นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ยืนยันว่า การทำงานที่ผ่านมาไม่มีอุปสรรค ยิ่งทำงานหนักยิ่งทำให้ตนเข้มแข็งมากขึ้น ซี่งจะเดินหน้าทำงานต่อไป โดยในการประชุม กกต. วานนี้ ( 2 ม.ค.) ก็ได้รับฟังสำนวนที่ กกต.สั่งให้สันติบาลลงไปสอบสวนเพิ่มเติมในหลายจังหวัด และขณะนี้มีสำนวนของสันติบาลที่เข้าสู่การพิจารณาของกกต.เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในวันนี้ ( 3 ม.ค. ) กกต.ก็จะประกาศรับรองว่าที่ ส.ส.ในส่วนที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน คิดว่าน่าจะประกาศได้ราว 100-200 คน ส่วนที่มีเรื่องร้องเรียนคาดว่า กกต.น่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ม.ค. แต่ทั้งนี้ คิดว่าการประกาศใบเหลืองใบแดงของกกต.จะไม่มีผลกระทบต่อการเปิดประชุมสภานัดแรก
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชน เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลที่มาทำหน้าที่หัวหน้าทีมคณะกรรมการสอบสวนชุดของสันติบาล นางสดศรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครกล่าวหา พล.ต.ต.ชัยยะอย่างเป็นทางการ มีแต่กล่าวหาผ่านสื่อ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. ที่ควรจะแถลงเรื่องการแต่งตั้งพล.ต.ต.ชัยยะ มาช่วยกกต.ทำงาน ซึ่งเรื่องเขาจะเป็นกลางหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่กกต.ต้องไปตรวจสอบ
นางสดศรี ยังแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีที่ศาลฎีกา จะมีคำสั่งในคำฟ้องที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ร้องขอให้สั่งให้การจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า และการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. เป็นโมฆะ โดยในวันนี้( 3 ธ.ค.) ศาลจะมีคำสั่งว่า จะออกคำคุ้มครองสั่งระงับการประกาศรับรองผล ส.ส.ไว้ก่อนหรือไม่ เพราะถ้าศาลฯ มีคำวินิจฉัยดังกล่าวคงมีปัญหาตามมาแน่ เพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อการประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ใหม่
**แจ้งข้อหาเพิ่ม 4 ว่าที่ส.ส.พปช.
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมกกต.วานนี้ ( 2 ม.ค.) ที่ประชุมได้มีการพิจารณาสำนวนเรื่องร้องคัดค้านเลือกตั้งที่ทางคณะกรรมการสอบสวนของตำรวจสันติบาล เป็นผู้เสนอรวม 13 สำนวน ประเภทข้อกล่าวหา ประกอบด้วย แจกวีซีดี และสัญญาจะให้เงิน 8 เรื่อง ติดป้ายผิดที่ 3 เรื่อง เจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง 1 เรื่อง และดูหมิ่นเหยียดหยามรัฐธรรมนูญ 1 เรื่อง โดยสำนวนที่ กกต. มีมติมอบหมายให้มีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม และหากเห็นว่ามีมูล ก็ให้แจ้งข้อกล่าวหารวมทั้งให้รับฟังคำชี้แจง 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1. กรณีนางบุญรื่น ศรีธเรศ นายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ นายคมเดช ไชยศิวามงคล ว่าที่ ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.กาฬสินธุ์ 2 กรณี นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ว่าที่ ส.ส เขต 2 พรรคพลังประชาชน จ.ชัยภูมิ ในกรณีแจกทรัพย์สินเป็นวีซีดี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 3. กรณี นายมีชัย จิตต์พิพัฒน์ และนายพลพีร์ สุวรรณฉวี ว่าที่ ส.ส.เขต 6 พรรคเพื่อแผ่นดิน จ.นครราชสีมา ข้อหาแจกเงิน
นอกจากนี้มีมติสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมให้ครบทุกประเด็น 2 เรื่อง คือ 1. กรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายวราวุธ ศิลปอาชา ว่าที่ ส.ส.เขต 1 พรรคชาติไทย จ.สุพรรณบุรี ในข้อหา กรรมการประจำหน่วยปฎิบัติหน้าที่มิชอบ 2. กรณีนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ว่าที่ ส.ส. พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี และนายอนุวัฒน์ วิเศษจินดารัตน์ ว่าที่ ส.ส. เขต 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน จ.นครราชสีมา ข้อหาแจกเงิน และ กกต.ยังมีมติให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้ติดแผ่นป้ายหาเสียง 1 เรื่อง และไม่รับเป็นเรื่องคัดค้าน 7 เรื่อง แบ่งเป็น พรรคพลังประชาชน 4 เรื่อง พรรคชาติไทย 2 เรื่อง กรณีผู้ทำหนังสือรัฐธรรมนวยฯ 1 เรื่อง
**ประธานกกต.บุรีรัมย์ถูกขู่ฆ่า
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ประธาน กกต.บุรีรัมย์ ระบุถูกขู่ฆ่า และเข้าชื่อขับไล่ว่า เพิ่งได้รับรายงานจากประธาน กกต.บุรีรัมย์ และกำลังตรวจสอบ พร้อมทั้งจะสำเนารายงานให้กกต.ทุกคนได้ดู ซึ่งต้องพิจารณาว่า เหตุที่เกิดมาจากอะไร และหากประชาชนไม่เข้าใจถึงกระบวนการ เราก็ต้องรีบชี้แจง เชื่อว่าเมื่อประชาชนไม่มีผลประโยชน์เข้าใจ แรงกดดันก็จะเบาบางลง เราก็ระวังเรื่องความเป็นกลาง และไม่มุ่งที่จะทำร้ายพรรคการเมืองใด การพิจารณาต้องทำตามพยานหลักฐาน อีกทั้งการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ยังต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการตรวจสอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาด้วย
เลขาธิการ กกต.ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยให้กับ กกต.จังหวัด ก็จะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสันติบาล เพื่อให้เข้ามาดูแลเช่นเดียวกับที่อาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงานกกต. ซึ่งมีข่าวว่า อาจจะมีม็อบมากดดัน โดยจะต้องตรวจสอบบุคลคล และยานพาหนะที่เข้าออก
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ที่มีการมองว่าไม่ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ว่าไม่เป็นความจริง เพราะกกต.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีประธาน กกต.จว.บุรีรัมย์ เป็นประธาน แจ้งข้อกล่าวหาและรับการชี้แจง ซึ่งทั้ง 3 คน ก็ได้รับทราบ และก็มีมีหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
เมื่อถามว่า ในกรณีเขตอื่นมีการเรียกว่าที่ ส.ส.เข้าชี้แจง นายประพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สำนวนต่างๆ เรามอบหมายให้ทางจังหวัดเป็นคนแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้ว และกรณีต่างๆ ที่มาชี้แจงต่อ กกต.กลาง ขณะนี้ ก็เป็นคำสั่งที่กกต.นัดหมายก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครคนใด ต้องการที่จะเข้าชี้แจงต่อ กกต.กลาง ก็สามารถแจ้งเข้ามาได้ แล้ว กกต.ก็จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป
"ที่มีข่าวว่า กกต.จะแจก 50-60 ใบแดง ไม่รู้เอาข่าวมาจากไหน เพราะกกต. ทำตามพยานหลักฐานที่มีและเป็นกลาง และจะเอาที่ไหนไปให้ขณะนั้น" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีข่าว นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนจะลาออก ว่าจะถอดใจหรือไม่ ให้ไปถามนายสมชัยเอง แต่คาดว่านายสมชัย คงไม่ถอดใจ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในภาวะทำงาน หากจะทิ้งหน้าที่ในภาวะวิกฤตจะทำให้ยุ่ง
**"สมชัย"กลับลำไม่ลาออก
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า เมื่อสักครู่ก็มีคนมาให้กำลังใจ ขอให้ปฎิบัติภารกิจให้เสร็จ นอกจากนี้พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้จัดการเลือกตั้งให้ยุติธรรม และลุล่วง ซึ่งตนก็รับใส่เกล้าฯ และที่ผ่านมาก็จัดการเลือกตั้งได้ดี และควรทำให้สำเร็จ เพื่อประคองให้ประเทศเดินต่อไปได้
เมื่อถามว่าจะทำภารกิจให้เสร็จสิ้นหมายถึง การจัดเลือกตั้งส.ว.ด้วยใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า งานหลักคือ การจัดการเลือกตั้งส.ส.ให้เรียบร้อย ส่วน ส.ว.เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะทำดูงานเฉพาะหน้าทำภารกิจให้สำเร็จ เมื่อถามต่อว่า รู้สึกอย่างไรที่หลายฝ่ายมองว่า ด้านสืบสวนสอบสวนไม่เป็นกลาง นายสมชัย กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เขาจับตามองสิถึงจะเป็นเรื่องดี ไม่สนใจสิ ถึงเป็นเรื่องแปลก ฝ่ายสอบสวนก็เป็นกลาง ก็ดูสิว่า เขายื่นซ้ายหรือขวา อย่าเอาความคิดเก่าๆ มาตัดสิน ต้องเข้าใจว่า หน้าที่ด้านสืบสวนของ กกต. ไม่ได้มีหน้าที่สืบสวนจริงๆ แต่มีหน้าที่อ่านสำนวนและนำเสนอสำนวนให้กกต. ทราบ ส่วนพนักงานสืบสวนในพื้นที่ เราใช้ตำรวจจาก สตช. และแต่งตั้งถึง 1,200 คน ซึ่งเราก็เสียเงินอบรมเป็นจำนวนมาก
"ปีใหม่ ก็อยากเห็นการพูดจาไพเราะ ภาษาดอกไม้ แต่ดอกไม้กับงานไปด้วยกันไม่ได้ ซึ่งงานต้องมาก่อน แล้วดอกไม้ค่อยตามมา"นายสมชัย กล่าว
**จี้กกต.ทบทวนมติปล่อย 2ว่าที่ส.ส.ปชป.
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันเดียวกันนี้ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) นำโดย นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ พร้อมประชาชนประมาณ 20 คน ได้เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสำนักงาน กกต. เรียกร้องให้ กกต.ทบทวนมติยกคำร้องกรณีที่ตนเองกล่าวหาว่า นายสุรเชษฐ มาศดิตถ์ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ว่าที่ ส.ส.เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ จ.นครศรีธรรมราช ใช้ให้ตัวแทนปราศรัยใส่ร้ายตน ภายหลังการยื่นหนังสือต่อ นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมฯ แล้ว นายสุรชัย กล่าวว่า การที่กกต.ยกคำร้องโดยให้เหตุผลว่า ไม่มีพยานยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวอยู่บนเวทีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนมีเทปเสียงการปราศรัยที่วัดสระ ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งเมื่อนายสุรเชษฐ ปราศรัยเสร็จ ก็มีการเชิญนายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งเป็นบิดา ของน.ส.พิมพ์ภัทรา และเป็น ผอ.เลือกตั้งเขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยโจมตีตน โดยมีถ้อยคำระบุว่า ตนด่าสถาบันเบื้องสูง ซึ่งยอมไม่ได้ เพราะตนเป็นนักโทษการเมืองคนสุดท้ายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่าน พระราชทานอภัยโทษ แล้วจะมากล่าวหาอย่างนี้ได้อย่าง
" ถามว่าที่นครราชสีมา มีการระบุว่าเป็นการเตรียมแจกเงินค่าขนคนไปฟังปราศรัย ผู้สมัครไม่รู้อยู่ที่ไหน นายตี๋ ก็ให้การว่าไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร แต่ กกต.แจกใบเหลืองเลย แต่กรณีนี้นายมาโนชญ์ เป็นพ่อ น.ส.พิมพ์ภัทรา เป็นผอ.เลือกตั้งเขตเลือกตั้งนี้ ตอนปราศรัย ผู้สมัครทั้ง 2 คนก็อยู่บนเวที กกต. กลับยกคำร้อง ผมจึงมายื่นขอให้ทบทวน เพราะเห็นว่า กกต. ก็พูดเองว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เที่ยงธรรม จึงอยากรู้ว่า ถ้าเป็น ปชป. ยกคำร้องเสียดื้อๆ แต่ถ้าเป็นพรรคพลังประชาชน แจกใบแดงใบเหลืองเสียง่ายๆ หรือเปล่า ซึ่งถ้ากกต.ไม่ทำอะไร ก็จะพิจารณาเรื่องการฟ้องร้องต่อไป ตอนนี้ก็ยื่นฟ้องที่ศาลนครศรีธรรมราชแล้ว"
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการยื่นหนังสือ ตัวแทน นปก. ก็ได้สอบถามนายสุเมธ ถึงข่าวที่ว่า กกต. มีการไปพบ คมช.จริงหรือไม่ และที่มีกระแสข่าวว่า จะมี กกต. 3 คนลาออก เพื่อให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ จริงหรือไม่ ซึ่งนายสุเมธ กล่าวว่า ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของกกต. ทำอย่างสุจริตเที่ยงธรรม ไม่อยู่ในอำนาจใคร ไม่มีใครสามารถกดดันการทำงานของกกต.ได้ และตนไม่เคยไปพบคมช.เลย และที่มีกระแสข่าวว่า กกต.จะลาออกก็ไม่เป็นความจริง เพราะทุกคนตั้งใจทำงาน อยากจะให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว
"ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ทุกอย่าง ทำไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ถ้าใครทำไม่ดีต่อประเทศ ก็ถือว่า พวกผมเนรคุณต่อประเทศชาติ" นายสุเมธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการปราศรัยที่หน้าสำนักงาน กกต.ของนายสรุชัย ยังได้มีการเสนอ 4 ข้อเรียกร้องต่อ กกต. ประกอบด้วย 1.ให้ กกต. ดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และหากมีการแทรกแซงก็ให้ กกต. ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ 2. การแจกใบเหลือง ใบแดง ต้องให้โอกาสผู้ถูกร้องเรียนชี้แจง และต้องไม่เลือกปฏิบัติ 3. ขอคัดค้านการพูดของนาง สดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ที่ระบุว่าหาก กกต. ถูกกดดันมากจะลาออก และส่งผลให้ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ การพูดเช่นนี้ ถือเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางการเมือง และการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และ 4. ขอรียกร้องให้ คมช. และอำนาจนอกระบบทุกกลุ่มทุกคน ยุติการแทรกแซงทางการเมือง
**พปช.กดดันกกต.ออกใบรับรอง
นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ในฐานะนายทะเบียนพรรค เปิดเผยว่าในช่วง2-3 วันนี้ ทางพรรคจะยังไม่ดำเนินการกรณีการยื่นคัดค้าน กรณีที่ กกต. มีมติให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เนื่องจากสมาชิกพรรคต้องการที่จะร่วมไว้อาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ในวันศุกร์ที่ 4 ธ.ค. เวลา 08.00 น. พรรคได้นัดว่าที่ ส.ส. เพื่อจะเคลื่อนขบวนรถไปที่ กกต. เพื่อขอใบรับรองการเป็นส.ส. โดยอาจจะมีทีมกฎหมาย เตรียมเอกสารการยื่นเรื่องคัดค้านการแจกใบแดงไปในคราวเดียวกันด้วย
**คมช.ถกปัญหากกต.ถูกแทรกแซง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วานนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ในฐษนะรักษาการประธานคมช. และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าพบ พล.อ. วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขา คมช. ซึ่งคาดว่าอาจจะมีการหารือถึงสถานการณ์ทั่วไป ภายหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ประกาศจัดตั้งรัฐบาล 254 เสียง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือครั้งนี้ แกนนำ คมช. ได้หารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง อาทิ ความคืบหน้าการทำงานของ กกต. โดยเฉพาะการรับรองผลการเลือกตั้ง ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกำลังอยู่ในการพิจารณาใบเหลืองใบแดง ทั้งนี้ แกนนำ คมช. มีความเป็นห่วงกรณีที่มีบางพรรคการเมือง พยายามแทรกแซงการทำงานของ กกต. โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ กกต. ประกาศให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส. บุรีรัมย์
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ได้ทำหนังสือร้องเรียนมาถึงประธาน คมช. เพื่อให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งของ กกต.บุรีรัมย์ และผู้ที่เป็นพยานในคดีทุจริตการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งผู้ที่มีข้อมุลการทุจริตและต้องการเข้าเป็นพยาน แต่ไม่กล้า เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากที่ผ่านมามีการข่มขู่พยาน และมีการใช้วิธีอุ้มผู้ที่จะเป็นพยาน เพื่อข่มขู่ให้เปลี่ยนใจ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ กกต. มีข้อมูลหลักฐานการจ่ายเงินชัดเจนว่า พรรคพลังประชาชน มีการจัดม็อบมาชุมนุมที่สำนักงาน กกต. ประจำบุรีรัมย์ เพื่อข่มขู่และกดดัน กกต. ที่แจกใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ กำลังพิจารณาข้อกฎหมายในการเอาผิดต่อพรรคพลังประชาชนได้หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่าในวันนี้( 3 ม.ค.) จะมีการประชุม คมช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดย พล.อ.อ.ชลิต จะนำเรื่องร้องเรียนที่มาถึงประธาน คมช. มาหารือ เพราะเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ กกต. เนื่องจากขณะนี้มีหลายคดีที่ไม่คืบหน้า เพราะพยานหลายคนถูกใช้อิทธิพลข่มขู่ ดังนั้น คมช. จะเสนอเรื่องนี้ผ่านไปยัง กกต. เพื่อเสนอให้ความร่วมมือในการสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยพยาน และผู้ที่จะเป็นพยานในคดีทุจริตการเลือกตั้ง รวมทั้งดูแลความปลอดภัย กกต.ในพื้นที่ที่มีอิทธิพล เพื่อให้การทำงานของ กกต.ไม่ถูกแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพล
อย่างไรก็ตามในวันนี้ ( 3 ม.ค. ) กกต.ก็จะประกาศรับรองว่าที่ ส.ส.ในส่วนที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน คิดว่าน่าจะประกาศได้ราว 100-200 คน ส่วนที่มีเรื่องร้องเรียนคาดว่า กกต.น่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ม.ค. แต่ทั้งนี้ คิดว่าการประกาศใบเหลืองใบแดงของกกต.จะไม่มีผลกระทบต่อการเปิดประชุมสภานัดแรก
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชน เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลที่มาทำหน้าที่หัวหน้าทีมคณะกรรมการสอบสวนชุดของสันติบาล นางสดศรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครกล่าวหา พล.ต.ต.ชัยยะอย่างเป็นทางการ มีแต่กล่าวหาผ่านสื่อ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. ที่ควรจะแถลงเรื่องการแต่งตั้งพล.ต.ต.ชัยยะ มาช่วยกกต.ทำงาน ซึ่งเรื่องเขาจะเป็นกลางหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่กกต.ต้องไปตรวจสอบ
นางสดศรี ยังแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีที่ศาลฎีกา จะมีคำสั่งในคำฟ้องที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ร้องขอให้สั่งให้การจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า และการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. เป็นโมฆะ โดยในวันนี้( 3 ธ.ค.) ศาลจะมีคำสั่งว่า จะออกคำคุ้มครองสั่งระงับการประกาศรับรองผล ส.ส.ไว้ก่อนหรือไม่ เพราะถ้าศาลฯ มีคำวินิจฉัยดังกล่าวคงมีปัญหาตามมาแน่ เพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อการประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ใหม่
**แจ้งข้อหาเพิ่ม 4 ว่าที่ส.ส.พปช.
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมกกต.วานนี้ ( 2 ม.ค.) ที่ประชุมได้มีการพิจารณาสำนวนเรื่องร้องคัดค้านเลือกตั้งที่ทางคณะกรรมการสอบสวนของตำรวจสันติบาล เป็นผู้เสนอรวม 13 สำนวน ประเภทข้อกล่าวหา ประกอบด้วย แจกวีซีดี และสัญญาจะให้เงิน 8 เรื่อง ติดป้ายผิดที่ 3 เรื่อง เจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง 1 เรื่อง และดูหมิ่นเหยียดหยามรัฐธรรมนูญ 1 เรื่อง โดยสำนวนที่ กกต. มีมติมอบหมายให้มีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม และหากเห็นว่ามีมูล ก็ให้แจ้งข้อกล่าวหารวมทั้งให้รับฟังคำชี้แจง 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1. กรณีนางบุญรื่น ศรีธเรศ นายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ นายคมเดช ไชยศิวามงคล ว่าที่ ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.กาฬสินธุ์ 2 กรณี นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ว่าที่ ส.ส เขต 2 พรรคพลังประชาชน จ.ชัยภูมิ ในกรณีแจกทรัพย์สินเป็นวีซีดี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 3. กรณี นายมีชัย จิตต์พิพัฒน์ และนายพลพีร์ สุวรรณฉวี ว่าที่ ส.ส.เขต 6 พรรคเพื่อแผ่นดิน จ.นครราชสีมา ข้อหาแจกเงิน
นอกจากนี้มีมติสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมให้ครบทุกประเด็น 2 เรื่อง คือ 1. กรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายวราวุธ ศิลปอาชา ว่าที่ ส.ส.เขต 1 พรรคชาติไทย จ.สุพรรณบุรี ในข้อหา กรรมการประจำหน่วยปฎิบัติหน้าที่มิชอบ 2. กรณีนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ว่าที่ ส.ส. พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี และนายอนุวัฒน์ วิเศษจินดารัตน์ ว่าที่ ส.ส. เขต 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน จ.นครราชสีมา ข้อหาแจกเงิน และ กกต.ยังมีมติให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้ติดแผ่นป้ายหาเสียง 1 เรื่อง และไม่รับเป็นเรื่องคัดค้าน 7 เรื่อง แบ่งเป็น พรรคพลังประชาชน 4 เรื่อง พรรคชาติไทย 2 เรื่อง กรณีผู้ทำหนังสือรัฐธรรมนวยฯ 1 เรื่อง
**ประธานกกต.บุรีรัมย์ถูกขู่ฆ่า
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ประธาน กกต.บุรีรัมย์ ระบุถูกขู่ฆ่า และเข้าชื่อขับไล่ว่า เพิ่งได้รับรายงานจากประธาน กกต.บุรีรัมย์ และกำลังตรวจสอบ พร้อมทั้งจะสำเนารายงานให้กกต.ทุกคนได้ดู ซึ่งต้องพิจารณาว่า เหตุที่เกิดมาจากอะไร และหากประชาชนไม่เข้าใจถึงกระบวนการ เราก็ต้องรีบชี้แจง เชื่อว่าเมื่อประชาชนไม่มีผลประโยชน์เข้าใจ แรงกดดันก็จะเบาบางลง เราก็ระวังเรื่องความเป็นกลาง และไม่มุ่งที่จะทำร้ายพรรคการเมืองใด การพิจารณาต้องทำตามพยานหลักฐาน อีกทั้งการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ยังต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการตรวจสอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาด้วย
เลขาธิการ กกต.ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยให้กับ กกต.จังหวัด ก็จะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสันติบาล เพื่อให้เข้ามาดูแลเช่นเดียวกับที่อาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงานกกต. ซึ่งมีข่าวว่า อาจจะมีม็อบมากดดัน โดยจะต้องตรวจสอบบุคลคล และยานพาหนะที่เข้าออก
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ที่มีการมองว่าไม่ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ว่าไม่เป็นความจริง เพราะกกต.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีประธาน กกต.จว.บุรีรัมย์ เป็นประธาน แจ้งข้อกล่าวหาและรับการชี้แจง ซึ่งทั้ง 3 คน ก็ได้รับทราบ และก็มีมีหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
เมื่อถามว่า ในกรณีเขตอื่นมีการเรียกว่าที่ ส.ส.เข้าชี้แจง นายประพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สำนวนต่างๆ เรามอบหมายให้ทางจังหวัดเป็นคนแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้ว และกรณีต่างๆ ที่มาชี้แจงต่อ กกต.กลาง ขณะนี้ ก็เป็นคำสั่งที่กกต.นัดหมายก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครคนใด ต้องการที่จะเข้าชี้แจงต่อ กกต.กลาง ก็สามารถแจ้งเข้ามาได้ แล้ว กกต.ก็จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป
"ที่มีข่าวว่า กกต.จะแจก 50-60 ใบแดง ไม่รู้เอาข่าวมาจากไหน เพราะกกต. ทำตามพยานหลักฐานที่มีและเป็นกลาง และจะเอาที่ไหนไปให้ขณะนั้น" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีข่าว นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนจะลาออก ว่าจะถอดใจหรือไม่ ให้ไปถามนายสมชัยเอง แต่คาดว่านายสมชัย คงไม่ถอดใจ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในภาวะทำงาน หากจะทิ้งหน้าที่ในภาวะวิกฤตจะทำให้ยุ่ง
**"สมชัย"กลับลำไม่ลาออก
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า เมื่อสักครู่ก็มีคนมาให้กำลังใจ ขอให้ปฎิบัติภารกิจให้เสร็จ นอกจากนี้พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้จัดการเลือกตั้งให้ยุติธรรม และลุล่วง ซึ่งตนก็รับใส่เกล้าฯ และที่ผ่านมาก็จัดการเลือกตั้งได้ดี และควรทำให้สำเร็จ เพื่อประคองให้ประเทศเดินต่อไปได้
เมื่อถามว่าจะทำภารกิจให้เสร็จสิ้นหมายถึง การจัดเลือกตั้งส.ว.ด้วยใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า งานหลักคือ การจัดการเลือกตั้งส.ส.ให้เรียบร้อย ส่วน ส.ว.เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะทำดูงานเฉพาะหน้าทำภารกิจให้สำเร็จ เมื่อถามต่อว่า รู้สึกอย่างไรที่หลายฝ่ายมองว่า ด้านสืบสวนสอบสวนไม่เป็นกลาง นายสมชัย กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เขาจับตามองสิถึงจะเป็นเรื่องดี ไม่สนใจสิ ถึงเป็นเรื่องแปลก ฝ่ายสอบสวนก็เป็นกลาง ก็ดูสิว่า เขายื่นซ้ายหรือขวา อย่าเอาความคิดเก่าๆ มาตัดสิน ต้องเข้าใจว่า หน้าที่ด้านสืบสวนของ กกต. ไม่ได้มีหน้าที่สืบสวนจริงๆ แต่มีหน้าที่อ่านสำนวนและนำเสนอสำนวนให้กกต. ทราบ ส่วนพนักงานสืบสวนในพื้นที่ เราใช้ตำรวจจาก สตช. และแต่งตั้งถึง 1,200 คน ซึ่งเราก็เสียเงินอบรมเป็นจำนวนมาก
"ปีใหม่ ก็อยากเห็นการพูดจาไพเราะ ภาษาดอกไม้ แต่ดอกไม้กับงานไปด้วยกันไม่ได้ ซึ่งงานต้องมาก่อน แล้วดอกไม้ค่อยตามมา"นายสมชัย กล่าว
**จี้กกต.ทบทวนมติปล่อย 2ว่าที่ส.ส.ปชป.
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันเดียวกันนี้ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) นำโดย นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ พร้อมประชาชนประมาณ 20 คน ได้เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสำนักงาน กกต. เรียกร้องให้ กกต.ทบทวนมติยกคำร้องกรณีที่ตนเองกล่าวหาว่า นายสุรเชษฐ มาศดิตถ์ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ว่าที่ ส.ส.เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ จ.นครศรีธรรมราช ใช้ให้ตัวแทนปราศรัยใส่ร้ายตน ภายหลังการยื่นหนังสือต่อ นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมฯ แล้ว นายสุรชัย กล่าวว่า การที่กกต.ยกคำร้องโดยให้เหตุผลว่า ไม่มีพยานยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวอยู่บนเวทีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนมีเทปเสียงการปราศรัยที่วัดสระ ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งเมื่อนายสุรเชษฐ ปราศรัยเสร็จ ก็มีการเชิญนายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งเป็นบิดา ของน.ส.พิมพ์ภัทรา และเป็น ผอ.เลือกตั้งเขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยโจมตีตน โดยมีถ้อยคำระบุว่า ตนด่าสถาบันเบื้องสูง ซึ่งยอมไม่ได้ เพราะตนเป็นนักโทษการเมืองคนสุดท้ายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่าน พระราชทานอภัยโทษ แล้วจะมากล่าวหาอย่างนี้ได้อย่าง
" ถามว่าที่นครราชสีมา มีการระบุว่าเป็นการเตรียมแจกเงินค่าขนคนไปฟังปราศรัย ผู้สมัครไม่รู้อยู่ที่ไหน นายตี๋ ก็ให้การว่าไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร แต่ กกต.แจกใบเหลืองเลย แต่กรณีนี้นายมาโนชญ์ เป็นพ่อ น.ส.พิมพ์ภัทรา เป็นผอ.เลือกตั้งเขตเลือกตั้งนี้ ตอนปราศรัย ผู้สมัครทั้ง 2 คนก็อยู่บนเวที กกต. กลับยกคำร้อง ผมจึงมายื่นขอให้ทบทวน เพราะเห็นว่า กกต. ก็พูดเองว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เที่ยงธรรม จึงอยากรู้ว่า ถ้าเป็น ปชป. ยกคำร้องเสียดื้อๆ แต่ถ้าเป็นพรรคพลังประชาชน แจกใบแดงใบเหลืองเสียง่ายๆ หรือเปล่า ซึ่งถ้ากกต.ไม่ทำอะไร ก็จะพิจารณาเรื่องการฟ้องร้องต่อไป ตอนนี้ก็ยื่นฟ้องที่ศาลนครศรีธรรมราชแล้ว"
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการยื่นหนังสือ ตัวแทน นปก. ก็ได้สอบถามนายสุเมธ ถึงข่าวที่ว่า กกต. มีการไปพบ คมช.จริงหรือไม่ และที่มีกระแสข่าวว่า จะมี กกต. 3 คนลาออก เพื่อให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ จริงหรือไม่ ซึ่งนายสุเมธ กล่าวว่า ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของกกต. ทำอย่างสุจริตเที่ยงธรรม ไม่อยู่ในอำนาจใคร ไม่มีใครสามารถกดดันการทำงานของกกต.ได้ และตนไม่เคยไปพบคมช.เลย และที่มีกระแสข่าวว่า กกต.จะลาออกก็ไม่เป็นความจริง เพราะทุกคนตั้งใจทำงาน อยากจะให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว
"ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ทุกอย่าง ทำไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ถ้าใครทำไม่ดีต่อประเทศ ก็ถือว่า พวกผมเนรคุณต่อประเทศชาติ" นายสุเมธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการปราศรัยที่หน้าสำนักงาน กกต.ของนายสรุชัย ยังได้มีการเสนอ 4 ข้อเรียกร้องต่อ กกต. ประกอบด้วย 1.ให้ กกต. ดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และหากมีการแทรกแซงก็ให้ กกต. ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ 2. การแจกใบเหลือง ใบแดง ต้องให้โอกาสผู้ถูกร้องเรียนชี้แจง และต้องไม่เลือกปฏิบัติ 3. ขอคัดค้านการพูดของนาง สดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ที่ระบุว่าหาก กกต. ถูกกดดันมากจะลาออก และส่งผลให้ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ การพูดเช่นนี้ ถือเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางการเมือง และการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และ 4. ขอรียกร้องให้ คมช. และอำนาจนอกระบบทุกกลุ่มทุกคน ยุติการแทรกแซงทางการเมือง
**พปช.กดดันกกต.ออกใบรับรอง
นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ในฐานะนายทะเบียนพรรค เปิดเผยว่าในช่วง2-3 วันนี้ ทางพรรคจะยังไม่ดำเนินการกรณีการยื่นคัดค้าน กรณีที่ กกต. มีมติให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เนื่องจากสมาชิกพรรคต้องการที่จะร่วมไว้อาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ในวันศุกร์ที่ 4 ธ.ค. เวลา 08.00 น. พรรคได้นัดว่าที่ ส.ส. เพื่อจะเคลื่อนขบวนรถไปที่ กกต. เพื่อขอใบรับรองการเป็นส.ส. โดยอาจจะมีทีมกฎหมาย เตรียมเอกสารการยื่นเรื่องคัดค้านการแจกใบแดงไปในคราวเดียวกันด้วย
**คมช.ถกปัญหากกต.ถูกแทรกแซง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วานนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ในฐษนะรักษาการประธานคมช. และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าพบ พล.อ. วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขา คมช. ซึ่งคาดว่าอาจจะมีการหารือถึงสถานการณ์ทั่วไป ภายหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ประกาศจัดตั้งรัฐบาล 254 เสียง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือครั้งนี้ แกนนำ คมช. ได้หารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง อาทิ ความคืบหน้าการทำงานของ กกต. โดยเฉพาะการรับรองผลการเลือกตั้ง ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกำลังอยู่ในการพิจารณาใบเหลืองใบแดง ทั้งนี้ แกนนำ คมช. มีความเป็นห่วงกรณีที่มีบางพรรคการเมือง พยายามแทรกแซงการทำงานของ กกต. โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ กกต. ประกาศให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส. บุรีรัมย์
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ได้ทำหนังสือร้องเรียนมาถึงประธาน คมช. เพื่อให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งของ กกต.บุรีรัมย์ และผู้ที่เป็นพยานในคดีทุจริตการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งผู้ที่มีข้อมุลการทุจริตและต้องการเข้าเป็นพยาน แต่ไม่กล้า เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากที่ผ่านมามีการข่มขู่พยาน และมีการใช้วิธีอุ้มผู้ที่จะเป็นพยาน เพื่อข่มขู่ให้เปลี่ยนใจ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ กกต. มีข้อมูลหลักฐานการจ่ายเงินชัดเจนว่า พรรคพลังประชาชน มีการจัดม็อบมาชุมนุมที่สำนักงาน กกต. ประจำบุรีรัมย์ เพื่อข่มขู่และกดดัน กกต. ที่แจกใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ กำลังพิจารณาข้อกฎหมายในการเอาผิดต่อพรรคพลังประชาชนได้หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่าในวันนี้( 3 ม.ค.) จะมีการประชุม คมช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดย พล.อ.อ.ชลิต จะนำเรื่องร้องเรียนที่มาถึงประธาน คมช. มาหารือ เพราะเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ กกต. เนื่องจากขณะนี้มีหลายคดีที่ไม่คืบหน้า เพราะพยานหลายคนถูกใช้อิทธิพลข่มขู่ ดังนั้น คมช. จะเสนอเรื่องนี้ผ่านไปยัง กกต. เพื่อเสนอให้ความร่วมมือในการสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยพยาน และผู้ที่จะเป็นพยานในคดีทุจริตการเลือกตั้ง รวมทั้งดูแลความปลอดภัย กกต.ในพื้นที่ที่มีอิทธิพล เพื่อให้การทำงานของ กกต.ไม่ถูกแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพล