กกต.แจกใบเหลืองว่าที่ ส.ส.แพร่ พปช.อีก 3 ด้าน "อภิชาต" มั่นใจ 17 มกราฯ ส่งชื่อ ส.ส.ที่รับรองได้ทันเปิดสภา 456 คน แต่จากการตรวจสอบตัวเลข เรื่องร้องเรียนคัดค้านให้ใบเหลือง-แดง ส่อไม่ทัน แถมยังต้องปล่อยผีว่าที่ ส.ส. ที่ถูกร้องคัดค้าน เหตุสอบไม่เสร็จ ติดล็อค กม.เลือกตั้ง ม.8 ที่ให้วินิจฉัยเสร็จใน 30 วัน เผย กกต.เสียงแตก ฝ่ายหนึ่งมองว่าไม่ต้องวินิจฉัยให้เสร็จใน 30 วัน สามารถเก็บไว้สั่งเลือกตั้งใหม่ได้ 180 วัน แต่อีกด้านเห็นว่าไม่ได้ อาจติดคุกฐานละเว้น ด้าน พปช. ดิ้นหนัก ยื่นหนังสือให้ย้ายผู้การฯ และรอง กอ.รมน.เชียงราย "วีระ" บุก ป.ป.ช.ร้องจัดการ"สมชัย"ทำสำนวนรั่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วานนี้ (14 ม.ค.) มีการประชุมกรรมการ กกต.เพื่อพิจารณาสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งว่าที่ ส.ส. โดยในช่วงเช้ามึการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านที่ค้างอยู่ 8 เรื่อง โดยเป็นสำนวนของ กกต. 5 สำนวน และของสันติบาล 3 เรื่อง
นาย อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติ สั่งเลือกตั้งใหม่ในกรณี นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล นางปานหทัย เวรีรักษ์ ว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน จ.แพร่ กรณีมีหลักฐานการแจก วีซีดี และแจกเงินให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 20 ม.ค.
ส่วนการสั่งเพิกถอนสิทธิและสั่งเลือกตั้งใหม่ของ กกต.ขณะนี้จะกระทบต่อจำนวน ส.ส.ที่ต้องเปิดประชุมสภาหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า กกต. ไม่ได้ตั้งธงในการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดง แต่สอบสวนไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ไม่ได้พิจารณาโดยคำนึงถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตนก็ไม่ได้นับด้วยว่า กกต.ได้แจกไปกี่ใบแล้ว
นายอภิชาต กล่าวกรณี พรรคพลังประชาชน จะทำหนังสือเพื่อขอให้มีการ เปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.เชียงราย และนายทหารในพื้นที่ออกจาก พื้นที่ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้โดยผู้ร้องส่งหนังสือมาที่กกต. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
**อภิชาตมั่นใจรับรอง ส.ส.ทันเปิดสภา
นาย อภิชาต กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งใหม่ส.ส.นครราชสีมาเขต 3 กกต. คงพิจารณาได้ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กกต.ได้มีมติให้ใบเหลือง ใบแดงรวมทั้งสิ้น 25 ราย เป็นใบเหลือง 18 ราย และใบแดง 7 ราย ซึ่งจำนวนนี้เกิน 24 คน แต่ได้คืนมาจากการเลือกตั้งที่จ.นครราชสีมา เขต 3 อีก 3 ราย ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่จะเปิดสภาฯ ได้ อีกทั้งก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกหลายเขต โดยได้คุยโทรศัพท์กับทางสภาฯ ถึงกำหนดวันครบ 30 วัน ซึ่งทางสภาฯ จะนับวันเลือกตั้งเป็นวันแรก ซึ่งหากนับครบ 30 วัน ก็จะตรงกับวันที่ 21 ม.ค. ดังนั้น กกต.ก็ต้องพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 ม.ค. หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากันในศาลฎีกา
"ผมมั่นใจว่า กกต.จะสามารถพิจารณาและรับรองส.ส.ได้ครบตามจำนวน และทันการเปิดประชุมสภาฯ นัดแรก"
ส่วนกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.ชาติไทย จ.เชียงราย ถอนคำร้องนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพรรคพลังประชาชนนายอภิชาต กล่าวว่ายังไม่ทราบ แต่ตามหลักการถ้าถอนคำร้องก็ต้องให้ กกต.พิจารณา ส่วนจะทำอย่างไรก็ต้องพิจารณากันอีกครั้ง
**เปิดคำร้องเหลือง-แดงเชื่อไม่ทัน
แหล่งข่าวจาก กกต.ให้ความเห็นว่าในเรื่องของการส่งรายชื่อส.ส.ที่รับรองแล้วไม่น้อยกว่า 456 คน ภายในวันที่ 17 ม.ค.ตามที่ประธากกต.ระบุนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่าไม่น่าจะทำได้ เพราะจนถึงวันนี้มี ส.ส.ที่กกต.ประกาศรับรองทั้งสิ้น 424 คน และเหลือที่ต้องประกาศรับรองอีก 32 คน จึงจะครบตามจำนวน แต่เมื่อดูเรื่องร้องคัดค้านว่าที่ส.ส. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ยังมีถึง 28 ราย ดังนั้นสำนวนเหล่านี้แม้ กกต. ไม่ออกใบเหลือง ใบแดงเลยและประกาศรับรองไปทั้งหมด โดยรวมกับ เขต 3 นครราชสีมา ที่เลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค. อีก 3 คน ก็ยังคงขาด ส.ส. อีก 1 คน จึงจะครบ 32 คนที่สามารถเปิดประชุมสภาได้ รวมทั้งยังมีว่าที่ ส.ส. ที่ กกต. แจกใบเหลือง ใบแดงไปก่อนหน้านี้และจะเลือกตั้งในวันที่ 17 ม.ค. และ 20 ม.ค. อีก 25 ราย การจะได้ส.ส. 95 %ในวันที่ 17 จึงไม่น่าจะเป็นไปได้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาข้อถกเถียงระหว่าง กกต.คือในส่วนของจำนวนส.ส.ที่ยังมีเรื่องร้องคัดค้านและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กกต.28 รายนั้น กกต. มีความเห็นแตกต่างกัน 2 ฝ่ายโดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่า หาก กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งส.ส.โดยได้จำนวน 456 เพื่อให้เปิดประชุมสภาฯนัดแรกได้แล้ว ว่าที่ส.ส.ที่เหลืออีก 24 คน กกต.ไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาและวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือ ภายในวันที่ 21 ม.ค. แต่สามารถเก็บไว้พิจารณาและสั่งเลือกตั้งใหม่ได้อีกหลายครั้ง เพียงแต่ต้องดำเนินการให้มีส.ส.ครบ 480 คนภายใน 180 ตามที่มาตรา 93 ของรัฐธรรมนูญกำหนด
แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่า ภายในวันที่ 21 ม.ค.หาก กกต.ไม่สามารถพิจารณาและวินิจฉัยสำนวนร้องคัดค้านว่าที่ส.ส.ที่เหลืออยู่ 28 รายให้แล้วเสร็จ ก็ต้องประกาศรับรองว่าที่ส.ส.เหล่านั้นไปก่อนทั้งหมด เพราะมิฉะนั้น กกต.จะเสี่ยงต่อการถูกฟ้องละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมาตรา 8 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งฯ กำหนดไว้ชัดเจนว่า เมื่อเลือกตั้งแล้วหากผู้ได้รับเลือกตั้งที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนก็ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 7 วันแต่ถ้าเห็นว่าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสงสัยว่ามีกรณีไม่ สุจริตและเที่ยงธรรมในเขตเลือกตั้งใด จะยังไม่ประกาศผลสำหรับเขตเลือกตั้งนั้นก็ได้ แต่ต้องสอบสวนและวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
"เวลานี้กกต.มีสำนวนที่ค้างอยู่ในชั้นที่สันติบาลกำลังดำเนินการอยู่อีก 9 สำนวน และมีอีกหลายสำนวนที่กกต.สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหาก มีมูลให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังคำชี้แจงจากผู้ถูกกล่าวหาโดยให้ดำเนินการ ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน เช่นเดียวกับกรณีของนายยงยุทธ ที่คณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่เพิ่งจะเริ่มดำเนินการ ซึ่งดูระยะเวลาที่เหลืออยู่ถึงวันที่ 21 ม.ค. กกต.มีเวลาอีกเพียง 7 วัน หากไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จและมีคำวินิจฉัยออกมา ก็ต้องประกาศรับรองว่าที่ส.ส.ที่ถูกร้องคัดค้านไปก่อนทั้งหมด ไม่ใช่มองว่า แค่ประกาศส.ส.ให้ได้ 456 เพื่อเปิดสภาได้ ที่เหลือยังสอบสวนไม่เสร็จไม่เป็นไร ก็เก็บไว้ทำต่อโดยมีเวลา 180 วัน หากตีความอย่างนี้ กกต.ถูกฟ้องแน่ แต่การวินิจฉัยไม่แล้วเสร็จและทำให้กกต.ต้องประกาศรับรองไปก่อนทั้งหมดจะเท่ากับว่า กกต.ประกาศรับรองส.ส.ทั้ง 480 คน"
แหล่งข่าวยังให้ความเห็นอีกว่า แต่หากกกต.วินิจฉัยแล้วเสร็จภายในวันที่ 21 ม.ค. โดยกระบวนการจัดการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ได้มาซึ่งส.ส.เกินกว่าระยะเวลา 30 วันก็จะไม่เป็นปัญหาที่ทำให้กกต.ถูกฟ้องได้ ซึ่งจำนวนว่าที่ส.ส.ที่กกต.จะสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้ง หรือสั่งเลือกตั้งใหม่นั้น อาจจะเกินกว่าจำนวน 24 คน ที่มีผลทำให้การ เปิดประชุมสภานัดแรกไม่สามารถทำได้ ก็ได้ เพราะในวรรคท้ายของมาตรา 93 ตามรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า “ในกรณีที่มีเหตุการณ์ใด ๆ ทำให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใดมีจำนวนส.ส.ไม่ถึง 480 คน แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด ให้ถือว่าสมาชิกจำนวนนั้นประกอบเป็นสภาผู้ราษฎร.. ไม่ใช่บทบังคับที่ให้ กกต.ต้องประกาศรับรองส.ส.จำนวน 456 คนภายใน 30 วันเพื่อเปิดประชุมสภาได้ และหาดำเนินการไม่ได้ก็ไม่มีบทลงโทษ แต่ที่ระบุว่า แต่ต้องดำเนินการให้มี ส.ส. ให้ครบจำนวนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญภายใน 180 วัน ถือเป็นบทบังคับที่กกต.จะสั่งเลือกตั้งใหม่ว่าที่ส.ส.ที่มีหลักฐานว่าได้รับเลือกตั้งโดยไม่สุจริตเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดไม่ได้
**"สมัคร"พบกกต.แจงทุจริตยโสธร
ช่วงเช้าวันเดียวกันนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเดินทาง เข้าชี้แจง ต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กรณีการร้องค้านการ ผลการเลือกตั้งใน จ.ยโสธร ภายหลังชี้แจง 30 นาที นายสมัคร ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงการชี้แจง กล่าวเพียงสั้นว่า มาทำธุระนิดหน่อย เมื่อผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล นายสมัคร ก็ยกมือห้ามไม่ให้สัมภาษณ์ และได้เข้าลิฟท์มายังชั้น 1
ซึ่งผู้สื่อข่าวก็พยายามที่จะสอบถามต่อโดยถามว่า จะงดให้สัมภาษณ์อีกนาน เท่าใด นายสมัคร กล่าวว่า อีก 2-3 วัน เมื่อถามว่า ช่วงนี้มีกระแสข่าวในการจัดตั้งรัฐบาลออกมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะภายหลังที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา หพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับเข้าประเทศ นายสมัคร ได้ย้อนผู้สื่อข่าว เหรอ แล้วข่าวว่าไงล่ะ โดยระหว่างนั้นนายสมัครก้าวขึ้นรถและปิดประตูทันที
**พปช.ยื่น กกต.ย้ายผู้การเชียงราย
วันเดียวกัน พ.ต.ท. กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และคณะ เดินทางมายื่นหนังสือที่ลงนามโดยนาย สมัคร สุนทรเวช ถึงนาย อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เพื่อขอให้กกต.มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ จ.เชียงราย เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง โดยพ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า ขอให้กกต.พิจารณาและมีคำสั่งย้ายพล.ต.ต. ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย และพ.อ.ธนัช ปัญญา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในระดับจ.เชียงราย (รมน.จ.เชียงราย) ออกนอกพื้นที่ชั่วคราว เพื่อให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของกกต.ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ได้ทำงานโดยไม่มีการแทรกแซง เนื่องจากพบว่าทั้ง 2 คนมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นกลาง
นอกจากนี้ยังขอให้ประธานกกต.มีคำสั่งให้พล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รอง ผบช.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่มาทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนของกกต.ทั้ง 708 นาย กลับสังกัดบช.ส. เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พล.ต.ต.ชัยยะ มีพฤติกรรม ไม่เป็นกลาง และมีความสนิทสนมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เป็นปฏิปักษ์กับพรรคพลังประชาชนมาตั้งแต่ต้น ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 229 กำหนดให้กกต. ต้องเป็นผู้ที่มีความเป็นกลาง ดังนั้นผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ตามคำสั่งของกกต. ก็ต้องมีความเป็นกลางเช่นเดียวกัน
**ดิ้นฟ้องศาล ปค.คุ้มครองว่าที่ ส.ส.ถูกแขวน
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้พรรคพลังประชาชน ได้ยื่นคัดค้านสำนวน การสอบสวนกรณีการร้องทุจริตที่จ.เชียงรายต่อกกต.แล้ว และกำลังจะยื่นหนังสือให้ กกต.ยกเลิกการการพิจารณาสำนวนที่ร้องทุจริตของว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่ผ่านการดำเนินการของชุดสืบสวนของสันติบาล เพราะถือว่าผู้ดำเนินการ ไม่มีความเป็นกลาง จึงฟังไม่ได้ว่ามีการกระทำผิดจริง ดังนั้นสำนวนทั้งหมดควรจะเป็นโมฆะ สำนวนลักษณะนี้หากขึ้นศาลก็ต้องยกฟ้องอย่างแน่นอน ซึ่งกกต.ทั้ง 5 ก็มาจากศาลย่อมจะเข้าใจเรื่องนี้ดี
"ในวันที่ 15 ม.ค. ที่ประชุมพรรคพลังประชาชนจะหารือในประเด็นนี้ ก่อนดูช่องทางเพื่อร้องไปยังศาลปกครองเพื่อขอให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งหมดที่ถูกกกต.แขวนไว้จากสำนวน ที่ไม่ชอบธรรมจากการทำสำนวนของสันติบาล เนื่องจากจำนวน ส.ส.จะมีผลต่อการเปิดประชุมสภา ซึ่งจะพิจารณายื่นศาลปกครองก่อนวันกำหนดเปิดสภา"
**เตรียมหารือตั้งอนุฯยุบ ชท.-มฌ.
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ในการประชุมทางเจ้าหน้าที่ด้านกิจการพรรคการเมือง จะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่ากรณีที่ กกต. สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ว่าที่ส.ส. ของพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค ด้วยจะต้องมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องการสั่งยุบพรรคหรือไม่ หากมีการตั้งก็จะเป็นการตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด
** ร้อง ป.ป.ช.สอบ"สมชัย"ทำสำนวนรั่ว
วันเดียวกันที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ปปช.) นายวีระ สมความคิด เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เดินทาง เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ไต่สวนกรณีน่าเชื่อว่านายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. มีพฤติการณ์ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 29 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 โดยมีนายพงศ์นิต ศิธราชู รองเลขาธิการ ปปช. มารับหนังสือดังกล่าว
นายวีระ กล่าวว่าจากที่ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. และอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้านของ กกต.ได้เข้ารายงานการทุจริตการเลือกตั้งที่จ.เชียงรายโดยนำเอกสารลับการตรวจสอบเสนอต่อที่ประชุมด้วย และต่อมาเอกสารดังกล่าวได้รั่วไหลออกภายนอก ก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาคือนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนจะเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ กกต.โดยมีเพียง นายสมชัย จึงประเสริฐ เท่านั้นที่ไม่ยอมคืนให้และนำเอกสารดังกล่าวออกไปจาก ห้องประชุม จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งว่าอาจเป็นผู้ทำให้เอกสารลับรั่วไหล
นายวีระ กล่าวว่า กกต. ระบุว่าไม่มีอำนาจในการตรวจสอบกรณีนายสมชัย น่าจะเป็นส่วนกลาง เมื่อไปดูตามกฎหมาย พบว่าปปช.มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบองค์กรอิสระได้ตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมชัยมีพฤติกรรมน่าสงสัย ตนจึงอยากให้ อยากให้ ปปช.ไต่สวนเพราะสามารถดำเนินการได้ แล้วหากว่านายสมชัย เกี่ยวข้องกับการทำ ให้ข้อมูลรั่วไหลไปถึงบุคคลที่ถูกกล่าวหาคือนายยงยุทธ จริงก็ ต้องให้ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
**ค้านปล่อยโจรเข้าสภาแล้วสอยที่หลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในกรณีของนายยงยุทธหากว่า คณะอนุกรรมการสอบไม่ทันและ กกต.รับรองผลไปก่อนทั้งๆ ที่พบข้อสงสัยการทุจริตจะเกิดผลอย่างไร นายวีระ กล่าวว่า หากเป็นเช่นนี้ก็ต้องถามว่า ใครจะรับผิดชอบ กกต.จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ เพราะตนเคยติงแล้วว่าเรื่องนี้มีการร้องคัดค้านแล้ว ถ้ามีการร้องคัดค้านแล้วทำไม กกต.ยังปล่อยไป เป็นการปล่อยให้โจรหรือคนกระทำความผิดเข้าไปยึดสภาก่อน แล้วถ้าเกิดเขาไปออกกฎหมายหรือใช้อำนาจในการแก้ไขกฎระเบียบหรือมีการ ช่วยเหลือใช้อำนาจแทรกแซงองค์กรต่างๆ เพียงแค่ไม่กี่วันเขาก็ทำอะไรได้เยอะแล้ว การกระทำเช่นนั้นถ้าเกิดความเสียหายต่อมาอีกใครจะเป็นคนรับผิดชอบ กกต. ที่ปล่อยให้โจรเข้าไปยึดสภา กกต.รับผิดชอบไหวไหม
"เมื่อดูตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้ว กรณีดังกล่าวก็ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญเพราะ ตามเจตนารมณ์ให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตเที่ยงธรรม แต่การทำหน้าที่ของ กกต.ในเรื่องดังกล่าว ในการปล่อยโจรเข้าไปยึดสภาก่อนมันเป็นการจัดการเลือกตั้งอย่างสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ เพราะการจัดการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรมจะต้องได้คนที่มีความเหมาะสมไม่ใช่คนกระทำความผิดแล้วจึงรับรองเขา แต่การรับรองเขาก่อนเพื่อให้เปิดสภาได้แล้วไปสอยทีหลังผมว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะการที่มีส.ส.หรือผู้สมัครจำนวนไม่ถึงร้อยละ 95 จนเป็นเหตุให้ เปิดสภาไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของกกต. แต่เป็นความผิดของพรรคการเมืองและผู้สมัครที่ไปทุจริตในการเลือกตั้ง"
**ชท.อ้างส่วนตัววิจิตรถอนร้องยงยุทธ
ขณะเดียวกันที่ จ.เชียงราย นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียน นายยงยุทธขนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปแจกเงินที่กรุงเทพฯจนถูก กกต.สอบซึ่งอาจถึงขั้นยุบพรรคได้เดินทางไปยัง กกต.เชียงรายเพื่อขอถอนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม นายอมรพงศ์ วิชิตะกุล ผ.อ.การเลือกตั้งประจำ จ.เชียงราย กล่าวว่า การที่ นายวิจิตร มาถอนคำร้องมาสามารถทำได้ ซึ่งไม่มีผลต่อคดีเพราะ กกต.เคยรับเรื่องแล้วแจะจะสอบสวนพิจารณาต่อไป
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่นายวิจิตรถอนคำร้องการทุจริตของนายยงยุทธ และก่อนหน้านี้ พรรคก็ไม่รู้ว่านายวิจิตรไปร้องคัดค้านนายยงยุทธถือเป็นเรื่องส่วนตัว.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วานนี้ (14 ม.ค.) มีการประชุมกรรมการ กกต.เพื่อพิจารณาสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งว่าที่ ส.ส. โดยในช่วงเช้ามึการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านที่ค้างอยู่ 8 เรื่อง โดยเป็นสำนวนของ กกต. 5 สำนวน และของสันติบาล 3 เรื่อง
นาย อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติ สั่งเลือกตั้งใหม่ในกรณี นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล นางปานหทัย เวรีรักษ์ ว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน จ.แพร่ กรณีมีหลักฐานการแจก วีซีดี และแจกเงินให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 20 ม.ค.
ส่วนการสั่งเพิกถอนสิทธิและสั่งเลือกตั้งใหม่ของ กกต.ขณะนี้จะกระทบต่อจำนวน ส.ส.ที่ต้องเปิดประชุมสภาหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า กกต. ไม่ได้ตั้งธงในการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดง แต่สอบสวนไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ไม่ได้พิจารณาโดยคำนึงถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตนก็ไม่ได้นับด้วยว่า กกต.ได้แจกไปกี่ใบแล้ว
นายอภิชาต กล่าวกรณี พรรคพลังประชาชน จะทำหนังสือเพื่อขอให้มีการ เปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.เชียงราย และนายทหารในพื้นที่ออกจาก พื้นที่ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้โดยผู้ร้องส่งหนังสือมาที่กกต. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
**อภิชาตมั่นใจรับรอง ส.ส.ทันเปิดสภา
นาย อภิชาต กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งใหม่ส.ส.นครราชสีมาเขต 3 กกต. คงพิจารณาได้ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กกต.ได้มีมติให้ใบเหลือง ใบแดงรวมทั้งสิ้น 25 ราย เป็นใบเหลือง 18 ราย และใบแดง 7 ราย ซึ่งจำนวนนี้เกิน 24 คน แต่ได้คืนมาจากการเลือกตั้งที่จ.นครราชสีมา เขต 3 อีก 3 ราย ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่จะเปิดสภาฯ ได้ อีกทั้งก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกหลายเขต โดยได้คุยโทรศัพท์กับทางสภาฯ ถึงกำหนดวันครบ 30 วัน ซึ่งทางสภาฯ จะนับวันเลือกตั้งเป็นวันแรก ซึ่งหากนับครบ 30 วัน ก็จะตรงกับวันที่ 21 ม.ค. ดังนั้น กกต.ก็ต้องพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 ม.ค. หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากันในศาลฎีกา
"ผมมั่นใจว่า กกต.จะสามารถพิจารณาและรับรองส.ส.ได้ครบตามจำนวน และทันการเปิดประชุมสภาฯ นัดแรก"
ส่วนกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.ชาติไทย จ.เชียงราย ถอนคำร้องนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพรรคพลังประชาชนนายอภิชาต กล่าวว่ายังไม่ทราบ แต่ตามหลักการถ้าถอนคำร้องก็ต้องให้ กกต.พิจารณา ส่วนจะทำอย่างไรก็ต้องพิจารณากันอีกครั้ง
**เปิดคำร้องเหลือง-แดงเชื่อไม่ทัน
แหล่งข่าวจาก กกต.ให้ความเห็นว่าในเรื่องของการส่งรายชื่อส.ส.ที่รับรองแล้วไม่น้อยกว่า 456 คน ภายในวันที่ 17 ม.ค.ตามที่ประธากกต.ระบุนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่าไม่น่าจะทำได้ เพราะจนถึงวันนี้มี ส.ส.ที่กกต.ประกาศรับรองทั้งสิ้น 424 คน และเหลือที่ต้องประกาศรับรองอีก 32 คน จึงจะครบตามจำนวน แต่เมื่อดูเรื่องร้องคัดค้านว่าที่ส.ส. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ยังมีถึง 28 ราย ดังนั้นสำนวนเหล่านี้แม้ กกต. ไม่ออกใบเหลือง ใบแดงเลยและประกาศรับรองไปทั้งหมด โดยรวมกับ เขต 3 นครราชสีมา ที่เลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค. อีก 3 คน ก็ยังคงขาด ส.ส. อีก 1 คน จึงจะครบ 32 คนที่สามารถเปิดประชุมสภาได้ รวมทั้งยังมีว่าที่ ส.ส. ที่ กกต. แจกใบเหลือง ใบแดงไปก่อนหน้านี้และจะเลือกตั้งในวันที่ 17 ม.ค. และ 20 ม.ค. อีก 25 ราย การจะได้ส.ส. 95 %ในวันที่ 17 จึงไม่น่าจะเป็นไปได้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาข้อถกเถียงระหว่าง กกต.คือในส่วนของจำนวนส.ส.ที่ยังมีเรื่องร้องคัดค้านและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กกต.28 รายนั้น กกต. มีความเห็นแตกต่างกัน 2 ฝ่ายโดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่า หาก กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งส.ส.โดยได้จำนวน 456 เพื่อให้เปิดประชุมสภาฯนัดแรกได้แล้ว ว่าที่ส.ส.ที่เหลืออีก 24 คน กกต.ไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาและวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือ ภายในวันที่ 21 ม.ค. แต่สามารถเก็บไว้พิจารณาและสั่งเลือกตั้งใหม่ได้อีกหลายครั้ง เพียงแต่ต้องดำเนินการให้มีส.ส.ครบ 480 คนภายใน 180 ตามที่มาตรา 93 ของรัฐธรรมนูญกำหนด
แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่า ภายในวันที่ 21 ม.ค.หาก กกต.ไม่สามารถพิจารณาและวินิจฉัยสำนวนร้องคัดค้านว่าที่ส.ส.ที่เหลืออยู่ 28 รายให้แล้วเสร็จ ก็ต้องประกาศรับรองว่าที่ส.ส.เหล่านั้นไปก่อนทั้งหมด เพราะมิฉะนั้น กกต.จะเสี่ยงต่อการถูกฟ้องละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมาตรา 8 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งฯ กำหนดไว้ชัดเจนว่า เมื่อเลือกตั้งแล้วหากผู้ได้รับเลือกตั้งที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนก็ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 7 วันแต่ถ้าเห็นว่าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสงสัยว่ามีกรณีไม่ สุจริตและเที่ยงธรรมในเขตเลือกตั้งใด จะยังไม่ประกาศผลสำหรับเขตเลือกตั้งนั้นก็ได้ แต่ต้องสอบสวนและวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
"เวลานี้กกต.มีสำนวนที่ค้างอยู่ในชั้นที่สันติบาลกำลังดำเนินการอยู่อีก 9 สำนวน และมีอีกหลายสำนวนที่กกต.สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหาก มีมูลให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังคำชี้แจงจากผู้ถูกกล่าวหาโดยให้ดำเนินการ ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน เช่นเดียวกับกรณีของนายยงยุทธ ที่คณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่เพิ่งจะเริ่มดำเนินการ ซึ่งดูระยะเวลาที่เหลืออยู่ถึงวันที่ 21 ม.ค. กกต.มีเวลาอีกเพียง 7 วัน หากไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จและมีคำวินิจฉัยออกมา ก็ต้องประกาศรับรองว่าที่ส.ส.ที่ถูกร้องคัดค้านไปก่อนทั้งหมด ไม่ใช่มองว่า แค่ประกาศส.ส.ให้ได้ 456 เพื่อเปิดสภาได้ ที่เหลือยังสอบสวนไม่เสร็จไม่เป็นไร ก็เก็บไว้ทำต่อโดยมีเวลา 180 วัน หากตีความอย่างนี้ กกต.ถูกฟ้องแน่ แต่การวินิจฉัยไม่แล้วเสร็จและทำให้กกต.ต้องประกาศรับรองไปก่อนทั้งหมดจะเท่ากับว่า กกต.ประกาศรับรองส.ส.ทั้ง 480 คน"
แหล่งข่าวยังให้ความเห็นอีกว่า แต่หากกกต.วินิจฉัยแล้วเสร็จภายในวันที่ 21 ม.ค. โดยกระบวนการจัดการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ได้มาซึ่งส.ส.เกินกว่าระยะเวลา 30 วันก็จะไม่เป็นปัญหาที่ทำให้กกต.ถูกฟ้องได้ ซึ่งจำนวนว่าที่ส.ส.ที่กกต.จะสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้ง หรือสั่งเลือกตั้งใหม่นั้น อาจจะเกินกว่าจำนวน 24 คน ที่มีผลทำให้การ เปิดประชุมสภานัดแรกไม่สามารถทำได้ ก็ได้ เพราะในวรรคท้ายของมาตรา 93 ตามรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า “ในกรณีที่มีเหตุการณ์ใด ๆ ทำให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใดมีจำนวนส.ส.ไม่ถึง 480 คน แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด ให้ถือว่าสมาชิกจำนวนนั้นประกอบเป็นสภาผู้ราษฎร.. ไม่ใช่บทบังคับที่ให้ กกต.ต้องประกาศรับรองส.ส.จำนวน 456 คนภายใน 30 วันเพื่อเปิดประชุมสภาได้ และหาดำเนินการไม่ได้ก็ไม่มีบทลงโทษ แต่ที่ระบุว่า แต่ต้องดำเนินการให้มี ส.ส. ให้ครบจำนวนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญภายใน 180 วัน ถือเป็นบทบังคับที่กกต.จะสั่งเลือกตั้งใหม่ว่าที่ส.ส.ที่มีหลักฐานว่าได้รับเลือกตั้งโดยไม่สุจริตเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดไม่ได้
**"สมัคร"พบกกต.แจงทุจริตยโสธร
ช่วงเช้าวันเดียวกันนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเดินทาง เข้าชี้แจง ต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กรณีการร้องค้านการ ผลการเลือกตั้งใน จ.ยโสธร ภายหลังชี้แจง 30 นาที นายสมัคร ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงการชี้แจง กล่าวเพียงสั้นว่า มาทำธุระนิดหน่อย เมื่อผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล นายสมัคร ก็ยกมือห้ามไม่ให้สัมภาษณ์ และได้เข้าลิฟท์มายังชั้น 1
ซึ่งผู้สื่อข่าวก็พยายามที่จะสอบถามต่อโดยถามว่า จะงดให้สัมภาษณ์อีกนาน เท่าใด นายสมัคร กล่าวว่า อีก 2-3 วัน เมื่อถามว่า ช่วงนี้มีกระแสข่าวในการจัดตั้งรัฐบาลออกมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะภายหลังที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา หพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับเข้าประเทศ นายสมัคร ได้ย้อนผู้สื่อข่าว เหรอ แล้วข่าวว่าไงล่ะ โดยระหว่างนั้นนายสมัครก้าวขึ้นรถและปิดประตูทันที
**พปช.ยื่น กกต.ย้ายผู้การเชียงราย
วันเดียวกัน พ.ต.ท. กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และคณะ เดินทางมายื่นหนังสือที่ลงนามโดยนาย สมัคร สุนทรเวช ถึงนาย อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เพื่อขอให้กกต.มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ จ.เชียงราย เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง โดยพ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า ขอให้กกต.พิจารณาและมีคำสั่งย้ายพล.ต.ต. ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย และพ.อ.ธนัช ปัญญา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในระดับจ.เชียงราย (รมน.จ.เชียงราย) ออกนอกพื้นที่ชั่วคราว เพื่อให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของกกต.ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ได้ทำงานโดยไม่มีการแทรกแซง เนื่องจากพบว่าทั้ง 2 คนมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นกลาง
นอกจากนี้ยังขอให้ประธานกกต.มีคำสั่งให้พล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รอง ผบช.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่มาทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนของกกต.ทั้ง 708 นาย กลับสังกัดบช.ส. เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พล.ต.ต.ชัยยะ มีพฤติกรรม ไม่เป็นกลาง และมีความสนิทสนมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เป็นปฏิปักษ์กับพรรคพลังประชาชนมาตั้งแต่ต้น ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 229 กำหนดให้กกต. ต้องเป็นผู้ที่มีความเป็นกลาง ดังนั้นผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ตามคำสั่งของกกต. ก็ต้องมีความเป็นกลางเช่นเดียวกัน
**ดิ้นฟ้องศาล ปค.คุ้มครองว่าที่ ส.ส.ถูกแขวน
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้พรรคพลังประชาชน ได้ยื่นคัดค้านสำนวน การสอบสวนกรณีการร้องทุจริตที่จ.เชียงรายต่อกกต.แล้ว และกำลังจะยื่นหนังสือให้ กกต.ยกเลิกการการพิจารณาสำนวนที่ร้องทุจริตของว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่ผ่านการดำเนินการของชุดสืบสวนของสันติบาล เพราะถือว่าผู้ดำเนินการ ไม่มีความเป็นกลาง จึงฟังไม่ได้ว่ามีการกระทำผิดจริง ดังนั้นสำนวนทั้งหมดควรจะเป็นโมฆะ สำนวนลักษณะนี้หากขึ้นศาลก็ต้องยกฟ้องอย่างแน่นอน ซึ่งกกต.ทั้ง 5 ก็มาจากศาลย่อมจะเข้าใจเรื่องนี้ดี
"ในวันที่ 15 ม.ค. ที่ประชุมพรรคพลังประชาชนจะหารือในประเด็นนี้ ก่อนดูช่องทางเพื่อร้องไปยังศาลปกครองเพื่อขอให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งหมดที่ถูกกกต.แขวนไว้จากสำนวน ที่ไม่ชอบธรรมจากการทำสำนวนของสันติบาล เนื่องจากจำนวน ส.ส.จะมีผลต่อการเปิดประชุมสภา ซึ่งจะพิจารณายื่นศาลปกครองก่อนวันกำหนดเปิดสภา"
**เตรียมหารือตั้งอนุฯยุบ ชท.-มฌ.
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ในการประชุมทางเจ้าหน้าที่ด้านกิจการพรรคการเมือง จะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่ากรณีที่ กกต. สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ว่าที่ส.ส. ของพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค ด้วยจะต้องมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องการสั่งยุบพรรคหรือไม่ หากมีการตั้งก็จะเป็นการตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด
** ร้อง ป.ป.ช.สอบ"สมชัย"ทำสำนวนรั่ว
วันเดียวกันที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ปปช.) นายวีระ สมความคิด เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เดินทาง เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ไต่สวนกรณีน่าเชื่อว่านายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. มีพฤติการณ์ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 29 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 โดยมีนายพงศ์นิต ศิธราชู รองเลขาธิการ ปปช. มารับหนังสือดังกล่าว
นายวีระ กล่าวว่าจากที่ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง ผบช.ส. และอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้านของ กกต.ได้เข้ารายงานการทุจริตการเลือกตั้งที่จ.เชียงรายโดยนำเอกสารลับการตรวจสอบเสนอต่อที่ประชุมด้วย และต่อมาเอกสารดังกล่าวได้รั่วไหลออกภายนอก ก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาคือนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนจะเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ กกต.โดยมีเพียง นายสมชัย จึงประเสริฐ เท่านั้นที่ไม่ยอมคืนให้และนำเอกสารดังกล่าวออกไปจาก ห้องประชุม จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งว่าอาจเป็นผู้ทำให้เอกสารลับรั่วไหล
นายวีระ กล่าวว่า กกต. ระบุว่าไม่มีอำนาจในการตรวจสอบกรณีนายสมชัย น่าจะเป็นส่วนกลาง เมื่อไปดูตามกฎหมาย พบว่าปปช.มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบองค์กรอิสระได้ตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมชัยมีพฤติกรรมน่าสงสัย ตนจึงอยากให้ อยากให้ ปปช.ไต่สวนเพราะสามารถดำเนินการได้ แล้วหากว่านายสมชัย เกี่ยวข้องกับการทำ ให้ข้อมูลรั่วไหลไปถึงบุคคลที่ถูกกล่าวหาคือนายยงยุทธ จริงก็ ต้องให้ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
**ค้านปล่อยโจรเข้าสภาแล้วสอยที่หลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในกรณีของนายยงยุทธหากว่า คณะอนุกรรมการสอบไม่ทันและ กกต.รับรองผลไปก่อนทั้งๆ ที่พบข้อสงสัยการทุจริตจะเกิดผลอย่างไร นายวีระ กล่าวว่า หากเป็นเช่นนี้ก็ต้องถามว่า ใครจะรับผิดชอบ กกต.จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ เพราะตนเคยติงแล้วว่าเรื่องนี้มีการร้องคัดค้านแล้ว ถ้ามีการร้องคัดค้านแล้วทำไม กกต.ยังปล่อยไป เป็นการปล่อยให้โจรหรือคนกระทำความผิดเข้าไปยึดสภาก่อน แล้วถ้าเกิดเขาไปออกกฎหมายหรือใช้อำนาจในการแก้ไขกฎระเบียบหรือมีการ ช่วยเหลือใช้อำนาจแทรกแซงองค์กรต่างๆ เพียงแค่ไม่กี่วันเขาก็ทำอะไรได้เยอะแล้ว การกระทำเช่นนั้นถ้าเกิดความเสียหายต่อมาอีกใครจะเป็นคนรับผิดชอบ กกต. ที่ปล่อยให้โจรเข้าไปยึดสภา กกต.รับผิดชอบไหวไหม
"เมื่อดูตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้ว กรณีดังกล่าวก็ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญเพราะ ตามเจตนารมณ์ให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตเที่ยงธรรม แต่การทำหน้าที่ของ กกต.ในเรื่องดังกล่าว ในการปล่อยโจรเข้าไปยึดสภาก่อนมันเป็นการจัดการเลือกตั้งอย่างสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ เพราะการจัดการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรมจะต้องได้คนที่มีความเหมาะสมไม่ใช่คนกระทำความผิดแล้วจึงรับรองเขา แต่การรับรองเขาก่อนเพื่อให้เปิดสภาได้แล้วไปสอยทีหลังผมว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะการที่มีส.ส.หรือผู้สมัครจำนวนไม่ถึงร้อยละ 95 จนเป็นเหตุให้ เปิดสภาไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของกกต. แต่เป็นความผิดของพรรคการเมืองและผู้สมัครที่ไปทุจริตในการเลือกตั้ง"
**ชท.อ้างส่วนตัววิจิตรถอนร้องยงยุทธ
ขณะเดียวกันที่ จ.เชียงราย นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียน นายยงยุทธขนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปแจกเงินที่กรุงเทพฯจนถูก กกต.สอบซึ่งอาจถึงขั้นยุบพรรคได้เดินทางไปยัง กกต.เชียงรายเพื่อขอถอนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม นายอมรพงศ์ วิชิตะกุล ผ.อ.การเลือกตั้งประจำ จ.เชียงราย กล่าวว่า การที่ นายวิจิตร มาถอนคำร้องมาสามารถทำได้ ซึ่งไม่มีผลต่อคดีเพราะ กกต.เคยรับเรื่องแล้วแจะจะสอบสวนพิจารณาต่อไป
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่นายวิจิตรถอนคำร้องการทุจริตของนายยงยุทธ และก่อนหน้านี้ พรรคก็ไม่รู้ว่านายวิจิตรไปร้องคัดค้านนายยงยุทธถือเป็นเรื่องส่วนตัว.