็นนายยงยุทธ หากสอบแล้วไม่เกี่ยวก็รอดตัวไป แต่หากสอบแล้วเกี่ยวกับนายงยุทธ หรือเกี่ยวถึงขั้นยุบพรรค กกต.ก็ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการสั่งยุบพรรค กกต.ไม่มีอำนาจ กกต.ทำได้แค่ชี้มูลว่า พรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่เท่านั้น"
นายสุเมธ กล่าว
**ท้าฟ้องศาลฎีการะงับประกาศผล
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายโจมตีการแจกใบเหลือง ใบแดง ของ กกต. ว่า อันที่จริง กกต. ไม่อยากได้อำนาจการให้ใบเหลือง ใบแดง เพราะตอนที่ตนเป็นกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็เคยเสนอให้ตั้งศาลเลือกตั้งขึ้นมา เพื่อให้พิจารณาใบเหลืองใบแดง ส่วน กกต. ก็ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ อีกทั้งเราก็ไม่อยากให้ภาระหน้าที่ในการใบเหลืองใบแดง ไปอยู่ที่ศาลฎีกาเช่นกัน เพราะจะทำให้ศาลฎีกาลำบาก
นางสดศรี กล่าวว่าการทำหน้าที่ของกกต.ช่วงนี้ มีการเมืองเข้ามากดดัน โดยมีการกล่าวหา ด่าว่า และโจมตีผ่านสื่อ ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรที่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งในความเห็นของตน กำลังพิจารณาว่า หากถูกโจมตีมากๆ แล้วกกต.ทั้ง 5 คนลาออกหมด เว้นวรรคการทำงาน ก็จะส่งผลให้ไม่มีการประกาศรับรอง ส.ส. และทุกอย่างหยุดนิ่งหมด ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ อยากถามว่า ต้องการเช่นนี้ใช่หรือไม่
"ขณะนี้กลายเป็นว่า เราต่อสู้กับพรรคพลังประชาชน ซึ่งบางคนถึงขนาดพูดว่า กกต.4 คน ออกใบเหลือง ใบแดง เป็นคนผิดเหมือนอาชญากร ถือว่าเป็นอันตรายต่อการทำหน้าที่ กกต. ทั้งที่พิจารณาตามพยานหลักฐาน และคำตัดสินของกกต.ช่วงนี้ ถือเป็นที่ยุติ ทั้งนี้ พรรคพลังประชาชนหรือใครที่สงสัยการทำหน้าที่ของ กกต.4 คน ว่าไม่ถูกต้อง ก็ควรยื่นเรื่องฟ้องศาลฎีกาในช่วงนี้ได้ทันที เพื่อให้ศาลสั่งระงับการทำหน้าที่ของ กกต.ชั่วคราว ไม่ใช่มาด่า กกต.ผ่านสื่อ" นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า หากศาลฎีการับคำร้องไว้พิจารณา มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการประกาศรับรองผลเลือกตั้งส.ส. ซึ่งศาลจะได้มีคำสั่งไปในคราวเดียวกันกับที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร้องศาลฎีกาให้สั่งเพิกถอนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน และไม่ให้ กกต.ประกาศรับรองผลทั่วประเทศ ดังนั้น ทาง กกต.ก็หยุดชะงักการพิจารณาสำนวนคดีและคำร้องที่ค้างไว้ ตอนนี้อยากให้ทุกคนที่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของ กกต.มายื่นฟ้องศาลฎีกา อะไรจะเกิดก็เกิดไป เรายอมรับได้ทุกกรณีหากศาลมีคำสั่งออกมาว่าอย่างไรก็พร้อมจะปฏิบัติตาม
**"สมชัย"อยากกลับไปทำงานที่ศาล
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านการสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะลาออกจาก กกต. ว่า เรื่องนี้ไม่มีใครกดดันตน แต่ที่ไม่ค่อยได้เข้าประชุม เพราะตนติดภารกิจบ้าง ไม่สบายบ้าง ไม่อยากประชุมก็ไม่เข้า และยืนยันว่าใน กกต. ไม่มีปัญหาอะไรกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน
"เพียงแต่งานบางอย่างผมไม่ชอบ ไม่อยากทำ และผมไม่สบาย ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ผมก็ไม่อยากทำ" นายสมชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า ท่านรู้สึกน้อยใจ จึงจะลาออกกลับไปที่ศาล นายสมชัย กล่าวว่า ตนทำงานที่ศาลถนัดกว่าตรงนี้ หากศาลยอมให้กลับตนก็อยากจะกลับไป ซึ่งกกต. 4 คนเขาทำงานได้อยู่แล้วเพราะ องค์คณะมี 4 คน ไม่ต้องมีตนก็ได้
นายประกิต กล่าวว่า หลังจากนี้ พวกตนจะไปยื่นเรื่องคัดค้านกับกฤษฎีกา ด้วย ในการที่กกต.ให้ใบแดงไม่เป็นธรรม
**ว่าที่ส.ส.เจอใบแดงไม่เกี่ยว"ชัยยะ"
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวยืนยันว่า พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันกุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของสันติบาล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องพิจารณาสำนวนการแจกใบแดงให้ว่า ที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้ง 3 คน รวมถึงสำนวนการแจกใบเหลืองให้ 3 ว่า ที่ ส.ส.พลังประชาชนด้วยเช่นกัน
นายสุเมธ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนเดินทางมายื่นหนังสือ เพื่อขอให้เปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะนั้น พรรคพลังประชาชน สงสัยการทำหน้าที่ของพล.ต.ต.ชัยยะ ในคดีใด หรือทำไม่ถูกต้องตรงไหนให้บอกมา แต่ถ้าพล.ต.ต.ชัยยะ เจตนาดีคิดช่วยประเทศชาติ จะไปให้เขาออกได้อย่างไร และขณะนี้ กกต. ก็ไม่เห็นว่า มีใครจะเสนอหน้ามาช่วย กกต.ทำงานเหมือนอย่างนี้ คดีใบแดง ที่บุรีรัมย์ นายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นคนชงเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งเดินมาให้กับมือถึงห้องประชุม ส่วนที่โคราช เกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จับกุมได้เอง หลักฐานก็มี ซึ่งพล.ต.ต.ชัยยะ ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย แต่ยอมรับว่า พล.ต.ต.ชัยยะ เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย ตั้งแต่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เป็นผู้ขอไป เพราะโดนข่มขู่ ส่วนที่ พล.ต.ต.ชัยยะ จะสนิทกับทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องไปสอบถามกันเอาเอง
นายสุเมธ กล่าวว่า กรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวหาว่า กกต. มีมือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลัง กกต. โดยมือที่มองไม่เห็นนี้ได้ส่งสันติบาลเข้ามาเพื่อจะทำให้พรรคพลังประชาชน ถูกแจกใบแดงในหลายสำนวนนั้น ตนก็ขอฝากไปบอกนายสมัคร ด้วยว่า อย่าพูดอย่างนี้ และอย่าพยายามบิดเบือนสังคม ไม่มีใครมากดดันการทำงานของ กกต.ทุกคนได้ และการลงมติใดๆ ในการออกใบเหลือง หรือแดง กกต.ได้หลักฐานพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
นายสุเมธ กล่าวว่า ที่ประชุมใหญ่ กกต.วันที่ 2 ม.ค.51 จะมีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาเรื่องการประกาศรายชื่อ ส.ส.ใหม่ที่ กกต.ต้องรับรอง เพื่อประกาศรายชื่อรอบแรกในวันที่ 3 ม.ค. เฉพาะว่า ที่ ส.ส.ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน และว่าที่ ส.ส. ที่กกต.ยกคำร้อง ได้ทั้งหมด โดยการประชุม กกต.จะไล่รายชื่อว่าที่ ส.ส.ไปทีละคน ทีละจังหวัด ร่วมกับฝ่ายสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดภายหลัง ส่วนผู้ที่ถูกร้องเรียนนั้น ส่วนตัวเห็นว่าจะเสนอที่ประชุมใหญ่ กกต.วันนี้(2 ม.ค.) ว่า ให้เร่งพิจารณาสำนวน และลงมติ เพื่อแจกใบแดงใบเหลือง ของทุกสำนวนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17-18 ม.ค. จากนั้นใครที่ กกต.พิจารณาแล้วยกคำร้อง ก็จะทะยอยประกาศจนถึงวันสุดท้ายคือ 22 ม.ค. 51 ซึ่งจะทันกับวันเปิดประชุมสภานัดแรก 25 ม.ค.51 ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า จะไม่มีการประกาศรายชื่อคนที่ถูกร้องไปก่อนแล้วค่อยสอยทีหลัง เหมือนที่นายประพันธ์ นัยโกวิท เคยแสดงความเห็น
**หากเปิดสภาไม่ได้ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้
นายสุเมธ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินจำนวนว่าที่ ส.ส.ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนกับจำนวนถูกร้องได้ว่ามีสัดส่วนแบบใดมากกว่ากัน และหาก กกต.ให้ใบแดงมากกว่า 24 ใบ จนทำให้เปิดประชุมสภาไม่ได้ การจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องเลื่อนออกไป และไม่ใช่เรื่องที่ กกต.จะต้องเกี่ยวข้อง
สำหรับกรณีที่ ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน แจกซีดีพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ กกต.ลงมติว่า ถือเป็นความผิด เพราะถือว่า ซีดี ไม่เกี่ยวข้องกับผู้สมัคร และเป็นการจูงใจให้ทรัพย์สิน รวมถึงกรณีภาพถ่ายวีดีโอคดี นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่เรียกประชุกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่หลายฝ่ายเห็นว่า นายยงยุทธ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องซื้อเสียงในพื้นที่จ.เชียงราย และภาคเหนือนั้น และโทษอาจถึงขั้นยุบพรรคได้นั้น ถ้าเป็นความผิดส่วนบุคคล เฉพาะว่าที่ ส.ส.เอง กกต.ชี้ขาดได้เต็มที่ ทั้งเรื่องซื้อเสียงหรือแจกซีดี แต่หากจะเอาความผิดถึงขั้นยุบพรรคนั้น ตามกฎหมายแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจตัดสินได้ ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด แต่สำนวนเรื่องนี้ยังไม่ได้สรุป เพราะต้องรอนายยงยุทธ เข้าชี้แจงในวันที่ 8 ม.ค.นี้
"เรื่องแจกซีดี เนื้อหาคือเกี่ยวกับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถือเป็นคนนอกไม่เกี่ยวกับพรรคเลย แล้วเอามาแจกทำไม และยังมีราคาชัดเจน 99 บาท เนี่ยทำผิดกฎหมาย ถือเป็นการให้ทรัยพ์สิน หรือเพื่อจูงใจ แต่ถามว่าพรรครู้เรื่องหรือไม่ กรรมการบริหารพรรครู้หรือไม่ รวมถึงประเด็นนายยงยุทธ หากสอบแล้วไม่เกี่ยวก็รอดตัวไป แต่หากสอบแล้วเกี่ยวกับนายงยุทธ หรือเกี่ยวถึงขั้นยุบพรรค กกต.ก็ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการสั่งยุบพรรค กกต.ไม่มีอำนาจ กกต.ทำได้แค่ชี้มูลว่า พรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่เท่านั้น"
นายสุเมธ กล่าว
**ท้าฟ้องศาลฎีการะงับประกาศผล
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายโจมตีการแจกใบเหลือง ใบแดง ของ กกต. ว่า อันที่จริง กกต. ไม่อยากได้อำนาจการให้ใบเหลือง ใบแดง เพราะตอนที่ตนเป็นกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็เคยเสนอให้ตั้งศาลเลือกตั้งขึ้นมา เพื่อให้พิจารณาใบเหลืองใบแดง ส่วน กกต. ก็ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ อีกทั้งเราก็ไม่อยากให้ภาระหน้าที่ในการใบเหลืองใบแดง ไปอยู่ที่ศาลฎีกาเช่นกัน เพราะจะทำให้ศาลฎีกาลำบาก
นางสดศรี กล่าวว่าการทำหน้าที่ของกกต.ช่วงนี้ มีการเมืองเข้ามากดดัน โดยมีการกล่าวหา ด่าว่า และโจมตีผ่านสื่อ ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรที่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งในความเห็นของตน กำลังพิจารณาว่า หากถูกโจมตีมากๆ แล้วกกต.ทั้ง 5 คนลาออกหมด เว้นวรรคการทำงาน ก็จะส่งผลให้ไม่มีการประกาศรับรอง ส.ส. และทุกอย่างหยุดนิ่งหมด ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ อยากถามว่า ต้องการเช่นนี้ใช่หรือไม่
"ขณะนี้กลายเป็นว่า เราต่อสู้กับพรรคพลังประชาชน ซึ่งบางคนถึงขนาดพูดว่า กกต.4 คน ออกใบเหลือง ใบแดง เป็นคนผิดเหมือนอาชญากร ถือว่าเป็นอันตรายต่อการทำหน้าที่ กกต. ทั้งที่พิจารณาตามพยานหลักฐาน และคำตัดสินของกกต.ช่วงนี้ ถือเป็นที่ยุติ ทั้งนี้ พรรคพลังประชาชนหรือใครที่สงสัยการทำหน้าที่ของ กกต.4 คน ว่าไม่ถูกต้อง ก็ควรยื่นเรื่องฟ้องศาลฎีกาในช่วงนี้ได้ทันที เพื่อให้ศาลสั่งระงับการทำหน้าที่ของ กกต.ชั่วคราว ไม่ใช่มาด่า กกต.ผ่านสื่อ" นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า หากศาลฎีการับคำร้องไว้พิจารณา มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการประกาศรับรองผลเลือกตั้งส.ส. ซึ่งศาลจะได้มีคำสั่งไปในคราวเดียวกันกับที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร้องศาลฎีกาให้สั่งเพิกถอนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน และไม่ให้ กกต.ประกาศรับรองผลทั่วประเทศ ดังนั้น ทาง กกต.ก็หยุดชะงักการพิจารณาสำนวนคดีและคำร้องที่ค้างไว้ ตอนนี้อยากให้ทุกคนที่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของ กกต.มายื่นฟ้องศาลฎีกา อะไรจะเกิดก็เกิดไป เรายอมรับได้ทุกกรณีหากศาลมีคำสั่งออกมาว่าอย่างไรก็พร้อมจะปฏิบัติตาม
**"สมชัย"อยากกลับไปทำงานที่ศาล
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านการสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะลาออกจาก กกต. ว่า เรื่องนี้ไม่มีใครกดดันตน แต่ที่ไม่ค่อยได้เข้าประชุม เพราะตนติดภารกิจบ้าง ไม่สบายบ้าง ไม่อยากประชุมก็ไม่เข้า และยืนยันว่าใน กกต. ไม่มีปัญหาอะไรกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน
"เพียงแต่งานบางอย่างผมไม่ชอบ ไม่อยากทำ และผมไม่สบาย ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ผมก็ไม่อยากทำ" นายสมชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า ท่านรู้สึกน้อยใจ จึงจะลาออกกลับไปที่ศาล นายสมชัย กล่าวว่า ตนทำงานที่ศาลถนัดกว่าตรงนี้ หากศาลยอมให้กลับตนก็อยากจะกลับไป ซึ่งกกต. 4 คนเขาทำงานได้อยู่แล้วเพราะ องค์คณะมี 4 คน ไม่ต้องมีตนก็ได้