“สมชัย” กลับลำไม่ลาออก อ้างอยู่ทำงานเพื่อชาติ ด้าน “ประพันธ์” แจงเหตุไม่ให้ 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเข้าชี้แจง กกต.เนื่องจาก กกต.ไม่มีเวลา และมอบ คกก.สืบสวนทำหน้าที่แทนแล้ว
วันนี้ (2 ม.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ประธาน กกต.บุรีรัมย์ระบุถูกขู่ฆ่าและเข้าชื่อขับไล่ว่า เพิ่งได้รับรายงานจากประธาน กกต.บุรีรัมย์ และกำลังตรวจสอบ พร้อมทั้งจะสำเนารายงานให้ กกต.ทุกคนได้ดู ซึ่งต้องพิจารณาว่าเหตุที่เกิดมาจากอะไร และหากประชาชนไม่เข้าใจถึงกระบวนการ เราก็ต้องรีบชี้แจง เชื่อว่าเมื่อประชาชนไม่มีผลประโยชน์เข้าใจ แรงกดดันก็จะเบาบางลง เราก็ระวังเรื่องความเป็นกลาง และไม่มุ่งที่จะทำร้ายหนึ่งพรรคการเมืองใด การพิจารณาต้องทำตามพยานหลักฐาน อีกทั้งการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งยังต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการตรวจสอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาด้วย
เลขาธิการ กกต.ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของการรักษาวามปลอดภัยให้กับ กกต.จังหวัด.ก็จะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสันติบาล เพื่อให้เข้ามาดูแลเช่นเดียวกับที่อาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงาน กกต.ซึ่งมีข่าวว่าอาจจะมีม็อบมากดดัน โดยจะต้องตรวจสอบบุคลคล และยานพาหนะที่เข้าออก เราไม่ใช่กระต่ายตื่นตูม แต่ก็ต้องระมัดระวังเอาไว้
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่ทราบว่าในพื้นที่มีการแข่งขันรุนแรง และประธานกกต.บุรีรัมย์มีความตั้งใจทำงาน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความปลอดภัยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะการทำหน้าที่อย่างนี้ก็เป็นธรรมดา
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ที่มีการมองว่าไม่ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะกกต.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีประธาน กกต.บุรีรัมย์เป็นประธาน แจ้งข้อกล่าวหาและรับการชี้แจง ซึ่งทั้ง 3 คนก็ได้รับทราบและก็มีมีหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
เมื่อถามว่า ในกรณีเขตอื่นมีการเรียกว่าที่ ส.ส.เข้าชี้แจง นายประพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สำนวนต่างๆ เรามอบหมายให้ทางจังหวัดเป็นคนแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้ว และกรณีต่างๆที่มาชี้แจงต่อ กกต.กลางขณะนี้ ก็เป็นคำสั่งที่ กกต.นัดหมายก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครคนใดต้องการที่จะเข้าชี้แจงต่อ กกต.กลางก็สามารถแจ้งเข้ามาได้ แล้ว กกต.ก็จะพิจารณาเป็นกรณีไป
“ที่มีข่าวว่า กกต.จะแจก 50-60 ใบแดง ไม่รู้เอาข่าวมาจากไหน เพราะ กกต.ทำตามพยานหลักฐานที่มีและเป็นกลาง และจะเอาที่ไหนไปให้ขณะนั้น” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ยังกล่าวถึงกรณีข่าว นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนจะลาออกว่าจะถอดใจหรือไม่ ให้ไปถามนายสมชัยเอง แต่คาดว่านายคงไม่ถอดใจ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในภาวะทำงาน หากจะทิ้งหน้าที่ในภาวะวิกฤตจะทำให้ยุ่ง
ด้าน นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวกรณีเดียวกันว่า เมื่อสักครู่ก็มีคนมาให้กำลังใจ ขอให้ปฏิบัติภารกิจให้เสร็จ นอกจากนี้ พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้จัดการเลือกตั้งให้ยุติธรรม และลุล่วง ซึ่งตนก็รับใส่เกล้าฯ และที่ผ่านมาก็จัดการเลือกตั้งได้ดีและควรทำให้สำเร็จ เพื่อประคองให้ประเทศเดินต่อไปได้
เมื่อถามว่าจะทำภารกิจให้เสร็จสิ้นหมายถึงการจัดเลือกตั้ง ส.ว.ด้วยใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า งานหลักคือการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ให้เรียบร้อย ส่วน ส.ว.เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะทำดูงานเฉพาะหน้าทำภารกิจให้สำเร็จ เมื่อถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรที่หลายฝ่ายมองว่าด้านสืบสวนสอบสวนไม่เป็นกลาง นายสมชัยกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เขาจับตามองสิถึงจะเป็นเรื่องดี ไม่สนใจสิถึงเป็นเรื่องแปลก ฝ่ายสอบสวนก็เป็นกลาง ก็ดูสิว่าเขายื่นซ้ายหรือขวา อย่าเอาความคิดเก่าๆ มาตัดสิน ต้องเข้าใจว่าหน้าที่ด้านสืบสวนของ กกต.ไม่ได้มีหน้าที่สืบสวนจริงๆแต่มีหน้าที่อ่านสำนวนและนำเสนอสำนวนให้ กกต.ทราบ ส่วนพนักงานสืบสวนในพื้นที่ เราใช้ตำรวจจาก สตช. และแต่งตั้งถึง 1,200 คน ซึ่งเราก็เสียเงินอบรมเป็นจำนวนมาก
“ปีใหม่ก็อยากเห็นการพูดจาไพเราะ ภาษาดอกไม้ แต่ดอกไม้กับงานไปด้วยกันไม่ได้ ซึ่งงานต้องมาก่อน แล้วดอกไม้ค่อยตามมา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) นำโดยนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ พร้อมประชาชนอีกประมาณ 20 คน ได้เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสำนักงาน กกต. เรียกร้องขอให้ กกต.ทบทวนมติยกคำร้องกรณีที่ตนเองกล่าวหาว่านายสุรเชษฐ มาศดิตถ์ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ว่าที่ ส.ส.เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ จ.นครศรีธรรมราช ใช้ให้ตัวแทนปราศรัยใส่ร้ายตน ภายหลังการยื่นหนังสือต่อนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมฯ แล้ว นายสุรชัย กล่าวว่า การที่ กกต.ยกคำร้องโดยให้เหตุผลว่าไม่มีพยานยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวอยู่บนเวทีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนมีเทปเสียงการปราศรัยที่วัดสระ ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งเมื่อนายสุรเชษฐปราศรัยเสร็จก็มีการเชิญนายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งเป็นบิดาของ น.ส.พิมพ์ภัทรา และเป็น ผอ.เลือกตั้งเขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยโจมตีตนโดยมีถ้อยคำระบุว่าตนด่าสถาบันเบื้องสูง ซึ่งยอมไม่ได้ เพราะตนเป็นนักโทษการเมืองคนสุดท้ายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่านพระราชทานอภัยโทษ แล้วจะมากล่าวหาอย่างนี้ได้อย่างไร อีกทั้งนายสุรเชษฐ และน.ส.พิมพ์ภัทรา ก็ไม่ได้ต่อสู้ในประเด็นว่าเขาไม่ได้อยู่ในระหว่างการปราศรัย รวมทั้งไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการปราศรัยด้วยเนื้อหาดังกล่าว แต่อ้างว่า เป็นการล้อเล่น
“ถามว่าที่นครราชสีมามีการระบุว่าเป็นการเตรียมแจกเงินค่าขนคนไปฟังปราศรัย ผู้สมัครไม่รู้อยู่ที่ไหน นายตี๋ก็ให้การว่าไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร แต่ กกต.แจกใบเหลืองเลย แต่กรณีนี้นายมาโนชญ์ เป็นพ่อ น.ส.พิมพ์ภัทรา เป็น ผอ.เลือกตั้งเขตเลือกตั้งนี้ ตอนปราศรัย ผู้สมัครทั้ง 2 คนก็อยู่บนเวที กกต.กลับยกคำร้อง ผมจึงมายื่นขอให้ทบทวน เพราะเห็นว่า กกต.ก็พูดเองว่ราจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เที่ยงธรรม จึงอยากรู้ว่า ถ้าเป็น ปชป.ยกคำร้องเสียดื้อๆ แต่ถ้าเป็นพรรคประชาชนแจกใบแดงใบเหลืองเสียง่ายๆ หรือเปล่า ซึ่งถ้า กกต.ไม่ทำอะไรก็จะพิจารณาเรื่องการฟ้องร้องต่อไป ตอนนี้ก็ยื่นฟ้องที่ศาลนครศรีธรรมราชแล้ว”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการยื่นหนังสือ ตัวแทน นปก.ก็ได้สอบถามนายสุเมธถึงข่าวที่ว่า กกต.มีการไปพบ คมช.จริงหรือไม่ และที่มีกระแสข่าวว่าจะมี กกต.3 คนลาออก เพื่อให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้จริงหรือไม่ ซึ่งนายสุเมธ กล่าวว่า ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของ กกต.ทำอย่างสุจริตเที่ยงธรรม ไม่อยู่ในอำนาจใคร ไม่มีใครสามารถกดดันการทำงานของ กกต.ได้ และตนไม่เคยไปพบ คมช.เลย และที่มีกระแสข่าวว่า กกต.จะลาออกก็ไม่เป็นความจริง เพราะทุกคนตั้งใจทำงานอยากจะให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว “ขอยืนยันว่าการทำหน้าที่ทุกอย่าง ทำไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ถ้าใครทำไม่ดีต่อประเทศก็ถือว่า พวกผมเนรคุณต่อประเทศชาติ” นายสุเมธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการปราศรัยที่หน้าสำนักงาน กกต.ของนายสรุชัยยังได้มีการเสนอ 4 ข้อเรียกร้องต่อ กกต.ประกอบด้วย 1.ให้ กกต.ดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และหากมีการแทรกแซงก็ให้ กกต.ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ 2.การแจกใบเหลือง ใบแดง ต้องให้โอกาสผู้ถูกร้องเรียนชี้แจง และต้องไม่เลือกปฏิบัติ 3.ขอคัดค้านการพูดของนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ที่ระบุว่าหาก กกต.ถูกกดดันมากจะลาออก และส่งผลให้ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ การพูดเช่นนี้ถือเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางการเมือง และการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และ 4.ขอรียกร้องให้ คมช. และอำนาจนอกระบบทุกกลุ่มทุกคนยุติการแทรกแซงทางการเมือง