“สุเมธ” ออกโรงป้อง “ชัยยะ” ไม่เกี่ยวแจกแดง พปช. ตอกหน้า “สมัคร” อย่าพูดบิดเบือนสังคม เตรียมพิจารณาประกาศรับรองผลล็อตแรกชี้ชัดซีดีมีราคาถือเป็นแจกทรัพย์สินผิดกม.คดีเพชรบูรณ์ฝ่ายสืบสวนยังไม่ตั้งแท่นปีใหม่ กกต.ยังไม่แจกแดง-เหลืองเพิ่ม“ประสพ” ยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงการตั้ง พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. เป็นประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตว่า พล.ต.ต.ชัยยะ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาแจกใบแดง ใบเหลือง ให้ว่าที่ส.ส.พลังประชาชน ทั้งนี้หากพรรคพลังประชาชน สงสัยการทำหน้าที่ของ พล.ต.ต.ชัยยะ ในคดีใดตรงไหนก็ให้บอก แต่ถ้า พล.ต.ต.ชัยยะ มีเจตนาดีคิดช่วยประเทศชาติจะให้เขาออกได้อย่างไร ในขณะนี้ กกต.ก็ไม่เห็นว่ามีใครจะเสนอหน้ามาช่วยกกต.ทำงานเหมือนอย่างนี้ ฝ่ายสืบสวนกกต. มีอยู่ 2-3 คน จะทำอะไรไหว อีกทั้งคดีใบแดงที่ จ.บุรีรัมย์ ประธานกกต.จังหวัด เป็นคนชงและเดินมาให้กับมือถึงห้องประชุม ส่วนที่จ.นครราชสีมา เกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จับกุมเอง หลักฐานก็มี พล.ต.ต.ชัยยะ ไม่ได้เกี่ยวข้อง โดยได้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยตั้งแต่ที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. เป็นผู้ขอไปเพราะโดนข่มขู่ ไม่อยากให้เข้าใจผิด
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวหาว่ากกต.มีมือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลังกกต.ส่งตำรวจสันติบาลเข้ามาแจกใบแดงพรรคพลังประชาชนหลายสำนวน นายสุเมธ กล่าวว่า ฝากบอกนายสมัคร และอีกหลายคนในพรรคที่ออกมาพูดขณะนี้ด้วยว่า อย่าพูดอย่างนี้ อย่าพยายามบิดเบือนสังคม ไม่มีใครมากดดันการทำงานของกกต.ทุกคนได้ และการลงมติใดๆ ในการออกใบเหลืองหรือแดง กกต.ได้หลักฐานพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
นายสุเมธ กล่าวว่า ที่ประชุมใหญ่กกต.วันที่ 2 ม.ค.นี้ จะพิจารณาเรื่องการประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส. เพื่อเตรียมประกาศรอบแรกในวันที่ 3 ม.ค. เฉพาะกลุ่มที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน และว่าที่ส.ส. ที่กกต.ยกคำร้องไปแล้ว ส่วนผู้ที่ถูกร้องเรียนนั้น ความเห็นส่วนตัวจะเสนอที่ประชุมให้เร่งพิจารณาสำนวน และลงมติให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17-18 ม.ค. จากนั้นผู้ที่กกต.พิจารณายกคำร้อง ก็จะทยอยประกาศ จนถึงวันที่ 22 ม.ค.เป็นวันสุดท้าย ซึ่งจะทันต่อการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก 25 ม.ค. และส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรจะประกาศรายชื่อผู้ที่ถูกร้องไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลังเหมือนที่นายประพันธ์ เคยให้ความเห็นไว้
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่กกต.มีมติว่าการแจกซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความผิด โดยมีว่าที่ส.ส.หลายคนถูกร้องเรียนในเรื่องนี้ ว่า ถ้าเป็นความผิดส่วนบุคคล กกต.ชี้ขาดได้เต็มที่ทั้งเรื่องซื้อเสียงหรือแจกซีดี ซึ่งเรื่องแจกซีดีเนื้อหาเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถือเป็นคนนอกไม่เกี่ยวกับพรรค แล้วเอามาแจกทำไม ทั้งยังมีราคาชัดเจน 99 บาท เป็นการทำผิดกฎหมายคือ การให้ทรัพย์เพื่อจูงใจ อย่างไรก็ตาม ต้องสอบสวนด้วยว่าพรรคการเมืองรู้เห็นและเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ สำหรับกรณีที่มีหลักฐาน นายยงยุทธ ติยะไพรัช เรียกประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องซื้อเสียงในพื้นที่ภาคเหนือจนอาจจะนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า หากจะเอาผิดถึงขั้นยุบพรรค ตามกฎหมายกกต.ไม่มีอำนาจตัดสินได้ ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด กกต.ทำได้แค่ชี้มูลว่ากรรมการบริหารพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่ แต่สำนวนเรื่องนี้ต้องรอให้นายยงยุทธ เข้าชี้แจงในวันที่ 8 ม.ค.ก่อน
นายสุเมธ กล่าวว่า ขณะนี้มีปัญหาเรื่องการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านหลายสำนวน ที่กกต.ได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มและส่งกลับมาใน 7 วัน เช่น กรณีการจับหัวคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเงินสด 1.3 ล้านบาท จ.เพชรบูรณ์ จากเดิมที่ฝ่ายสืบสวนจะต้องสรุปสำนวนส่งเข้าที่ประชุมในวันนี้ ก็ยังไม่เสร็จ กกต.จึงต้องประสานให้ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผบช.สน. ฐานะประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของตำรวจสันติบาล ลงพื้นที่ไปสอบสวนเอง แต่ยังไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อใด
จากนั้นเมื่อเวลา 17.00 น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมกกต.วันนี้ไม่มีการพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือ สั่งเลือกตั้งใหม่กับรายใด และไม่มีพิจารณายกคำร้อง โดยได้มีการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านนายประสพ บุษราคัม ว่าที่ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน เข้าชี้แจงกรณี 2 ข้อกล่าวหา คือ แจกเงินเพื่อให้ไปฟังปราศรัย และแจกซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 1 ปีที่หายไป ซึ่งนายประสพ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และกรณีที่ถูกกล่าวหาปราศรัยใส่ร้ายพรรคการเมืองใหม่ว่ารับเงินจากคมช. ซึ่งทั้งหมดมีการบันทึกซีดีจำนวน 19 แผ่น โดยนายประสพ ชี้แจงว่าจำไม่ได้ ทางกกต.จึงสำเนาซีดีให้ไปดู และให้ชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 7 ม.ค.นี้ อย่างไรก็ตามที่ประชุมเข้าครบองค์ประชุม และบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี สำหรับผลการวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิว่าที่ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 ของพรรคพลังประชาชน นั้น ในวันที่ 2 ม.ค. กกต.จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา
ด้านนายประสพ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในการชี้แจงต่อกกต.ตนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องซื้อเสียงและแจกซีดี โดยกกต.ได้มอบซีดีไปให้ตนดูรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนการปราศรัยนั้นยอมรับว่าได้พูดว่ามีการพรรคการเมืองใหม่จริง แต่ไม่ได้ระบุชื่อพรรค ซึ่งในพื้นที่ของตนมีพรรคการเมืองเก่าเพียง 2 พรรค คือพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคชาติไทย แต่มีพรรคการเมืองใหม่อยู่หลายสิบพรรค โดยในวันที่ 7 ม.ค.นั้นตนจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร
