ผู้จัดการรายวัน - "บิ๊กบัง" ยอมรับต่อสายคุย "ทักษิณ" จริง อ้างคุยกับแบบพี่น้องเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีเกี้ยเซียะหรือมวยล้มต้มคนดู ระบุปฎิวัติไม่ล้มเหลวแม้ผู้ถูกขับไล่ได้กลับมา เพราะจะเป็นบทเรียนให้รัฐบาลนำไปบริหารประเทศ พร้อมปฎิเสธขัดแย้งกับ ผบ.ทบ. ส่วนรัฐบาลต้องให้กำลังใจในการทำงาน ด้าน "พล.อ.อนุพงษ์" ปัดเคลียร์ "แม้ว-อ้อ" บอกชีวิตนี้ยังไม่เคยคุยกับ "พจมาน" แม้แต่คำเดียว คตส.ไม่สนใครจูบปากใคร ขอสางคดีทุจริตจนจบ "สุริยะใส" ชี้ "สนธิ" ไม่มีทางเลือก ต้องคุย "แม้ว" เหตุผู้มีอำนาจเหนือกว่าไปฮั้วกันเรียบร้อยแล้ว เชื่อคงซาบซึ่งบทเรียน "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล"
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวถึงผลงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ผ่านมาว่าบางส่วนก็สำเร็จ บางส่วนก็ไม่สำเร็จ เพราะงานบางอย่างไม่ได้ทำวันเดียวเสร็จ เช่นการทำความเข้าใจในสังคม ให้เกิดความรัก ความสามัคคีเป็นต้นต้องใช้เวลาทำตความเข้าใจ ส่วนการแก้ปัญหาภาคใต้ วันนี้ถือว่าสำเร็จไปขั้นหนึ่ง โดยสามารถจับกุมแนวร่วมได้จำนวนไม่น้อย และประชาชนก็เข้ามาเป็นแนวร่วมภาครัฐมากขึ้น ถือเป็นความสำเร็จตามขั้นตอนของมัน
"สิ่งสำคัญคิดว่าเวลานี้ประชาชนทั้งประเทศได้รับบทเรียนและได้เห็นบทเรียน และนำบทเรียนเหล่านั้นมาตรวจสอบดูประเทศจะเป็นอย่างไร ประชาชนคิดได้เอง เวลานี้ถือเป็นบทเรียนที่มีค่าสูงสุด"
ส่วนในบรรดา คมช.ทั้ง 2 ท่าน ได้ทำหน้าที่สำเร็จหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กองทัพมีขั้นตอนการทำงานอยู้แล้ว ถามว่าสำเร็จหรือไม่ การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จก็ถือเป็นความสำเร็จตามขั้นตอนที่กำหนดตามแนวทางและวางแผนไว้ ส่วนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นต้องให้ประชาชนตัดสิน ตนวิเคราะห์ไม่ได้ เพราะมีส่วนร่วมด้วยในช่วง 2-3 เดือนสุดท้าย อย่างไรก็ตามตนก็พอใจในระดับหนึ่ง
ชี้ผลสำเร็จคือรัฐบาลต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอใจกับการปฏิวัติจุดไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ทุกอย่าง เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการ ผู้ตัดสินคือประชาชน และถือว่าเราพอใจในทุกๆ ด้าน เมื่อถามว่า คิดว่าการทำปฏิวัติสูญเปล่าหรือไม่ เพราะวันนี้กลุ่มผู้ถูกขับไล่กลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีก พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คิดคนละด้าน ทั้งหลายทั้งปวงประชาชนจะพิสูจน์เองว่า ที่ผ่านมามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ประชาชนวิเคราะห์แล้วว่าเป็นอย่างไร ต้องยอมรับการตัดสินของประชาชน ต่อข้อถามว่า เป็นไปได้ไหมที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับ คมช. โดย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาชนทั้งประเทศมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการปฏิวัติตรงเป้าหมายหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีสิ่งหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จที่อยู่ในใจคน ประชาชนได้มองเป็นและได้รู้ ฉะนั้นการบริหารประเทศของรัฐบาลทำอะไรก็ต้องระวัง ถ้าไม่อย่างนั้นประชาชนจะออกมาบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง จุดนี้ถือว่ามีค่าสุงสุดสำหรับการปฏิวัติครั้งนี้ เมื่อถามว่า หากย้อนอดีตได้จะแก้ไขเรื่องอะไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ย้อนไม่ได้มันเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อถามว่า ห่วงกองทัพหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กองทัพมีวินัย ในต่างประเทศและประเทศมหาอำนาจก็มีพลเรือนเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ฉะนั้นการบริหารจัดการกองทัพคนที่ไม่เคยอยู่ในกองทัพและเข้ามาบริหารกองทัพจะได้บทเรียนที่ดีว่าทหารมีวินัย
ส่วน 1 ปีที่ผ่านมาคนไทยได้อะไรจากการปฏิวัติบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปถามคนไทยดู บอกแล้วว่าสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน การศึกษาเรื่องบทเรียน ต้องถามประชาชนว่าเขาได้อะไรจากการที่เราทำไปในคราวนั้น เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวท่านได้บทเรียนหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มี มันก็มีแต่ละคนที่ได้รับบทเรียนมา มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือกองทัพ การกระทำอันใดก็ตามหากซ้ำกับบทเรียนเก่าไม่นำมาพิจารณาไตร่ตรองมันก็จะมีบทเรียนของมัน ตรงนี้คิดว่าแต่ละบท แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน ต่อข้อถามว่ารู้สึกท้อหรือไม่ ที่เจตนารมย์ในการปฏิวัติไม่ผลเท่าที่ควร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ เชื่อว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันเป้นความสำเร็จ ที่มีคุณค่าใหญ่หลวง
ทำเพื่อชาติบ้านเมืองไม่หวั่นถูกเช็คบิล
ส่วนการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาขนเป็นผู้เลือกและตัดสิน ส.ส.ก็โหวตให้ ถือเป็นมติของประชาชน ต่อข้อถามว่าทหารควรเลือก รมว.กลาโหมเองหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ควรเลือก อำนาจอยู่ในการบริหารของรัฐบาล ส่วนข่าวที่ว่ามีการต่อรอง ตำแหน่ง รมว.กลาโหม นั้นตนเห็นว่าข่าวก็คือข่าว เราเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่อยากให้ประชาชนกังวลคิดไปหลายด้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะคุยกับทาง คมช.และ ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้นำเลห่าทัพ ตนหมดภาระในการเข้าไปดู คมช.และเป็นราษฏรเต็มขั้นแล้ว เมื่อถามว่า ห่วงโนเช็คบิลหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงเลย ในชีวิตรับราชการมามีความสะอาดโปร่งใส เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีการเช็คบิลไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ ไม่รู้ใครจะมาเช็ค ยืนยันทำทุกอย่างมาด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ทำทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมืองโดยแท้จริง เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต
ขอให้กำลังใจรัฐบาลได้ทำงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ประเทศถือว่าเป็นประชาธิปไตยแท้จริงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการพัฒนาและเป็นบทเรียน เชื่อว่าทั้งประชาชนและรัฐบาลจะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นข้อพิจารณาในการจะทำอะไรต่อไปข้างหน้า เมื่อถามว่า จะฝากบอกรัฐบาลใหม่อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ยืนยันว่าผมเป็นกำลังใจให้รัฐบาลและอยากให้ประชาชนทั้งประเทศ พรรคการเมือง พรรคฝ่ายค้าน คงเป็นพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ต้องให้กำลังใจ ผมอยากเห็น ความเป็นสุภาพบุรุษ เช่นเดียวกับต่างชาติ ที่เห็นว่าเมื่อมีพรรคการเมืองฝ่ายใดขึ้นมา บริหารประเทศแล้ว ส่วนที่เหลือจะต้องเป็นกำลังใจให้และสนับสนุน พวกเราก็เป็นประชาชนคนหนึ่งต้องให้กำลังใจรัฐบาลในการที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และต้องเฝ่าดูว่าเราอยากจะเป็นอะไรเราอยากได้อะไรให้รัฐบาลเขาช่วยทำ"
ส่วนหากวันข้างหน้ารัฐบาลทุจริตโอกาสที่กองทัพจะทำการปฏิวัติมีอีกหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้ตอบไม่ได้แล้ว ตนไม่ได้มีกำลังอะไรอีกแล้ว และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้วอันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวเรื่องเหล่านี้คงลำบากถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ต้องไปถามกองทัพ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่ได้คุยกับกองทัพในเรื่องของการเมือง หน้าที่เราคือเรื่องความมั่นคง เมื่องานความมั่นคงจบภาระหน้าที่แล้วก็ไม่เคยก้าวเข้าไปทำใดๆกับกองทัพบกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะตนเป็นคนรักษามารยาทของผู้บังคับบัญชาที่ดีและเป็นถึงผู้บังคับบัญชาก็จะไม่เข้าไปชี้นำใดๆทั้งสิ้น หากชี้นำก็ทำตอนเป็นไม่ใช่ตอนพ้นมาแล้ว
ปฎิเสธขัดแย้งกับ ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่จะเข้าไปดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ณ เวลานี้ยังไม่ได้คิดเลย เวลานี้เป็นความสุขมาก ส่วนกระแสข่าวที่มีความขัดแย้งกับ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ.สนธิ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน เมื่อถามว่า ทาง คมช.มีความแตกแยกหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปคุยกับเขาตอนนี้เราออกมาแล้ว เห็นไปงานเจอกันทุกคนก็คุยกันยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่น่าจะมีเงื่อนไขอะไร
"สิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน บทเรียนแต่ละบทที่ผ่านมาต้องหยิบมาดู ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยมันมีมาตลอดเวลาว่าครั้งใดที่เสียกรุงคือครั้งนั้นคนไทยไม่สมานสามัคคีกัน แตกแยกความสามัคคีกัน นั่นคือบทเรียนให้เห็น"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ารัฐบาบใหม่จะสามารถนำพาคนในประเทศไปสู่ความ สมานฉันท์ได้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กำนดเป็นนโยบายที่จะต้องสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งต้องมีวิธีการปฏิบัติ ว่าจะปฏิบัติอย่างไร มันต้องมีแนวทาง มีขั้น มีตอนของมัน ฉะนั้นทุกอย่างที่จะทำอะไรก็แล้วแต่วัตถุประสงค์มันมี และมีขั้นตอนในการทำ
"สนธิ"ยอมรับยกหูเคลียร์"แม้ว"
ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงเวลาหรือยังที่จะคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คงต้องพูดสักทีวันนี้ ได้คุยกันแล้ว คุยกันในฐานะพี่น้องเฉยๆ เมื่อถามว่า คุยลักษณะไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ดีๆๆ ไม่มีปัญหา คุยนานแล้วตั้งแต่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า มีการร้องขออะไรหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี คุยในฐานะพี่น้อง เมื่อถามว่า ใครคนติดต่อประสานการคุย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนเป็นคนติดต่อเองว่าท่านอยู่ที่ไหน เมื่อถามว่า คุยกันก่อนที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จะเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก่อนครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนธิ พยายามที่จะตัดบทให้สื่อจบการซักถามเรื่อง การคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทางสื่อไม่ยอมพร้อมกับยิงคำถามต่อว่า เพื่อคลายความสงสัยเพราะก่อนหน้านี้มีการตั้งคำถามอาจจะมีการตอบแทนผลประโยชน์กัน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่ ต้องเข้าใจว่าการพูดการคุยมันอาจจะพูดคุย ในกรอบที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งตนก็บอกแล้ววว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง คุยกันในฐานะพี่น้อง
ยืนยันไม่มีการคุยถึงคดีต่างๆ
ส่วนมีเหตุผลอะไรที่ต้องคุยกันในช่วงนี้นั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คุยกันไมได้หรือไงพี่น้องกัน เมื่อถามว่า เป็นการคุยกันเองหรือมีคนประสานให้คุย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีคนกลางที่ต้องการจะพูดคุย เขาเห็นบ้านเมืองไม่เรียบร้อย ก็เป็นห่วง ห่วงใยว่าบ้านเมืองมันไม่ค่อยเรียบร้อยอยากให้เกิดความสงบ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อถามว่า คุยกันถึงคดีต่างๆหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มีครับ ไม่มี
ต่อข้อถาม่าข้อสรุปของทั้งสองฝ่ายที่คุยกันคืออย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คือต้องเข้าใจว่าช่วงนี้บ้านเมืองเราต้องการอะไร เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ระหว่างท่านกับพ.ต.ท.ทักษิณ จูบปากกันหวานชื่นแล้ว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างงั้น คำว่าพูดคุยในฐานะพี่น้องเราต้องเข้าใจว่าการเป็นนักเรียนทหารต้องมีความรัก ความผูกพัน ฉะนั้นก็มีการพูดคุยกันธรรมดา
อ้างคุยเพราะห่วงบ้านเมืองไม่มีนัยอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การคุยช่วงนี้มีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นเงื่อนไขสำคัญแล้ว มีการจัดตั้งรัฐบาลถูกต้องเป็นไปด้วยความ เรียบร้อย เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะตีกล๊อฟกับพ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ความเป็นพี่เป็นน้องกันตีกอล์ฟกันได้อยู่แล้ว ต่อข้อถามว่าเป้าหมายการคุยกันเพื่ออะไรเพื่อบ้านเมืองหรือหาทางลงให้ตัวเอง พล.อ.สุรยุทธ กล่าวว่า ไม่ใช่ บอกแล้วว่าคุยกันแบบตรงไปตรงมา ไม่มีนัยยะ ทุกคนห่วงใยบ้านเมืองด้วยกันทั้งนั้นไม่เฉพาะพวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเองตรงนี้ ทุกคนอยากเห้นบ้านเมืองเรียบร้อย เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการความปลอดภัยในการเดินทางกลับประเทศหรือเปล่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราไม่ได้คุยกันในเรื่องพวกนั้นเลย "อยากจะบอกว่าเรายังรักกันอยู่แค่นั้นเองความเป็นพี่เป็นน้องยังมีอยู่"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คุยที่กรุงเทพฯ ทางโทรศัพท์ และสิ่งที่คุยกันนี้ขอให้เขียนกันเรื่องดีๆบ้างนะ เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ 3 เดือน 6 เดือนข้างหน้าท่านจะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองจากรัฐบาล เพราะมีกระแสข่าวอีก 3 เดือนท่านจะกลับมาร่วมรัฐบาลบริหารประเทศ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว บอกแล้วไม่เล่นการเมือง
รับรองไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่
ผู้สื่อข่าวติงว่า ประชาชนจะคิดว่าการปฏิวัติเป็นมวยล้มต้มคนดู พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ทุกคนต้องฟังการพูดของตนเองตั้งแต่ต้น อย่าหยิบตรง เนื้อท้ายๆ แล้วมาเขียนเป็นมวยล้มต้มคนดู บอกแล้วว่าภารกิจของเราที่ทำไปมันมีบทเรียน ยืนยันว่าคุยกันในฐานะพี่น้อง ไม่ใช่เจรจา เป็นการพูดคุยกันธรรมดา อย่าคิดว่าการคุยกันจะเป็นเรื่องเสียหาย เรื่องคดีเราไม่คุยกัน คุยกันไม่กี่นาที รับรองไม่มีมวยล้มต้มคนดู และคิดว่าคนที่อยากคุยมีอีกเยอะเพียงแต่ไม่มีโอกาส มายืนที่หน้าไมค์
เมื่อถามย้ำว่า การคุยแบบพี่กับน้องคุยกันเรื่องอะไร สังคมต้องสงสัย ตอบได้ไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ชาติบ้านเมือง มีคนปราถนาดีอยากเห็นชาติบ้านเมืองเรียบร้อย เขาพยามเป็นตัวกลางให้เยอะมาก ฝ่ายเรา กองทัพ หรือ คมช.ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ต้องการเห็นบ้านมืองมีความสงบเรียบร้อย ต่อข้อถามว่าคุยกันเหมือนลอยตัวเองเหนือปัญหาทิ้งพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.สนธิ กล่าวว่าตนคนเดียวปฏิวัติ ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง คมช.รับรู้การคุยนี้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ไม่เกี่ยวกับใคร เป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆ นิดเดียวคุยกันสั้นๆ เมื่อถามว่า น้องๆ คมช.จะสงสัยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยอะไร เพราะทุกคนก็รู้ ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับ คมช.แล้ว เมื่อถามว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า โล่งสิ เมื่อถามถึงกระแสข่าวลี้ภัยไปประเทศตะวันออกกลาง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จะไปอยู่ไหนถ้าไม่ใช่ประเทศไทย ครอบครัวก็อยู่ในไทย เชื่อว่าสื่อมวลชนคงพินิจพิจารณา ว่าเป็นไปได้ไหม และหลังจากหมดภาระจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เวลานี้กำลังดูโปรมแกรมทัวร์อยู่ มีคนชวนไปเที่ยวอังกฤษด้วยนะ
"อนุพงษ์"ปัดคุย"แม้ว-หญิงอ้อ"
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยืนยันว่าไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้าใจว่าสื่อฉบับใดนำไปเขียนเป็นเรื่องเป็นราวว่าเป็นตัวกลาง ยืนยันว่าชีวตินนี้ไม่เคยพูดคุยกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร แมแต่คำเดียว จะไปพูดได้อย่างไรว่าตนเป็นคนกลาง สื่อพูดเองก็ช่วยชี้แจงด้วยแล้วกัน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้คุยกัน ท่านคงไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองตอนนี้ จะไปบอกว่าท่านไปก้าวล่วงตรงนั้นคงไม่ดี มันกระเทือนรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังการจัดวางคณะรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ถ้าใช้คำถามว่าคิด ก็ให้ผู้สื่อข่าวคิดเองแล้วกัน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.สนธิ เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง หรือไม่ พล.อ. อนุพงษ์ ตอบว่า "จะไปพูดกันที่ไหน"
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่าไม่ทราบที่ คมช.จะแถลงสรุปการทำงาน เพราะไม่ได้ร่วมประชุมกับ คมช.แค่ต้อนรับสมาชิก คมช.ที่เข้ามาหารือกันที่กองบทัพบกเท่านั้นหลังจากนั้นก็ไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต
ระบุ"บัง"ยกหูคุย"แม้ว"ไม่ได้เคลียร์
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สน ระบุว่าได้ต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า คงเป็นไปตามที่ พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ที่เคยเห็นแตกต่างกันหันมาพูดคุยกัน บ้านเมืองจะได้ลดความขัดแย้งและมีความ สมานฉันท์ปรองดองเกิดขึ้น รัฐบาลชุดใหม่ก็จะสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นไปด้วย
ส่วนที่สังคมสงสัยในเรื่องที่มีการพูดจากัน นายนพดล กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้ว่า มีการพูดคุยอะไรกันบ้าง แต่น่าจะเป็นเรื่องความสมานฉันท์และความปรองดอง รวมทั้งเป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ซึ่งไม่ใช่การเคลียร์อย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคพลังประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณให้อภัยพล.อ.สนธิแล้ว ใช่หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า คงไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะไม่ทราบว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง แต่ขณะนี้เราต้องเร่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน แต่ตนได้พูดมาตั้งแต่แรก แล้วว่า จะไม่มีการล้างแค้นใครทั้งสิ้น เพราะเราต้องทำงานให้กับคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาคกัน
ส่วนจะส่งผลให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยเร็วขึ้นหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า กำหนดการณ์คือเดือนพฤษภาคม แต่ก็มีความเป็นไปได้ คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่งก่อน
คตส.ลุยสางโกงไม่สนใครจับมือกับใคร
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. กล่าวว่าเราไม่สนใจที่ พล.อ.สนธิ คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ขอทำหน้าที่โดยไม่อยากรับรู้เรื่องคนอื่นว่าทำอะไรอย่างไร เราจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างมาตรฐานให้บ้านเมือง แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จนปัญญาเหมือนกัน
ส่วนที่เคยระบุว่ากลัวการวิ่งเต้นนอกระบบ ตอนนี้ยังกลัวอยู่หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ไม่กลัว ที่พูดหมายความว่าถ้ามีการวิ่งเต้นนอกระบบก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมืองไม่ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อคตส.สรุปคดีเสร็จและส่งให้หน่วยงานอื่น แล้วผลของคดีต่างๆ จะออกมาอย่างไรก็ต้องทำใจว่ามันเป็นสิ่งที่เกินกรอบที่ คตส.จะทำได้ ซึ่งคนไทยก็ต้องทำใจเช่นกันไม่อย่างนั้นจะเป็นทุกข์เปล่าๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่กรรมการคตส.บางคนจะลาออกก่อนครบ วาระ นายอุดม กล่าวว่า ตนคงไม่ลาออก เพราะถือว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน ต้องช่วยกันทำงานจนกว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทิ้งงาน
นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส. กล่าวว่า คตส.จะขอทำหน้าที่ต่อไป จนเสร็จสิ้น เพราะมีความรับผิดชอบมากพอ ไม่สนใจว่าใครจะจับมือคืนดีกับใคร หรือใครจะสมานฉันท์กับใคร คตส.ทำเกี่ยวกับกฎหมายและสรุปเรื่องส่งไปยังศาลเท่านั้น และไม่คิดจะลาออกจากกรรมการคตส.ก่อนคดีที่รับผิดชอบจะเสร็จสิ้น
ชี้"บัง"เจอบทเรียนเสร็จนาฆ่าโคถึก
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิกแรคณะกรรมการณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่าไม่แปลงใจอะไรที่ พล.อ.สนธิ ยอมรับว่าต่อสายคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยบอกว่า พยายามประสานให้ทั้งสองคุยกัน แต่ต่างมีทิฐิก็เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง
"ตอน พล.อ.สนธิ เป็นประธาน คมช. และ ผบ.ทบ.มีอำนาจก็ปฎิเสธ พอหมดอำนาจถูกโดดเดี่ยว แม้มาเป็นรองนายกฯ ดูงานรณรงค์เลือกตั้ง หรือ ครส.ก็ไม่มีอำนาจสั่งการอะไร งบและกำลังผลก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากนายกฯ ผลการเลือกตั้งเลยออกมาเหนือความคาดกากรณ์ พล.อ.สนธิ อาจไม่มีทางเลือก เพราะทั้งนายกฯและผู้ใหญ่ลายคนได้พูดคุยต่อสายหารือกับคุณทักษิณตลอดเวลา"
นายสุริยะใส กล่าวว่า หากดูแนวทางในการบริหารงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ จะเห็นว่าไม่ลงมาคลุกกับความขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่าย คือลอยตัวและอ้างกติกา แต่ไม่รู้กติกาของใครและเพื่อใคร ซึ่งเป็นการเอาตัวเองรอดไว้ก่อน ไม่สนใจว่าได้ทิ้งปัญหาให้ประเทศและประชาชนแค่ไหน
พล.อ.สนธิ จะเต็มใจที่จะคุยกับ พตท.ทักษิณ หรือไม่ คงไม่ใช่ประเด็นเพราะนั่นคงเป็นเพียงรูปแบบ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่ามีความพยายามของผู้มีอำนาจ จากสองฝ่ายพยายามจะฮั้วกัน โดยเลิกลาต่อกันลืมอดีต และไม่สนใจว่าผิดถูกคืออะไร เป็นเกมอำนาจที่ออกแบบโดยผู้มีอำนาจ พล.อ.สนธิ จำต้องเลือกเล่นตามเกม ขืนแข็งไปคงไม่มีประโยชน์เพราะตัวเองไม่เหลืออำนาจอะไรแล้ว
"บทเรียนที่ พล.อ.สนธิ พูดถึงนั้นก็ทำให้เราคิดต่อได้ว่าประชาชนไม่อาจวางใจ ใครให้ใช้อำนาจแทนได้ และพึ่งพาตัวเองดีกว่าพึ่งพาคนอื่น ที่สำคัญประเทศนี้เงินซื้อได้ เกือบทุกอย่าง สำหรับ พล.อ.สนธิ ก็คงซาบซึ้งกับสุภาษิตเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล สัญญาณแบบนี้ก็เป็นไปได้ที่กระบวนการยุติธรรมอาจถูกแทรกแซง จนสุดท้ายอาจทำให้คดีความใน กกต.ที่เกี่ยวพันกับพรรคพลังประชาชนและคดีความคุณทักษิณ กลายเป็นโมฆะทั้งหมด สังคมต้องจับตาอย่ากระพริบ"
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวถึงผลงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ผ่านมาว่าบางส่วนก็สำเร็จ บางส่วนก็ไม่สำเร็จ เพราะงานบางอย่างไม่ได้ทำวันเดียวเสร็จ เช่นการทำความเข้าใจในสังคม ให้เกิดความรัก ความสามัคคีเป็นต้นต้องใช้เวลาทำตความเข้าใจ ส่วนการแก้ปัญหาภาคใต้ วันนี้ถือว่าสำเร็จไปขั้นหนึ่ง โดยสามารถจับกุมแนวร่วมได้จำนวนไม่น้อย และประชาชนก็เข้ามาเป็นแนวร่วมภาครัฐมากขึ้น ถือเป็นความสำเร็จตามขั้นตอนของมัน
"สิ่งสำคัญคิดว่าเวลานี้ประชาชนทั้งประเทศได้รับบทเรียนและได้เห็นบทเรียน และนำบทเรียนเหล่านั้นมาตรวจสอบดูประเทศจะเป็นอย่างไร ประชาชนคิดได้เอง เวลานี้ถือเป็นบทเรียนที่มีค่าสูงสุด"
ส่วนในบรรดา คมช.ทั้ง 2 ท่าน ได้ทำหน้าที่สำเร็จหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กองทัพมีขั้นตอนการทำงานอยู้แล้ว ถามว่าสำเร็จหรือไม่ การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จก็ถือเป็นความสำเร็จตามขั้นตอนที่กำหนดตามแนวทางและวางแผนไว้ ส่วนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นต้องให้ประชาชนตัดสิน ตนวิเคราะห์ไม่ได้ เพราะมีส่วนร่วมด้วยในช่วง 2-3 เดือนสุดท้าย อย่างไรก็ตามตนก็พอใจในระดับหนึ่ง
ชี้ผลสำเร็จคือรัฐบาลต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอใจกับการปฏิวัติจุดไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ทุกอย่าง เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการ ผู้ตัดสินคือประชาชน และถือว่าเราพอใจในทุกๆ ด้าน เมื่อถามว่า คิดว่าการทำปฏิวัติสูญเปล่าหรือไม่ เพราะวันนี้กลุ่มผู้ถูกขับไล่กลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีก พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คิดคนละด้าน ทั้งหลายทั้งปวงประชาชนจะพิสูจน์เองว่า ที่ผ่านมามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ประชาชนวิเคราะห์แล้วว่าเป็นอย่างไร ต้องยอมรับการตัดสินของประชาชน ต่อข้อถามว่า เป็นไปได้ไหมที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับ คมช. โดย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาชนทั้งประเทศมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการปฏิวัติตรงเป้าหมายหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีสิ่งหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จที่อยู่ในใจคน ประชาชนได้มองเป็นและได้รู้ ฉะนั้นการบริหารประเทศของรัฐบาลทำอะไรก็ต้องระวัง ถ้าไม่อย่างนั้นประชาชนจะออกมาบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง จุดนี้ถือว่ามีค่าสุงสุดสำหรับการปฏิวัติครั้งนี้ เมื่อถามว่า หากย้อนอดีตได้จะแก้ไขเรื่องอะไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ย้อนไม่ได้มันเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อถามว่า ห่วงกองทัพหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กองทัพมีวินัย ในต่างประเทศและประเทศมหาอำนาจก็มีพลเรือนเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ฉะนั้นการบริหารจัดการกองทัพคนที่ไม่เคยอยู่ในกองทัพและเข้ามาบริหารกองทัพจะได้บทเรียนที่ดีว่าทหารมีวินัย
ส่วน 1 ปีที่ผ่านมาคนไทยได้อะไรจากการปฏิวัติบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปถามคนไทยดู บอกแล้วว่าสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน การศึกษาเรื่องบทเรียน ต้องถามประชาชนว่าเขาได้อะไรจากการที่เราทำไปในคราวนั้น เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวท่านได้บทเรียนหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มี มันก็มีแต่ละคนที่ได้รับบทเรียนมา มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือกองทัพ การกระทำอันใดก็ตามหากซ้ำกับบทเรียนเก่าไม่นำมาพิจารณาไตร่ตรองมันก็จะมีบทเรียนของมัน ตรงนี้คิดว่าแต่ละบท แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน ต่อข้อถามว่ารู้สึกท้อหรือไม่ ที่เจตนารมย์ในการปฏิวัติไม่ผลเท่าที่ควร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ เชื่อว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันเป้นความสำเร็จ ที่มีคุณค่าใหญ่หลวง
ทำเพื่อชาติบ้านเมืองไม่หวั่นถูกเช็คบิล
ส่วนการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาขนเป็นผู้เลือกและตัดสิน ส.ส.ก็โหวตให้ ถือเป็นมติของประชาชน ต่อข้อถามว่าทหารควรเลือก รมว.กลาโหมเองหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ควรเลือก อำนาจอยู่ในการบริหารของรัฐบาล ส่วนข่าวที่ว่ามีการต่อรอง ตำแหน่ง รมว.กลาโหม นั้นตนเห็นว่าข่าวก็คือข่าว เราเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่อยากให้ประชาชนกังวลคิดไปหลายด้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะคุยกับทาง คมช.และ ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้นำเลห่าทัพ ตนหมดภาระในการเข้าไปดู คมช.และเป็นราษฏรเต็มขั้นแล้ว เมื่อถามว่า ห่วงโนเช็คบิลหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงเลย ในชีวิตรับราชการมามีความสะอาดโปร่งใส เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีการเช็คบิลไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ ไม่รู้ใครจะมาเช็ค ยืนยันทำทุกอย่างมาด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ทำทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมืองโดยแท้จริง เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต
ขอให้กำลังใจรัฐบาลได้ทำงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ประเทศถือว่าเป็นประชาธิปไตยแท้จริงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการพัฒนาและเป็นบทเรียน เชื่อว่าทั้งประชาชนและรัฐบาลจะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นข้อพิจารณาในการจะทำอะไรต่อไปข้างหน้า เมื่อถามว่า จะฝากบอกรัฐบาลใหม่อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ยืนยันว่าผมเป็นกำลังใจให้รัฐบาลและอยากให้ประชาชนทั้งประเทศ พรรคการเมือง พรรคฝ่ายค้าน คงเป็นพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ต้องให้กำลังใจ ผมอยากเห็น ความเป็นสุภาพบุรุษ เช่นเดียวกับต่างชาติ ที่เห็นว่าเมื่อมีพรรคการเมืองฝ่ายใดขึ้นมา บริหารประเทศแล้ว ส่วนที่เหลือจะต้องเป็นกำลังใจให้และสนับสนุน พวกเราก็เป็นประชาชนคนหนึ่งต้องให้กำลังใจรัฐบาลในการที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และต้องเฝ่าดูว่าเราอยากจะเป็นอะไรเราอยากได้อะไรให้รัฐบาลเขาช่วยทำ"
ส่วนหากวันข้างหน้ารัฐบาลทุจริตโอกาสที่กองทัพจะทำการปฏิวัติมีอีกหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้ตอบไม่ได้แล้ว ตนไม่ได้มีกำลังอะไรอีกแล้ว และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้วอันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวเรื่องเหล่านี้คงลำบากถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ต้องไปถามกองทัพ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่ได้คุยกับกองทัพในเรื่องของการเมือง หน้าที่เราคือเรื่องความมั่นคง เมื่องานความมั่นคงจบภาระหน้าที่แล้วก็ไม่เคยก้าวเข้าไปทำใดๆกับกองทัพบกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะตนเป็นคนรักษามารยาทของผู้บังคับบัญชาที่ดีและเป็นถึงผู้บังคับบัญชาก็จะไม่เข้าไปชี้นำใดๆทั้งสิ้น หากชี้นำก็ทำตอนเป็นไม่ใช่ตอนพ้นมาแล้ว
ปฎิเสธขัดแย้งกับ ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่จะเข้าไปดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ณ เวลานี้ยังไม่ได้คิดเลย เวลานี้เป็นความสุขมาก ส่วนกระแสข่าวที่มีความขัดแย้งกับ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ.สนธิ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน เมื่อถามว่า ทาง คมช.มีความแตกแยกหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปคุยกับเขาตอนนี้เราออกมาแล้ว เห็นไปงานเจอกันทุกคนก็คุยกันยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่น่าจะมีเงื่อนไขอะไร
"สิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน บทเรียนแต่ละบทที่ผ่านมาต้องหยิบมาดู ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยมันมีมาตลอดเวลาว่าครั้งใดที่เสียกรุงคือครั้งนั้นคนไทยไม่สมานสามัคคีกัน แตกแยกความสามัคคีกัน นั่นคือบทเรียนให้เห็น"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ารัฐบาบใหม่จะสามารถนำพาคนในประเทศไปสู่ความ สมานฉันท์ได้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กำนดเป็นนโยบายที่จะต้องสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งต้องมีวิธีการปฏิบัติ ว่าจะปฏิบัติอย่างไร มันต้องมีแนวทาง มีขั้น มีตอนของมัน ฉะนั้นทุกอย่างที่จะทำอะไรก็แล้วแต่วัตถุประสงค์มันมี และมีขั้นตอนในการทำ
"สนธิ"ยอมรับยกหูเคลียร์"แม้ว"
ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงเวลาหรือยังที่จะคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คงต้องพูดสักทีวันนี้ ได้คุยกันแล้ว คุยกันในฐานะพี่น้องเฉยๆ เมื่อถามว่า คุยลักษณะไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ดีๆๆ ไม่มีปัญหา คุยนานแล้วตั้งแต่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า มีการร้องขออะไรหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี คุยในฐานะพี่น้อง เมื่อถามว่า ใครคนติดต่อประสานการคุย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนเป็นคนติดต่อเองว่าท่านอยู่ที่ไหน เมื่อถามว่า คุยกันก่อนที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จะเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก่อนครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนธิ พยายามที่จะตัดบทให้สื่อจบการซักถามเรื่อง การคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทางสื่อไม่ยอมพร้อมกับยิงคำถามต่อว่า เพื่อคลายความสงสัยเพราะก่อนหน้านี้มีการตั้งคำถามอาจจะมีการตอบแทนผลประโยชน์กัน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่ ต้องเข้าใจว่าการพูดการคุยมันอาจจะพูดคุย ในกรอบที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งตนก็บอกแล้ววว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง คุยกันในฐานะพี่น้อง
ยืนยันไม่มีการคุยถึงคดีต่างๆ
ส่วนมีเหตุผลอะไรที่ต้องคุยกันในช่วงนี้นั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คุยกันไมได้หรือไงพี่น้องกัน เมื่อถามว่า เป็นการคุยกันเองหรือมีคนประสานให้คุย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีคนกลางที่ต้องการจะพูดคุย เขาเห็นบ้านเมืองไม่เรียบร้อย ก็เป็นห่วง ห่วงใยว่าบ้านเมืองมันไม่ค่อยเรียบร้อยอยากให้เกิดความสงบ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อถามว่า คุยกันถึงคดีต่างๆหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มีครับ ไม่มี
ต่อข้อถาม่าข้อสรุปของทั้งสองฝ่ายที่คุยกันคืออย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คือต้องเข้าใจว่าช่วงนี้บ้านเมืองเราต้องการอะไร เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ระหว่างท่านกับพ.ต.ท.ทักษิณ จูบปากกันหวานชื่นแล้ว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างงั้น คำว่าพูดคุยในฐานะพี่น้องเราต้องเข้าใจว่าการเป็นนักเรียนทหารต้องมีความรัก ความผูกพัน ฉะนั้นก็มีการพูดคุยกันธรรมดา
อ้างคุยเพราะห่วงบ้านเมืองไม่มีนัยอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การคุยช่วงนี้มีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นเงื่อนไขสำคัญแล้ว มีการจัดตั้งรัฐบาลถูกต้องเป็นไปด้วยความ เรียบร้อย เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะตีกล๊อฟกับพ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ความเป็นพี่เป็นน้องกันตีกอล์ฟกันได้อยู่แล้ว ต่อข้อถามว่าเป้าหมายการคุยกันเพื่ออะไรเพื่อบ้านเมืองหรือหาทางลงให้ตัวเอง พล.อ.สุรยุทธ กล่าวว่า ไม่ใช่ บอกแล้วว่าคุยกันแบบตรงไปตรงมา ไม่มีนัยยะ ทุกคนห่วงใยบ้านเมืองด้วยกันทั้งนั้นไม่เฉพาะพวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเองตรงนี้ ทุกคนอยากเห้นบ้านเมืองเรียบร้อย เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการความปลอดภัยในการเดินทางกลับประเทศหรือเปล่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราไม่ได้คุยกันในเรื่องพวกนั้นเลย "อยากจะบอกว่าเรายังรักกันอยู่แค่นั้นเองความเป็นพี่เป็นน้องยังมีอยู่"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คุยที่กรุงเทพฯ ทางโทรศัพท์ และสิ่งที่คุยกันนี้ขอให้เขียนกันเรื่องดีๆบ้างนะ เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ 3 เดือน 6 เดือนข้างหน้าท่านจะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองจากรัฐบาล เพราะมีกระแสข่าวอีก 3 เดือนท่านจะกลับมาร่วมรัฐบาลบริหารประเทศ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว บอกแล้วไม่เล่นการเมือง
รับรองไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่
ผู้สื่อข่าวติงว่า ประชาชนจะคิดว่าการปฏิวัติเป็นมวยล้มต้มคนดู พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ทุกคนต้องฟังการพูดของตนเองตั้งแต่ต้น อย่าหยิบตรง เนื้อท้ายๆ แล้วมาเขียนเป็นมวยล้มต้มคนดู บอกแล้วว่าภารกิจของเราที่ทำไปมันมีบทเรียน ยืนยันว่าคุยกันในฐานะพี่น้อง ไม่ใช่เจรจา เป็นการพูดคุยกันธรรมดา อย่าคิดว่าการคุยกันจะเป็นเรื่องเสียหาย เรื่องคดีเราไม่คุยกัน คุยกันไม่กี่นาที รับรองไม่มีมวยล้มต้มคนดู และคิดว่าคนที่อยากคุยมีอีกเยอะเพียงแต่ไม่มีโอกาส มายืนที่หน้าไมค์
เมื่อถามย้ำว่า การคุยแบบพี่กับน้องคุยกันเรื่องอะไร สังคมต้องสงสัย ตอบได้ไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ชาติบ้านเมือง มีคนปราถนาดีอยากเห็นชาติบ้านเมืองเรียบร้อย เขาพยามเป็นตัวกลางให้เยอะมาก ฝ่ายเรา กองทัพ หรือ คมช.ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ต้องการเห็นบ้านมืองมีความสงบเรียบร้อย ต่อข้อถามว่าคุยกันเหมือนลอยตัวเองเหนือปัญหาทิ้งพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.สนธิ กล่าวว่าตนคนเดียวปฏิวัติ ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง คมช.รับรู้การคุยนี้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ไม่เกี่ยวกับใคร เป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆ นิดเดียวคุยกันสั้นๆ เมื่อถามว่า น้องๆ คมช.จะสงสัยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยอะไร เพราะทุกคนก็รู้ ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับ คมช.แล้ว เมื่อถามว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า โล่งสิ เมื่อถามถึงกระแสข่าวลี้ภัยไปประเทศตะวันออกกลาง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จะไปอยู่ไหนถ้าไม่ใช่ประเทศไทย ครอบครัวก็อยู่ในไทย เชื่อว่าสื่อมวลชนคงพินิจพิจารณา ว่าเป็นไปได้ไหม และหลังจากหมดภาระจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เวลานี้กำลังดูโปรมแกรมทัวร์อยู่ มีคนชวนไปเที่ยวอังกฤษด้วยนะ
"อนุพงษ์"ปัดคุย"แม้ว-หญิงอ้อ"
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยืนยันว่าไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้าใจว่าสื่อฉบับใดนำไปเขียนเป็นเรื่องเป็นราวว่าเป็นตัวกลาง ยืนยันว่าชีวตินนี้ไม่เคยพูดคุยกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร แมแต่คำเดียว จะไปพูดได้อย่างไรว่าตนเป็นคนกลาง สื่อพูดเองก็ช่วยชี้แจงด้วยแล้วกัน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้คุยกัน ท่านคงไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองตอนนี้ จะไปบอกว่าท่านไปก้าวล่วงตรงนั้นคงไม่ดี มันกระเทือนรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังการจัดวางคณะรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ถ้าใช้คำถามว่าคิด ก็ให้ผู้สื่อข่าวคิดเองแล้วกัน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.สนธิ เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง หรือไม่ พล.อ. อนุพงษ์ ตอบว่า "จะไปพูดกันที่ไหน"
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่าไม่ทราบที่ คมช.จะแถลงสรุปการทำงาน เพราะไม่ได้ร่วมประชุมกับ คมช.แค่ต้อนรับสมาชิก คมช.ที่เข้ามาหารือกันที่กองบทัพบกเท่านั้นหลังจากนั้นก็ไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต
ระบุ"บัง"ยกหูคุย"แม้ว"ไม่ได้เคลียร์
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สน ระบุว่าได้ต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า คงเป็นไปตามที่ พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ที่เคยเห็นแตกต่างกันหันมาพูดคุยกัน บ้านเมืองจะได้ลดความขัดแย้งและมีความ สมานฉันท์ปรองดองเกิดขึ้น รัฐบาลชุดใหม่ก็จะสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นไปด้วย
ส่วนที่สังคมสงสัยในเรื่องที่มีการพูดจากัน นายนพดล กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้ว่า มีการพูดคุยอะไรกันบ้าง แต่น่าจะเป็นเรื่องความสมานฉันท์และความปรองดอง รวมทั้งเป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ซึ่งไม่ใช่การเคลียร์อย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคพลังประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณให้อภัยพล.อ.สนธิแล้ว ใช่หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า คงไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะไม่ทราบว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง แต่ขณะนี้เราต้องเร่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน แต่ตนได้พูดมาตั้งแต่แรก แล้วว่า จะไม่มีการล้างแค้นใครทั้งสิ้น เพราะเราต้องทำงานให้กับคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาคกัน
ส่วนจะส่งผลให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยเร็วขึ้นหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า กำหนดการณ์คือเดือนพฤษภาคม แต่ก็มีความเป็นไปได้ คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่งก่อน
คตส.ลุยสางโกงไม่สนใครจับมือกับใคร
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. กล่าวว่าเราไม่สนใจที่ พล.อ.สนธิ คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ขอทำหน้าที่โดยไม่อยากรับรู้เรื่องคนอื่นว่าทำอะไรอย่างไร เราจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างมาตรฐานให้บ้านเมือง แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จนปัญญาเหมือนกัน
ส่วนที่เคยระบุว่ากลัวการวิ่งเต้นนอกระบบ ตอนนี้ยังกลัวอยู่หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ไม่กลัว ที่พูดหมายความว่าถ้ามีการวิ่งเต้นนอกระบบก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมืองไม่ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อคตส.สรุปคดีเสร็จและส่งให้หน่วยงานอื่น แล้วผลของคดีต่างๆ จะออกมาอย่างไรก็ต้องทำใจว่ามันเป็นสิ่งที่เกินกรอบที่ คตส.จะทำได้ ซึ่งคนไทยก็ต้องทำใจเช่นกันไม่อย่างนั้นจะเป็นทุกข์เปล่าๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่กรรมการคตส.บางคนจะลาออกก่อนครบ วาระ นายอุดม กล่าวว่า ตนคงไม่ลาออก เพราะถือว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน ต้องช่วยกันทำงานจนกว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทิ้งงาน
นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส. กล่าวว่า คตส.จะขอทำหน้าที่ต่อไป จนเสร็จสิ้น เพราะมีความรับผิดชอบมากพอ ไม่สนใจว่าใครจะจับมือคืนดีกับใคร หรือใครจะสมานฉันท์กับใคร คตส.ทำเกี่ยวกับกฎหมายและสรุปเรื่องส่งไปยังศาลเท่านั้น และไม่คิดจะลาออกจากกรรมการคตส.ก่อนคดีที่รับผิดชอบจะเสร็จสิ้น
ชี้"บัง"เจอบทเรียนเสร็จนาฆ่าโคถึก
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิกแรคณะกรรมการณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่าไม่แปลงใจอะไรที่ พล.อ.สนธิ ยอมรับว่าต่อสายคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยบอกว่า พยายามประสานให้ทั้งสองคุยกัน แต่ต่างมีทิฐิก็เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง
"ตอน พล.อ.สนธิ เป็นประธาน คมช. และ ผบ.ทบ.มีอำนาจก็ปฎิเสธ พอหมดอำนาจถูกโดดเดี่ยว แม้มาเป็นรองนายกฯ ดูงานรณรงค์เลือกตั้ง หรือ ครส.ก็ไม่มีอำนาจสั่งการอะไร งบและกำลังผลก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากนายกฯ ผลการเลือกตั้งเลยออกมาเหนือความคาดกากรณ์ พล.อ.สนธิ อาจไม่มีทางเลือก เพราะทั้งนายกฯและผู้ใหญ่ลายคนได้พูดคุยต่อสายหารือกับคุณทักษิณตลอดเวลา"
นายสุริยะใส กล่าวว่า หากดูแนวทางในการบริหารงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ จะเห็นว่าไม่ลงมาคลุกกับความขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่าย คือลอยตัวและอ้างกติกา แต่ไม่รู้กติกาของใครและเพื่อใคร ซึ่งเป็นการเอาตัวเองรอดไว้ก่อน ไม่สนใจว่าได้ทิ้งปัญหาให้ประเทศและประชาชนแค่ไหน
พล.อ.สนธิ จะเต็มใจที่จะคุยกับ พตท.ทักษิณ หรือไม่ คงไม่ใช่ประเด็นเพราะนั่นคงเป็นเพียงรูปแบบ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่ามีความพยายามของผู้มีอำนาจ จากสองฝ่ายพยายามจะฮั้วกัน โดยเลิกลาต่อกันลืมอดีต และไม่สนใจว่าผิดถูกคืออะไร เป็นเกมอำนาจที่ออกแบบโดยผู้มีอำนาจ พล.อ.สนธิ จำต้องเลือกเล่นตามเกม ขืนแข็งไปคงไม่มีประโยชน์เพราะตัวเองไม่เหลืออำนาจอะไรแล้ว
"บทเรียนที่ พล.อ.สนธิ พูดถึงนั้นก็ทำให้เราคิดต่อได้ว่าประชาชนไม่อาจวางใจ ใครให้ใช้อำนาจแทนได้ และพึ่งพาตัวเองดีกว่าพึ่งพาคนอื่น ที่สำคัญประเทศนี้เงินซื้อได้ เกือบทุกอย่าง สำหรับ พล.อ.สนธิ ก็คงซาบซึ้งกับสุภาษิตเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล สัญญาณแบบนี้ก็เป็นไปได้ที่กระบวนการยุติธรรมอาจถูกแทรกแซง จนสุดท้ายอาจทำให้คดีความใน กกต.ที่เกี่ยวพันกับพรรคพลังประชาชนและคดีความคุณทักษิณ กลายเป็นโมฆะทั้งหมด สังคมต้องจับตาอย่ากระพริบ"