“ยงยุทธ” อ้างมีคนบงการ ยืมมือ กกต.ยุบ พปช. โบ้ยคู่แข่งที่อยากจัดตั้งรัฐบาล สร้างเรื่องให้ติดกับดัก ด้าน ปธ.กกต.ชี้ยงยุทธผิด 2 ลักษณะ ทั้งเฉพาะตัวและพรรคผิดถึงขั้นถูกยุบ เผยอยากวินิจฉัยให้แล้วเสร็จในคราวเดียว ปัด กกต.สั่ง “พล.ต.ต.ชัยยะ” ถอนตัวจากสำนวนเชียงราย อ้างเจ้าตัวแสดงสปิริตเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ม.ค.) ก่อนที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน จะเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาทุจริตเลือกตั้ง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเวลา 13.30 น. ปรากฏว่าที่หน้าสำนักงาน กกต. ได้มีประชาชนประมาณ 20 คนเดินทางมาให้กำลังใจนายยงยุทธ โดยมีการปราศรัยโจมตีการทำงานของ กกต. จนเมื่อนายยงยุทธเดินทางมาถึงก็ได้แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจากนายยงยุทธชี้แจงต่อ กกต.แล้ว จะแถลงข่าวเปิดเผยถึงขั้นตอนและกระบวนการในการร้องคัดค้านครั้งนี้ โดยทีมงานที่มากับนายยงยุทธเตรียมไวท์บอร์ด และแผ่นชาร์ทข้อมูลประกอบการแถลงข่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการชี้แจงต่อ กกต.และฝ่ายสืบสวนกว่า 3 ชั่วโมง นายยงยุทธกลับให้ทีมงานเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เหลือเพียงการนั่งแถลง โดยระบุว่ายังไม่ขอพูดถึงรายละเอียด เพราะกระบวนยังไม่เสร็จสิ้น รวมถึงต้องมีการสอบพยานเพิ่มเติม หากพูดไปจะกลายเป็นการกดดัน กกต.
นายยงยุทธ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (9) จะเดินทางมาที่ กกต.อีก ซึ่งหาก กกต.มีมติอย่างไรก็จะแถลงข่าวอีกครั้ง แล้วว่าการร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของตนครั้งนี้เป็นกระบวนการที่มีเดิมพันสูง เพราะหากผิดก็จะมีการโยงไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน เนื่องจากตนเป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 ทำให้มีกระบวนการจัดฉากขึ้น โดยเหตุการณ์ที่นำมาสู่การร้องคัดค้านนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. แต่กลับนำมาร้องในวันที่ 21 ธ.ค. พยานถูกกดดัน อิทธิพลหลายอย่างโดยเจ้าหน้าที่บางคน รวมทั้งมีความพยายามเชื่อมต่อระหว่างเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการนำกำนันผู้ใหญ่บ้านเข้ามาใน กทม. เพื่อมาขอพบตนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ตนไม่ยอมพบ จนเมื่อเสร็จงานจึงลงไปพบปะด้วย หลังจากนั้นก็มีการโยงเหตุการณ์ต่างๆ จนทำให้ดูเหมือนว่าตนเป็นผู้จัดการเรื่องนี้
“ที่ผ่านมาฝ่ายที่ร้องพูดข้างเดียวโดยตลอด เรื่องนี้มีบางคนบงการอยู่เบื้องหลัง คนที่มีส่วนร่วมอาจจะไม่ได้รับประโยชน์ แต่คนได้รับประโยชน์อาจเป็นไอ้โม่ง ซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมแข่งขันจัดตั้งรัฐบาล มีการสร้างใบเสร็จเก็บเงิน มีการเรียกพนักงาน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่ถูกระบุให้มาเป็นพยาน ปะติดปะต่อจนดูเหมือนว่าผมถูกล่อซื้อ ขอยืนยันว่าเป็นกับดักที่ล่อให้ผมไปตก ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ผมไม่ได้ลงพื้นที่เลย เพราะคิดว่าประชาชนเชื่อมั่นในนโยบายพรรคพลังประชาชน และมีคนขู่ว่าหากลงไปจะถูกยิงกบาล เลยมีการขึ้นมาจัดฉากกันที่ กทม. ซีดีที่นำมาเป็นหลักฐานก็เป็นการถ่ายคนละที่แล้วนำมารวมกัน คนที่มาร้องก็เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ เคยเข้ารับการบำบัดยาเสพติด เป็นคนที่ไม่เคยมีอำนาจ แต่พอผมไปต่างประเทศคนๆ นี้ก็เริ่มเข้ามามีบทบาท ไปถามใครก็รู้ว่าเขาหาเสียงให้ใครอยู่” นายยงยุทธ กล่าว
เมื่อนายยงยุทธกล่าวจบ ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามต่อถึงบรรยากาศและประเด็นที่ชี้แจงกับ กกต. รวมถึง กกต.เข้าประชุมครบทั้ง 5 คนหรือไม่ แต่นายยงยุทธปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยอ้างเพียงว่าเป็นการเสียมารยาท และหากรู้ผลแล้วไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็จะแถลงข่าวให้ทราบถึงกระบวนการโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นบรรดา ส.ส.ที่มาให้กำลังใจจึงพานายยงยุทธเดินทางกลับ
ด้าน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ระบุว่า กกต.ขอให้ออกจากการเข้ามาดูแลสำนวนเชียงรายเพราะกระดาษร้องเรียนใบเดียวของพรรคพลังประชาชน ว่าไม่ใช่ เพราะในวันที่ 4 ม.ค.ได้เชิญ พล.ต.ต.ชัยยะมาหารือกรณีมีหนังสือร้องเรียนเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อ พล.ต.ต.ชัยยะได้พิจารณาแล้วก็ขอถอนตัวออกไปเอง เหมือนศาลที่เมื่อมีคนร้องเรียนว่าจะไม่เป็นธรรมในการพิจารณาคดีนี้ก็จะขอถอนตัวไปเอง ซึ่งไม่ได้หมายความว่า พล.ต.ต.ชัยยะ มีความผิดหรือเป็นไปตามหนังสือที่ร้องเรียนมา และตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.เป็นต้นมา พล.ต.ต.ชัยยะและตำรวจสันติบาลก็จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับสำนวนนี้อีก
เมื่อถามว่า พล.ต.ต.ชัยยะ ระบุว่าในการประชุมสำนวนเชียงราย มี กกต.คนหนึ่งไม่ยอมคืนสำนวนเมื่อฟังคำชี้แจงเสร็จ หมายถึง กกต.คนใด นายอภิชาตอึ้งไปพักหนึ่ง และกล่าวว่า ไม่ตอบให้ไปถาม กกต.ท่านนั้นเอง สื่อถามครบทุกคนแล้วหรือยัง และพล.ต.ต.ชัยยะก็ไม่บอกชื่อใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การจะเก็บสำนวนไว้สามารถทำได้เพราะ กกต.อาจจะต้องการอ่านรายละเอียด
ส่วนการรับฟังคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายยงยุทธนั้น นายยงยุทธได้นำพยานมาชี้แจง 10 ปาก และจะมาสืบอีก 1 ปากในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) ทั้งนี้นายยงยุทธได้ขอดูวีซีดีและเทปที่ผู้ร้องนำมามอบให้เป็นหลักฐานซึ่ง กกต.ก็ได้อนุญาต ดังนั้นถ้าภายในวันพรุ่งนี้ นายยงยุทธชี้แจงครบถ้วนแล้วก็จะนำมาพิจารณาต่อได้ในวันเดียวกัน
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า ในการพิจารณาคดีของนายยงยุทธจะมีการพิจารณา 2 ลักษณะ คือความผิดเฉพาะตัวของนายยงยุทธเอง และความผิดของพรรค ที่นายยงยุทธ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคมีการกระทำผิด ซึ่งมีการกล่าวหาว่า พรรคได้ให้ประโยชน์เพื่อจูงใจ หัวคะแนนกำนันผู้ใหญ่บ้านใน จ.เชียงราย อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะให้มีมติไปในคราวเดียวกันทั้ง 2 กรณีนี้ โดย กกต.คนอื่นต้องเห็นพ้องด้วยโดย หากมีมติให้ยุบพรรค กกต.ก็จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายยงยุทธต่อ กกต.ครั้งนี้ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยเมื่อนายยงยุทธ ชี้แจงเสร็จสิ้นแล้ว นายสมชัยคิดว่าสำนวนที่จะพิจารณาต่อไปเป็นสำนวนของฝ่ายสืบสวนสอบสวน กกต. จึงได้เดินมาเพื่อจะเข้าห้องประชุม แต่กลับพบว่า สำนวนที่ที่ประชุมกำลังจะพิจารณาเป็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของสันติบาล นายสมชัยจึงเดินกลับไปยังห้องทำงาน โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.รับฟังคำชี้แจงของนายยงยุทธแล้วจะมีคำวินิจฉัยในวันเดียวกันหรือไม่ นายสมชัย กล่าวพร้อมกับชี้มือไปที่ห้องประชุมว่าเรื่องนี้ให้คนข้างในมาชี้แจง