เมื่อวานนี้ (1 ม.ค.) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยได้เปิดบ้านเพื่อให้ผู้ใกล้ชิดเข้าอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
พล.ต.สนั่น กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนประกาศจับขั้วกับ 3 พรรคเล็ก คือพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช ในการจัดตั้งรัฐบาล และเชิญชวนให้พรรคชาติไทยเข้าร่วมด้วยว่า ยังไม่ทราบว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย จะตัดสินใจอย่างไร เพราะต้องรอหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดินในวันนี้(2 ม.ค.) ก่อน ซึ่งหากตกลงกันไม่ได้ ก็ต่างคนต่างเดิน แต่หากตกลงกันได้ ก็ไปด้วยกัน เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปไดหรือไม่ที่จะต่างคนต่างเดิน พล.ต.สนั่นกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่เปอร์เซ็นต์น้อย
เมื่อถามว่า หากพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลจริงจะมีคำตอบให้สังคมอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคชาติไทยระบุว่า อาจไม่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะไปจัดตั้งรัฐบาลทางไหนได้ เราต้องดูความต้องการประชาชนเป็นอย่างไร ตั้งไม่ได้ธุรกิจต่างๆ เศรษฐกิจต่างๆ ก็จบ เลือกตั้งทั้งที่ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตั้งให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจของพรรคชาติไทย เพราะรอดูใบเหลืองใบแดงใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนได้วิเคราะห์ให้หัวหน้าพรรคชาติไทยฟังว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเดียวจะโดนใบแดง 20-30 ใบ นอกจากจะโดนคดีซีดี แล้วยุบพรรคไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเราจะไปบอกว่าได้ใบเหลืองใบแดง เฉพาะพรรคพลังประชาชนไม่น่าเป็นไปได้ เราวิเคราะห์แล้วต้องดูว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร แต่หากเกิดปัญหาโดนใบแดง 30-40 ใบจริง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีก คือไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้เหมือนกัน
เมื่อถามว่าเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อที่พรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดินขอไป แต่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็ยังออกมาพูดเรื่องมือที่มองไม่เห็น ซึ่งตรงนี้พรรคชาติไทย จะหารือในเรื่องนี้อีกหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคชาติไทย แต่เงื่อนไขทั้ง 5 ข้อ พรรคพลังประชาชนพร้อมรับอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าการที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่าต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาล เพราะกลัวมือที่มองไม่เห็นเป็นอุปสรรคทำให้พรรคพลังประชาชนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบา ลได้ คืออะไร พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าหมายความว่าอะไร ตามไม่ทัน มือใครก็ไม่รู้
ส่วนที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่า กลัวกกต.จะถูกแทรกแซง จึงรีบออกมาแถลงจัดตั้งรัฐบาล พล.ต.สนั่นกล่าวว่า กกต.ตัดสินตามพยานหลักฐาน ใครจะไปแทรกแซง กกต.คงลำบาก ซึ่งกกต.แต่ละท่านมาจากศาล มาจากอัยการสูงสุด เชื่อว่า 5 เสือกกต. เป็นผู้มีคุณธรรม
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนที่พรรคเล็กทั้ง 3 พรรคจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินจัดตั้งรัฐบาล พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ก็ตั้งไม่ได้ แม้ว่าหมดก็ได้เพียง 247 เสียง ก็ตั้งไม่ได้ ถ้าตั้งได้ก็ตั้งแบบเล่นๆ แล้วก็ล่ม ทางพรรคพลังประชาชน ก็เหมือนกัน 254 เสียงโดนใบแดงไป 3 ใบ เหลือ 251 เสียงก็ตั้งไม่ได้ ตั้งเล่นๆเหมือนกัน แล้วก็ล่ม
หากนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคชาติไทยจะรับได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องถามพรรคพลังประชาชนก่อนว่า รับได้หรือไม่ เมื่อถามย้ำว่าพรรคพลังประชาชนรับได้ พรรคชาติไทยรับได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น ยิ้มๆ และไม่ตอบ
**จับตาเลือกนายกฯอาจมีงูเห่าภาค2
เมื่อถามว่าในวันที่สภาผู้แทนฯจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี สถานการณ์อาจจะพลิกได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคพลังประชาชน เพราะถ้าจะพลิก ก็ต้องพลิกด้วยพรรคตัวเอง ตัวนายกฯจะไปพลิกตอนที่เปิดสภา แล้วตอนเสนอนายกฯ ว่าพรรคอะไรจะเสนอใครเข้ามาเป็นนายกฯ แข่งหรือไม่ เช่น พรรคพลังประชาชน เสนอนายสมัคร พรรคประชาธิปัตย์ เสนอ นายชวน หลีกภัย แต่ปรากฏว่า พรรคเพื่อแผ่นดิน เสนอ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นนายกฯ จะทำอย่างไร ต้องอยู่ที่พรรคตัวเอง จะทำอย่างไรในการคุมเสียง โดยวันนั้นจะเป็นวันที่น่าจับตามอง เนื่องจากไม่สามารถใช้มติพรรคควบคุม ส.ส.ของตัวเองได้ ถ้าลูกพรรคพลังประชาชนมาเทคะแนนให้อีกฝ่ายหนึ่งก็ยุ่ง ซึ่งเป็นการตั้งสมมุติฐานว่า อาจะเป็นอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะซ้ำรอยตำนานงูเห่า หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าว่าก็เกิดได้ ถ้าในอดีต ส.ส.ต้องฟังมติพรรคไม่อย่างนั้นจะถูกขับออก แต่ตอนนี้ส.ส.มีอิสระ จะเลือกใครเป็นนายกฯ ก็ได้ถือว่าไม่มีความผิด งูเห่า ก็เกิดขึ้นได้เสมอ
เมื่อถามว่าโดยธรรมเนียมพรรคเล็กที่เข้าร่วมรัฐบาล สามารถโหวตนายกฯ สวนทางได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า โหวตสวนได้ ไม่ผิดมารยาท และไม่ผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทย พร้อมเสนอนายบรรหาร เป็นนายกฯ หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ขอวิเคราะห์ดูก่อน ถ้าระส่ำระส่ายอาจจะเสนอก็ได้ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการเสนอ
ต่อข้อซักถามที่ว่าถ้าพรรคชาติไทยเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย จะชูมือให้นายสมัคร เป็นนายกฯ หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า หากเราเข้าร่วม แต่เรามีข้อแม้ไม่เอา แต่เขาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนแล้วเราจะไปเรียกร้องอะไร เมื่อถามว่า หารือระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคชาติไทยในวันนี้ จะไม่ใช่การตัดสินใจครั้งสุดท้ายใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ใช่การตัดสินใจครั้งสุดท้าย เพราะการตัดสินใจครั้งสุดท้ายคือ การลงมติเลือกนายกฯ
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า จนวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยยังเป็นพันธมิตรกันอยู่ หากพรรคชาติไทยตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ก็ต้องนัดกินข้าวร่วมกัน เพื่ออธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็น ถ้าเราเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แล้วมีช้อนเงินช้อนทอง ภาคต่อไป
**ชี้รัฐบาลปริ่มน้ำทำงานไม่ได้
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกา จะพิจารณาใบแดง ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง เสนอมาโดยต้องพิจารณาภายใน 5 วัน ว่า ในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ทั้งกฤษฎีกา และ กกต.จะมีการประสานกันเป็นการภายในอยู่แล้ว เพื่อจะได้มีเวลาอ่านสำนวนและสรุปสำนวน เมื่อถึงเวลาที่จะส่งต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา จะได้รวดเร็วขึ้น เพราะแนวทางปฏิบัติที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น
นายมีชัย กล่าวว่า หากมีการให้ใบเหลืองใบแดง กับพรรคการเมืองซีกใดซีกหนึ่งมาก อาจเกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนขั้วการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้บัญญัติไว้ว่า หากมีจำนวนสมาชิกตั้งแต่ร้อยละ 95 ขึ้นไป สามารถเปิดประชุม สภาแทนราษฎรได้ แต่ถ้าเสียงปริ่มๆ แล้วพวกที่โดนใบแดง ไปเลือกตั้งซ่อม เมื่อผลเลือกตั้งออกมาว่า อีกฝ่ายชนะแล้วจะทำอย่างไร เรื่องนี้พูดกันมาตั้งแต่ตอนร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งผู้ร่าง ต้องการให้เปิดประชุมสภาได้เร็ว แต่จะเป็นการสร้างปัญหาทางการเมืองหรือไม่ เพราะการแพ้ชนะกันไม่กี่เสียง จะทำให้เกิดการเสียเปรียบได้เปรียบกันแค่ไหน ถ้าชนะกันเกินครึ่งมามากก็ไม่มีปัญหา
หากไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ภายใน 30 วัน จะมีปัญหาอะไรหรือไม่นั้น นายมีชัย กล่าวว่า ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ยังเปิดไม่ได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญระบุให้เปิดสภาได้ภายใน 30 วัน ก็เป็นการบังคับไม่ให้ฝ่ายบริหารตีกัน หรือนั่งแช่ แต่ไม่ได้บังคับ กกต. หาก กกต.ทำไม่ทันก็เปิดประชุมสภาฯ ไม่ได้ อย่าไปกลัวเรื่องกำหนดเวลา 30 วัน หากต้องเกินมันก็ต้องเกิน แต่คิดว่าคงไม่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะ กกต.ตระหนักดีอยู่แล้ว แต่หากเกิดจริง ก็ช่วยไม่ได้
นายมีชัย ยังกล่าวถึงปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ถ้ารัฐบาลชุดใหม่จัดตั้งขึ้นมาด้วยเสียงที่ปริ่มๆ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยว่าตั้งใครเป็นรัฐมนตรี ถ้าตั้ง ส.ส.เป็นรัฐมนตรี เวลาลงคะแนนเสียงตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส.จะไม่มีสิทธิ์ลงคะแนน ถ้าตั้งรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส.มาก รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็จะทำงานลำบาก ยังไม่ต้องนึกถึงว่าบางคนอาจจะมีภารกิจ หรือไปเข้าห้องน้ำ ก็อาจจะประชุมกันไม่ได้
เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลสามารถที่จะล้มได้ตลอดเวลา นายมีชัย กล่าวว่าก็น่าหวาดเสียว ส่วนทางแก้ก็อาจจะตั้งรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก เพราะรัฐธรรมนูญก็เปิดอยู่แล้ว ห้ามเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่แนวทางการเมืองของแต่ละพรรคจะเป็นได้มากน้อยแค่ไหน
หากพรรคพลังประชาชนได้จัดตั้งรัฐบาล แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมา อาจมีการเช็กบิล จะทำให้สถานการณ์การเมืองเกิดความรุนแรงหรือไม่ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่รู้เรื่อง เช็กบิลคงไม่ เพราะทำไปยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น เมื่อถามว่า พรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาลจะสร้างความแตกแยกกับบ้านเมืองหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า มาคิดทำไมตอนนี้ ต้องคิดตั้งแต่ก่อนลงคะแนน มันสายเกินไปแล้ว เมื่อถามย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ คิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งเหมาะสมหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคก็คิดตั้งรัฐบาล เพราะอยากเป็นรัฐบาล เป็นเรื่องธรรมชาติของพรรคการเมือง เหมือนบริษัทหากไม่คิดเรื่องกำไร ก็ไม่ใช่บริษัท
**จวกพปช.ชิงตั้งรัฐบาลก่อนรับรองส.ส.
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่การจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำในขณะนี้ แค่เริ่มต้นก็สร้างตวามเคลือบแคลงสงสัยและสร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนว่า รัฐบาลชุดใหม่จะทำให้บ้านเมืองสมานฉันท์ และเดินหน้าสู่การแก้ไขวิกฤติของประเทศอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะการพยายามพูดถึงมือที่มองไม่เห็น หรือมือสกปรกขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ หากมีหลักฐานก็ควรนำมาชี้แจงประชาชนจะได้รู้ใครเป็นใครและทำอะไรอยู่ เพราะรู้ทั้งรู้ว่า กรณีดังกล่าวเป็นปมที่สร้างความแตกแยก นับตั้งแต่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ โดยไม่คำนึงถึงพฤติกรรมของตัวเอง จนสร้างปัญหาตามมามากมาย
อย่างไรก็ตาม หลังเลือกตั้งทุกฝ่ายก็เคารพผลการเลือกตั้ง และมอบความชอบธรรมให้กับพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และส่อว่าจะทำใหเกิดการเผชิญหน้ากันอีกรอบ
"ผมอยากทราบเหมือนกันว่า พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินจะอธิบายกับประชาชนอย่างไร ทั้งที่เคยเอาการพาดพิงโจมตีประธานองคมนตรีมาเป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เคยประกาศไว้หลายครั้งว่าจะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ที่นับถือมา 30 ปี ต้องผิดหวัง" นายสุริยะใส กล่าว
นอกจากนี้การประกาศจัดตั้งรัฐบาลกับ 3 พรรคเล็ก 254 เสียง ก็ถือเป็นครรลองที่ไม่เหมาะสม เพราะ กกต. ยังไม่รับรอง ส.ส. แม้แต่คนเดียว ที่สำคัญมี ว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน 3 คนโดนใบแดง และอีก 3 คนได้ใบเหลือง จาก กกต. ทำให้เหลือว่าที่ สส.เพียง 248 คน ที่สำคัญยังไม่มีใครรู้ว่า จะมีว่าที่ ส.ส. อีกกี่คนหรืออีกกี่พรรค ที่ได้รับใบเหลืองใบแดง จาก กกต.อีก
พรรคพลังประชาชนเรียกร้องให้คนอื่นเคารพกติกา และครรลองแต่ตัวเองกลับปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เหมาะสม น่าจะรอการรับรองจาก กกต. อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคพลังประชาชน ก็เคยแถลงว่าจะประกาศจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 4 ม.ค. หลัง กกต.รับรองผลกการเลือกตั้ง 1 วัน ทำให้เชื่อได้ว่า เป็นแผนกดดันพรรคอื่น และกดดัน กกต.ไปในตัวด้วย
ส่วนการทำงานของ กกต. ที่ล่าช้านั้นคงเกิดจาก กกต.บางคนทั้ง กกต.ส่วนกลาง และ กกต.จังหวัดเป็นคนของอำนาจเก่าทำให้เอาผิดใครไม่ได้ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเห็นว่ามีการทุจริตซื้อเสียงกันมากมาย ที่สำคัญกระบวนการสอบสวนก็พบว่ามีปัญหาไม่ชอบมาพากล หากไม่ได้ทางตำรวจสันติบาลไปช่วย อาจจับมือใครดมไม่ได้
ดังนั้น ครป.จึงขอสนับสนุนการทำงานของตำรวจสันติบาล ตามคำสั่งแต่งตั้งของ กกต. เพื่อให้การสอบสวนหาพยานหลักฐานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
**อัดพปช.พูดให้ชัดเรื่องมือสกปรก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนร่วมกับ 3 พรรคเล็ก ว่า การที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่า มีมือสกปรกมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน ถือเป็นคำพูดที่ทำให้สังคมกังขา ในความหมายว่าคือใคร ถ้ามือสกปรกในความหมายของหัวหน้าพรรคพลังประชาชน หมายถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ จึงเป็นข้อสงสัยในข้อเสนอ 5 ข้อ ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เสนอให้กับพรรคพลังประชาชนมีอยู่หนึ่งข้อที่จะไม่จาบจ้วงประธานองคมนตรี ซึ่งหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ จึงอยากให้พรรคพลังประชาชนชี้แจงให้ชัดว่า มือสกปรกที่มา ขัดขวางหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงบุคคลระดับสูงตามที่นายสมัคร เคยพูดไว้ ตนคิดว่าพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน น่าจะพิจารณาดูว่าสิ่งที่พรรคพลังประชาชนตอบรับข้อเสนอนั้นจะเป็นจริงหรือไม่
"ผมเชื่อว่า มือที่สกปรกที่จะขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนไม่น่าจะมี แต่เชื่อว่าน่าจะมีเฉพาะมือที่สกปรกสนับสนุนให้นายสมัครจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรีได้ต่างหาก เพราะหากได้ดูคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากฮ่องกง ผ่านสื่อฉบับหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล และดำเนินการเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชนอย่างแท้จริง อยากฝากเรื่องนี้ไปยัง คุณวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ที่ได้ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชาชน ในกรณีที่พรรคเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผมเชื่อว่าคำสัมภาษณ์ชิ้นนี้ สามารถนำเป็นหลักฐานไปยื่นกับ กกต.” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการพิจารณาใบเหลืองใบแดงของ กกต. ว่า เคยให้ข้อสังเกตตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งว่า กกต.ควรให้ใบเหลืองใบแดงกับผู้กระทำผิดกฎหมายก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากให้หลังการเลือกตั้ง จะมีปฏิกิริยากดดัน กกต.เป็นอย่างมาก แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมาถึงวันนี้ ไม่อยากให้การพิจารณาใบแดงใบเหลือง เป็นเรื่องของการให้ตามสัดส่วนของจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคการเมือง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ควรพิจารณาตามข้อเท็จจริงตามสำนวนที่มีการฟ้องร้อง และอยากให้ กกต.ให้ความสำคัญสำนวนขององค์กรที่เป็นกลางส่งมาพิจารณาด้วย เช่น ตำรวจสันติบาล กอ.รมน. และพีเน็ต เพราะเชื่อว่าสำนวนเหล่านี้ น่าจะเป็นธรรมมากที่สุด
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชาชนจับมือกับพรรคเล็กตั้งรัฐบาลว่า ถ้าดูจากคำให้สัมภาษณ์ก็เป็นแผนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อบีบพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน และพ.ต.ท.ทักษิณ ยังพูดว่า รัฐบาลจะต้องมีเสียง 315 เสียง และให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว นี่เป็นสัญญาณจากฮ่องกงอยู่แล้ว นายสมัคร และคนในพรรคพลังประชาชนก็ได้ดำเนินการตามแผนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำกับทั้งหมด
ส่วนนายสมัครเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเทพไท กล่าวว่า นายสมัครจะเป็นหรือไม่เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ที่มือของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะหลายคนที่เราเห็นว่า ไม่เหมาะสม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เอามาใช้ คนหลายคนที่เราเห็นว่าเหมาะและเป็นคนดี พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เอามาใช้ มาตรฐานของพรรคพลังประชาชนอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
**รัฐบาลใหม่ต้องไม่เป็นนอมินีของใคร
นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่า อยากเห็นรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพรรคใด ต้องตระหนักถึงหน้าที่บริหารนำพาประเทศสู่ความเจริญ ทั้งความมั่งคงทางเศรษฐกิจ ความเรียบร้อย ความสมานฉันท์ ที่จะไม่เกิดความแตกแยก ด้วยการเสียสละทุ่มเท คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะรัฐบาลในฐานะตัวแทนประชาชน จะต้องไม่ยึดประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ทำความคำปฏิญาณที่ได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โฆษก คตส. กล่าวว่า ต้องลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา จะต้องไม่เป็นตัวแทน หรือเป็นนอมินีของใคร และต้องไม่คำนึงถึงประโยชน์ของนอมินี ต้องไม่ตอบแทนคนอื่นนอกจากประชาชน ขณะเดียวกัน หากพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ควรทำตามสิ่งที่เคยประกาศไว้ในการช่วยเหลือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งการออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ และการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หากยังฝืนทำ อาจจะทำให้การบริหารงานของรัฐบาลไม่ราบรื่น ไม่สง่างาม และไม่เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ
นายสัก กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ทั้งจากประชาชนที่ไม่เห็นด้วย รับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว จะออกมาต่อต้าน ส่วนหากใครเข้ามาเป็นรัฐบาลจะสามารถสร้างความสมานฉันท์ได้หรือไม่นั้น ถือเป็นความท้าทายของผู้ที่อาสาเข้ามาทำงานให้บ้านเมือง ถ้าหากเข้ามาในช่วงเวลาที่เป็นความวิตกกังวลของทุกฝ่าย แล้วมาทำงานเป็นความหวังของประชาชนอย่างแท้จริงก็ถือว่าสอบผ่าน
พล.ต.สนั่น กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนประกาศจับขั้วกับ 3 พรรคเล็ก คือพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช ในการจัดตั้งรัฐบาล และเชิญชวนให้พรรคชาติไทยเข้าร่วมด้วยว่า ยังไม่ทราบว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย จะตัดสินใจอย่างไร เพราะต้องรอหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดินในวันนี้(2 ม.ค.) ก่อน ซึ่งหากตกลงกันไม่ได้ ก็ต่างคนต่างเดิน แต่หากตกลงกันได้ ก็ไปด้วยกัน เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปไดหรือไม่ที่จะต่างคนต่างเดิน พล.ต.สนั่นกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่เปอร์เซ็นต์น้อย
เมื่อถามว่า หากพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลจริงจะมีคำตอบให้สังคมอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคชาติไทยระบุว่า อาจไม่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะไปจัดตั้งรัฐบาลทางไหนได้ เราต้องดูความต้องการประชาชนเป็นอย่างไร ตั้งไม่ได้ธุรกิจต่างๆ เศรษฐกิจต่างๆ ก็จบ เลือกตั้งทั้งที่ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตั้งให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจของพรรคชาติไทย เพราะรอดูใบเหลืองใบแดงใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนได้วิเคราะห์ให้หัวหน้าพรรคชาติไทยฟังว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเดียวจะโดนใบแดง 20-30 ใบ นอกจากจะโดนคดีซีดี แล้วยุบพรรคไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเราจะไปบอกว่าได้ใบเหลืองใบแดง เฉพาะพรรคพลังประชาชนไม่น่าเป็นไปได้ เราวิเคราะห์แล้วต้องดูว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร แต่หากเกิดปัญหาโดนใบแดง 30-40 ใบจริง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีก คือไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้เหมือนกัน
เมื่อถามว่าเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อที่พรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดินขอไป แต่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็ยังออกมาพูดเรื่องมือที่มองไม่เห็น ซึ่งตรงนี้พรรคชาติไทย จะหารือในเรื่องนี้อีกหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคชาติไทย แต่เงื่อนไขทั้ง 5 ข้อ พรรคพลังประชาชนพร้อมรับอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าการที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่าต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาล เพราะกลัวมือที่มองไม่เห็นเป็นอุปสรรคทำให้พรรคพลังประชาชนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบา ลได้ คืออะไร พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าหมายความว่าอะไร ตามไม่ทัน มือใครก็ไม่รู้
ส่วนที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่า กลัวกกต.จะถูกแทรกแซง จึงรีบออกมาแถลงจัดตั้งรัฐบาล พล.ต.สนั่นกล่าวว่า กกต.ตัดสินตามพยานหลักฐาน ใครจะไปแทรกแซง กกต.คงลำบาก ซึ่งกกต.แต่ละท่านมาจากศาล มาจากอัยการสูงสุด เชื่อว่า 5 เสือกกต. เป็นผู้มีคุณธรรม
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนที่พรรคเล็กทั้ง 3 พรรคจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินจัดตั้งรัฐบาล พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ก็ตั้งไม่ได้ แม้ว่าหมดก็ได้เพียง 247 เสียง ก็ตั้งไม่ได้ ถ้าตั้งได้ก็ตั้งแบบเล่นๆ แล้วก็ล่ม ทางพรรคพลังประชาชน ก็เหมือนกัน 254 เสียงโดนใบแดงไป 3 ใบ เหลือ 251 เสียงก็ตั้งไม่ได้ ตั้งเล่นๆเหมือนกัน แล้วก็ล่ม
หากนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคชาติไทยจะรับได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องถามพรรคพลังประชาชนก่อนว่า รับได้หรือไม่ เมื่อถามย้ำว่าพรรคพลังประชาชนรับได้ พรรคชาติไทยรับได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น ยิ้มๆ และไม่ตอบ
**จับตาเลือกนายกฯอาจมีงูเห่าภาค2
เมื่อถามว่าในวันที่สภาผู้แทนฯจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี สถานการณ์อาจจะพลิกได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคพลังประชาชน เพราะถ้าจะพลิก ก็ต้องพลิกด้วยพรรคตัวเอง ตัวนายกฯจะไปพลิกตอนที่เปิดสภา แล้วตอนเสนอนายกฯ ว่าพรรคอะไรจะเสนอใครเข้ามาเป็นนายกฯ แข่งหรือไม่ เช่น พรรคพลังประชาชน เสนอนายสมัคร พรรคประชาธิปัตย์ เสนอ นายชวน หลีกภัย แต่ปรากฏว่า พรรคเพื่อแผ่นดิน เสนอ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นนายกฯ จะทำอย่างไร ต้องอยู่ที่พรรคตัวเอง จะทำอย่างไรในการคุมเสียง โดยวันนั้นจะเป็นวันที่น่าจับตามอง เนื่องจากไม่สามารถใช้มติพรรคควบคุม ส.ส.ของตัวเองได้ ถ้าลูกพรรคพลังประชาชนมาเทคะแนนให้อีกฝ่ายหนึ่งก็ยุ่ง ซึ่งเป็นการตั้งสมมุติฐานว่า อาจะเป็นอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะซ้ำรอยตำนานงูเห่า หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าว่าก็เกิดได้ ถ้าในอดีต ส.ส.ต้องฟังมติพรรคไม่อย่างนั้นจะถูกขับออก แต่ตอนนี้ส.ส.มีอิสระ จะเลือกใครเป็นนายกฯ ก็ได้ถือว่าไม่มีความผิด งูเห่า ก็เกิดขึ้นได้เสมอ
เมื่อถามว่าโดยธรรมเนียมพรรคเล็กที่เข้าร่วมรัฐบาล สามารถโหวตนายกฯ สวนทางได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า โหวตสวนได้ ไม่ผิดมารยาท และไม่ผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทย พร้อมเสนอนายบรรหาร เป็นนายกฯ หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ขอวิเคราะห์ดูก่อน ถ้าระส่ำระส่ายอาจจะเสนอก็ได้ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการเสนอ
ต่อข้อซักถามที่ว่าถ้าพรรคชาติไทยเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย จะชูมือให้นายสมัคร เป็นนายกฯ หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า หากเราเข้าร่วม แต่เรามีข้อแม้ไม่เอา แต่เขาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนแล้วเราจะไปเรียกร้องอะไร เมื่อถามว่า หารือระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคชาติไทยในวันนี้ จะไม่ใช่การตัดสินใจครั้งสุดท้ายใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ใช่การตัดสินใจครั้งสุดท้าย เพราะการตัดสินใจครั้งสุดท้ายคือ การลงมติเลือกนายกฯ
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า จนวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยยังเป็นพันธมิตรกันอยู่ หากพรรคชาติไทยตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ก็ต้องนัดกินข้าวร่วมกัน เพื่ออธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็น ถ้าเราเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แล้วมีช้อนเงินช้อนทอง ภาคต่อไป
**ชี้รัฐบาลปริ่มน้ำทำงานไม่ได้
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกา จะพิจารณาใบแดง ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง เสนอมาโดยต้องพิจารณาภายใน 5 วัน ว่า ในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ทั้งกฤษฎีกา และ กกต.จะมีการประสานกันเป็นการภายในอยู่แล้ว เพื่อจะได้มีเวลาอ่านสำนวนและสรุปสำนวน เมื่อถึงเวลาที่จะส่งต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา จะได้รวดเร็วขึ้น เพราะแนวทางปฏิบัติที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น
นายมีชัย กล่าวว่า หากมีการให้ใบเหลืองใบแดง กับพรรคการเมืองซีกใดซีกหนึ่งมาก อาจเกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนขั้วการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้บัญญัติไว้ว่า หากมีจำนวนสมาชิกตั้งแต่ร้อยละ 95 ขึ้นไป สามารถเปิดประชุม สภาแทนราษฎรได้ แต่ถ้าเสียงปริ่มๆ แล้วพวกที่โดนใบแดง ไปเลือกตั้งซ่อม เมื่อผลเลือกตั้งออกมาว่า อีกฝ่ายชนะแล้วจะทำอย่างไร เรื่องนี้พูดกันมาตั้งแต่ตอนร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งผู้ร่าง ต้องการให้เปิดประชุมสภาได้เร็ว แต่จะเป็นการสร้างปัญหาทางการเมืองหรือไม่ เพราะการแพ้ชนะกันไม่กี่เสียง จะทำให้เกิดการเสียเปรียบได้เปรียบกันแค่ไหน ถ้าชนะกันเกินครึ่งมามากก็ไม่มีปัญหา
หากไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ภายใน 30 วัน จะมีปัญหาอะไรหรือไม่นั้น นายมีชัย กล่าวว่า ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ยังเปิดไม่ได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญระบุให้เปิดสภาได้ภายใน 30 วัน ก็เป็นการบังคับไม่ให้ฝ่ายบริหารตีกัน หรือนั่งแช่ แต่ไม่ได้บังคับ กกต. หาก กกต.ทำไม่ทันก็เปิดประชุมสภาฯ ไม่ได้ อย่าไปกลัวเรื่องกำหนดเวลา 30 วัน หากต้องเกินมันก็ต้องเกิน แต่คิดว่าคงไม่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะ กกต.ตระหนักดีอยู่แล้ว แต่หากเกิดจริง ก็ช่วยไม่ได้
นายมีชัย ยังกล่าวถึงปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ถ้ารัฐบาลชุดใหม่จัดตั้งขึ้นมาด้วยเสียงที่ปริ่มๆ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยว่าตั้งใครเป็นรัฐมนตรี ถ้าตั้ง ส.ส.เป็นรัฐมนตรี เวลาลงคะแนนเสียงตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส.จะไม่มีสิทธิ์ลงคะแนน ถ้าตั้งรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส.มาก รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็จะทำงานลำบาก ยังไม่ต้องนึกถึงว่าบางคนอาจจะมีภารกิจ หรือไปเข้าห้องน้ำ ก็อาจจะประชุมกันไม่ได้
เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลสามารถที่จะล้มได้ตลอดเวลา นายมีชัย กล่าวว่าก็น่าหวาดเสียว ส่วนทางแก้ก็อาจจะตั้งรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก เพราะรัฐธรรมนูญก็เปิดอยู่แล้ว ห้ามเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่แนวทางการเมืองของแต่ละพรรคจะเป็นได้มากน้อยแค่ไหน
หากพรรคพลังประชาชนได้จัดตั้งรัฐบาล แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมา อาจมีการเช็กบิล จะทำให้สถานการณ์การเมืองเกิดความรุนแรงหรือไม่ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่รู้เรื่อง เช็กบิลคงไม่ เพราะทำไปยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น เมื่อถามว่า พรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาลจะสร้างความแตกแยกกับบ้านเมืองหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า มาคิดทำไมตอนนี้ ต้องคิดตั้งแต่ก่อนลงคะแนน มันสายเกินไปแล้ว เมื่อถามย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ คิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งเหมาะสมหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคก็คิดตั้งรัฐบาล เพราะอยากเป็นรัฐบาล เป็นเรื่องธรรมชาติของพรรคการเมือง เหมือนบริษัทหากไม่คิดเรื่องกำไร ก็ไม่ใช่บริษัท
**จวกพปช.ชิงตั้งรัฐบาลก่อนรับรองส.ส.
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่การจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำในขณะนี้ แค่เริ่มต้นก็สร้างตวามเคลือบแคลงสงสัยและสร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนว่า รัฐบาลชุดใหม่จะทำให้บ้านเมืองสมานฉันท์ และเดินหน้าสู่การแก้ไขวิกฤติของประเทศอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะการพยายามพูดถึงมือที่มองไม่เห็น หรือมือสกปรกขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ หากมีหลักฐานก็ควรนำมาชี้แจงประชาชนจะได้รู้ใครเป็นใครและทำอะไรอยู่ เพราะรู้ทั้งรู้ว่า กรณีดังกล่าวเป็นปมที่สร้างความแตกแยก นับตั้งแต่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ โดยไม่คำนึงถึงพฤติกรรมของตัวเอง จนสร้างปัญหาตามมามากมาย
อย่างไรก็ตาม หลังเลือกตั้งทุกฝ่ายก็เคารพผลการเลือกตั้ง และมอบความชอบธรรมให้กับพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และส่อว่าจะทำใหเกิดการเผชิญหน้ากันอีกรอบ
"ผมอยากทราบเหมือนกันว่า พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินจะอธิบายกับประชาชนอย่างไร ทั้งที่เคยเอาการพาดพิงโจมตีประธานองคมนตรีมาเป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เคยประกาศไว้หลายครั้งว่าจะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ที่นับถือมา 30 ปี ต้องผิดหวัง" นายสุริยะใส กล่าว
นอกจากนี้การประกาศจัดตั้งรัฐบาลกับ 3 พรรคเล็ก 254 เสียง ก็ถือเป็นครรลองที่ไม่เหมาะสม เพราะ กกต. ยังไม่รับรอง ส.ส. แม้แต่คนเดียว ที่สำคัญมี ว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน 3 คนโดนใบแดง และอีก 3 คนได้ใบเหลือง จาก กกต. ทำให้เหลือว่าที่ สส.เพียง 248 คน ที่สำคัญยังไม่มีใครรู้ว่า จะมีว่าที่ ส.ส. อีกกี่คนหรืออีกกี่พรรค ที่ได้รับใบเหลืองใบแดง จาก กกต.อีก
พรรคพลังประชาชนเรียกร้องให้คนอื่นเคารพกติกา และครรลองแต่ตัวเองกลับปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เหมาะสม น่าจะรอการรับรองจาก กกต. อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคพลังประชาชน ก็เคยแถลงว่าจะประกาศจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 4 ม.ค. หลัง กกต.รับรองผลกการเลือกตั้ง 1 วัน ทำให้เชื่อได้ว่า เป็นแผนกดดันพรรคอื่น และกดดัน กกต.ไปในตัวด้วย
ส่วนการทำงานของ กกต. ที่ล่าช้านั้นคงเกิดจาก กกต.บางคนทั้ง กกต.ส่วนกลาง และ กกต.จังหวัดเป็นคนของอำนาจเก่าทำให้เอาผิดใครไม่ได้ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเห็นว่ามีการทุจริตซื้อเสียงกันมากมาย ที่สำคัญกระบวนการสอบสวนก็พบว่ามีปัญหาไม่ชอบมาพากล หากไม่ได้ทางตำรวจสันติบาลไปช่วย อาจจับมือใครดมไม่ได้
ดังนั้น ครป.จึงขอสนับสนุนการทำงานของตำรวจสันติบาล ตามคำสั่งแต่งตั้งของ กกต. เพื่อให้การสอบสวนหาพยานหลักฐานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
**อัดพปช.พูดให้ชัดเรื่องมือสกปรก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนร่วมกับ 3 พรรคเล็ก ว่า การที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่า มีมือสกปรกมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน ถือเป็นคำพูดที่ทำให้สังคมกังขา ในความหมายว่าคือใคร ถ้ามือสกปรกในความหมายของหัวหน้าพรรคพลังประชาชน หมายถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ จึงเป็นข้อสงสัยในข้อเสนอ 5 ข้อ ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เสนอให้กับพรรคพลังประชาชนมีอยู่หนึ่งข้อที่จะไม่จาบจ้วงประธานองคมนตรี ซึ่งหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ จึงอยากให้พรรคพลังประชาชนชี้แจงให้ชัดว่า มือสกปรกที่มา ขัดขวางหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงบุคคลระดับสูงตามที่นายสมัคร เคยพูดไว้ ตนคิดว่าพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน น่าจะพิจารณาดูว่าสิ่งที่พรรคพลังประชาชนตอบรับข้อเสนอนั้นจะเป็นจริงหรือไม่
"ผมเชื่อว่า มือที่สกปรกที่จะขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนไม่น่าจะมี แต่เชื่อว่าน่าจะมีเฉพาะมือที่สกปรกสนับสนุนให้นายสมัครจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรีได้ต่างหาก เพราะหากได้ดูคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากฮ่องกง ผ่านสื่อฉบับหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล และดำเนินการเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชนอย่างแท้จริง อยากฝากเรื่องนี้ไปยัง คุณวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ที่ได้ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชาชน ในกรณีที่พรรคเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผมเชื่อว่าคำสัมภาษณ์ชิ้นนี้ สามารถนำเป็นหลักฐานไปยื่นกับ กกต.” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการพิจารณาใบเหลืองใบแดงของ กกต. ว่า เคยให้ข้อสังเกตตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งว่า กกต.ควรให้ใบเหลืองใบแดงกับผู้กระทำผิดกฎหมายก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากให้หลังการเลือกตั้ง จะมีปฏิกิริยากดดัน กกต.เป็นอย่างมาก แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมาถึงวันนี้ ไม่อยากให้การพิจารณาใบแดงใบเหลือง เป็นเรื่องของการให้ตามสัดส่วนของจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคการเมือง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ควรพิจารณาตามข้อเท็จจริงตามสำนวนที่มีการฟ้องร้อง และอยากให้ กกต.ให้ความสำคัญสำนวนขององค์กรที่เป็นกลางส่งมาพิจารณาด้วย เช่น ตำรวจสันติบาล กอ.รมน. และพีเน็ต เพราะเชื่อว่าสำนวนเหล่านี้ น่าจะเป็นธรรมมากที่สุด
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชาชนจับมือกับพรรคเล็กตั้งรัฐบาลว่า ถ้าดูจากคำให้สัมภาษณ์ก็เป็นแผนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อบีบพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน และพ.ต.ท.ทักษิณ ยังพูดว่า รัฐบาลจะต้องมีเสียง 315 เสียง และให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว นี่เป็นสัญญาณจากฮ่องกงอยู่แล้ว นายสมัคร และคนในพรรคพลังประชาชนก็ได้ดำเนินการตามแผนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำกับทั้งหมด
ส่วนนายสมัครเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเทพไท กล่าวว่า นายสมัครจะเป็นหรือไม่เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ที่มือของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะหลายคนที่เราเห็นว่า ไม่เหมาะสม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เอามาใช้ คนหลายคนที่เราเห็นว่าเหมาะและเป็นคนดี พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เอามาใช้ มาตรฐานของพรรคพลังประชาชนอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
**รัฐบาลใหม่ต้องไม่เป็นนอมินีของใคร
นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่า อยากเห็นรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพรรคใด ต้องตระหนักถึงหน้าที่บริหารนำพาประเทศสู่ความเจริญ ทั้งความมั่งคงทางเศรษฐกิจ ความเรียบร้อย ความสมานฉันท์ ที่จะไม่เกิดความแตกแยก ด้วยการเสียสละทุ่มเท คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะรัฐบาลในฐานะตัวแทนประชาชน จะต้องไม่ยึดประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ทำความคำปฏิญาณที่ได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โฆษก คตส. กล่าวว่า ต้องลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา จะต้องไม่เป็นตัวแทน หรือเป็นนอมินีของใคร และต้องไม่คำนึงถึงประโยชน์ของนอมินี ต้องไม่ตอบแทนคนอื่นนอกจากประชาชน ขณะเดียวกัน หากพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ควรทำตามสิ่งที่เคยประกาศไว้ในการช่วยเหลือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งการออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ และการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หากยังฝืนทำ อาจจะทำให้การบริหารงานของรัฐบาลไม่ราบรื่น ไม่สง่างาม และไม่เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ
นายสัก กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ทั้งจากประชาชนที่ไม่เห็นด้วย รับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว จะออกมาต่อต้าน ส่วนหากใครเข้ามาเป็นรัฐบาลจะสามารถสร้างความสมานฉันท์ได้หรือไม่นั้น ถือเป็นความท้าทายของผู้ที่อาสาเข้ามาทำงานให้บ้านเมือง ถ้าหากเข้ามาในช่วงเวลาที่เป็นความวิตกกังวลของทุกฝ่าย แล้วมาทำงานเป็นความหวังของประชาชนอย่างแท้จริงก็ถือว่าสอบผ่าน
