“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้ กกต.สมควรถูกประณาม ปล่อย ส.ส.มือสกปรกเข้าสภามากเป็นประวัติการณ์ เตือนเตรียมรับความกดดันจากภาคประชาชน ชี้ข่าว “แม้ว” บวชวัดยานนาวา หวังใช้ผ้าเหลืองปกป้องตัวเอง พร้อมแฉ 20 ความผิด “สุรยุทธ์” ปล่อยระบอบทักษิณลอยนวล
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 21 มกราคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงบรรยากาศก่อนรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ว่า บรรยากาศดูคึกคัก โดยเฉพาะเมื่อนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.ระบบสัดส่วน ของพรรคพลังประชาชน มานั่งถ่ายรูปข้าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่ประหลาดใจ
ทั้งนี้ หากมองถึงความสัมพันธ์ของนายยงยุทธ กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีอยู่ไม่น้อย เป็น ส.ส.จังหวัดเชียงราย จนเติบโต สามารถนำผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงราย ของอดีตพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน เข้าสภาผู้แทนราษฎรได้ยกทีมมาหลายสมัย คล้ายๆ กับจังหวัดบุรีรัมย์ เขตพื้นที่ของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ครองพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน ดังนั้นนายยงยุทธ จึงเป็นที่น่าจับตามอง
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเพียงชื่อเดียว คือ นายยงยุทธนั้น ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสนอชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ขึ้นมาแข่ง เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสนอไปแล้วจะไม่ได้รับเลือก
ทั้งนี้เชื่อว่าการที่พรรคพลังประชาชนให้นายยงยุทธเป็นประธานสภาฯ เนื่องจาก เป็นคนที่ไม่ธรรมดา มีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งพรรคพลังประชาชนยังชูให้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ในสภาฯ
แต่การที่คดีการซื้อเสียงของนายยงยุทธยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา กกต.ยังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ หากคดีถึงสิ้นสุด คดีเกี่ยวโยงไปถึงพรรคพลังประชาชน ดังนั้นนายยงยุทธ จึงเป็นหมากเดิมพันของพรรคพลังประชาชน ถึงแม้จะลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ต้องโทษการทำหน้าที่ของ กกต.ที่ตัดสินใจปล่อยให้นายยงยุทธ เข้าสู่สภาฯ ทั้งๆ ที่มีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่ กกต.กำลังทำลายความรู้สึกของประชาชนไปอย่างมหาศาล อดีตเรามี กกต.ชุดแรกที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เปรียบเทียบกับยุคสามหนาที่ผ่านการคัดเลือกจากสมาชิกวุฒิสภาเครือญาติของนักการเมือง ความกล้าหาญในการตัดสินเอาผิดตามขั้นตอนกระบวนการจึงไม่มีประสิทธิผล
ดังนั้น คนที่ต้องถูกประณามในเวลานี้ คือ กกต.ที่ปล่อยให้ ส.ส.มือสกปรกเข้าสภาฯ มากที่สุดเป็นวัติการณ์
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังเชื่อว่า กกต.จะเจอความกดดันจากกระบวนการภาคประชาชน ที่จะเดินหน้าตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กกต.อย่างเข้มข้น ทั้งนี้ก็เนื่องจากความเบื่อหน่ายกระบวนการตรวจสอบที่ไม่ทำงาน ไม่สามารถไปพึ่งกระบวนการอะไรได้ แล้วจะไปพึ่งใครได้หาก กกต.ไม่ทำหน้าที่ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันทำให้ทุกคนหยุดทำงาน หากเปรียบเทียบกับ คตส.หรือ ป.ป.ช.ถือว่าการทำหน้าที่ของ กกต.นั้นล้มเหลวเพียงแค่หน่วยงานเดียว
ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงท่าทีของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่เปลี่ยนไปมาก จะด้วยความที่เป็นผู้อาวุโส หรือเตรียมตัวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เริ่มดีขึ้น ส่วนลีลาการตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนยังเหมือนเดิม ยังมีอารมณ์ให้เห็น แต่ก็ถือเป็นลักษณะของคนที่เป็นตัวของตัวเองสูงมาก
ส่วนการที่นายสมัคร แย้มไต๋อาจนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยนั้น ผู้ดำเนินรายการ มองว่า กรณีดังกล่าวนำไปสู่กระแสความไม่พอใจในพรรคพลังประชาชนเป็นอย่างมาก นายสมัคร อาจต้องการสร้างความรู้สึก ความสงบให้เกิดขึ้น เห็นได้จากท่าทีที่มีต่อทหาร ที่แสดงให้เห็นถึงความเอื้ออาทร หากจำได้ เมื่อครั้งเปิดเผยเรื่องเอกสารลับ จนถูกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมายืนยันว่าเป็นเอกสารเท็จ แต่ภายหลังเหตุการณ์กลับจบแบบไม่มีใครเสียอะไร ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังมองว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นใครที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ จะเป็นคนที่นายสมัครนำเข้ามาเพื่อประนีประนอมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก การประกาศนั่งควบสองตำแหน่ง ก็เพื่อยุติปัญหา รอจนกระทั้งเป็นนายกฯ มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการเสนอรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อถึงวันนั้นนายสมัคร จะเสนอใครไปก็ได้ ต้องรอดูชั่วโมงสุดท้าย รอจนนายสมัคร ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ทุกอย่างน่าจะจบ
ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงกระแสข่าวการผลักดันบุคคลอื่นเป็นนายกฯ แทนนายสมัครว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา อาจมีอำนาจ เป็นนายทุนให้กับพรรคพลังประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น อำนาจการพิจารณาจึงอยู่ในมือ แต่หากจะเปลี่ยนคงลำบาก เนื่องจากตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งที่นายสมัคร รอมาทั้งชีวิต เชื่อว่านายสมัคร ต้องทำทุกอย่างให้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง
ทั้งนี้จะเห็นได้จากท่าทีอันสงบของนายสมัคร อีกทั้งความประนีประนอมต่อฝ่ายทหาร ที่เห็นได้บ่อยครั้ง จึงไม่แน่ว่าความประนีประนอมในครั้งนี้อาจนำไปสู่หนทางที่ปลอดภัยที่สุดที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศได้ ล่าสุดเห็นว่า กลับมาแล้วจะอุปสมบทที่วัดยานนาวาทันที เป็นการการันตีความปลอดภัยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
** เชื่อ “แม้ว” บวช หวังใช้ผ้าเหลืองปกป้องตัว
ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศเตรียมจะบวชที่วัดยานนาวาหลังจากกลับเข้ามาในประเทศไทยว่า หากจะเทียบกับตอนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะบวชที่วัดชนะสงคราม แล้วมีบางกลุ่มออกมาต่อต้านจนต้องไปบวชที่วัดป่าบ้านตาดแล้ว ถือว่าต่างกันมาก เพราะนายสนธิมีแค่คดีหมิ่นประมาทธรรมดาและเป็นคดีที่เกิดจากการทำเพื่อส่วนรวม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องคดีคดีอาญาฐานทุจริตต่อบ้านต่อเมือง เพราะฉะนั้นจะต้องพิจารณาให้ดีว่าควรจะให้บวชหรือไม่ เพราะเชื่อว่าการบวชของพ.ต.ท.ทักษิณก็เพราะต้องการจะใช้ความเป็นพระปกป้องตนเองเท่านั้น
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ นอกจากจะโทษ กกต.แล้ว คนที่จะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ์นั้น เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้พานักข่าวไปดูบ้านพักบนเขายายเที่ยงอย่างชื่นมื่น ทั้งที่ยังมีปัญหาการบุกรุกป่าสงวน โดยนายกฯ อ้างว่า ตนไม่ได้บุกรุกเพราะเป็นคนรับช่วงมาจากคนอื่น และขณะนี้กรมป่าไม้กำลังทำการตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน พล.อ.สุรยุทธ์ ได้พูดกับนักข่าวบนเขายายเที่ยงอ้างว่า ความพยายามสมานฉันท์ล้มเหลว เพราะพันธมิตรฯ ก็ไม่ยอมเป็นมาเป็นพันธมิตร และต่างฝ่ายต่างมีทิฐิ โดยยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณเคยโทรศัพท์มาหาเพราะเป็นห่วงครอบครัว จึงได้ไปบอก พล.อ.สนธิ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าพยายามให้พูดจากันแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอม มีแต่ตั้งป้อมจะทำลายอำนาจเก่า
ส่วนกรณีที่จะเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกหรือไม่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์อ้างว่า ตนเองไม่รู้อนาคต เพราะถ้ารู้อนาคตคงไม่มานั่งอยู่อย่างนี้ คงจะรวยไปแล้ว
**แฉ 20 ความผิด “สุรยุทธ์”
ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า การที่ พล.อ.สุรยุทธ์อ้างว่า ไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้รับความนิยมและมีอิทธิพลอยู่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์จะโทษใครไม่ได้นอกจากจะโทษตัวเองที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ได้ทำอะไร แถมยังทำความผิดพลาดถึง 20 ประเด็น อาทิ ไม่ตรวจสอบที่ดินเขายายเที่ยงเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรม ตั้งคนที่เกี่ยวข้องกับคดีสำคัญๆ ,คนของระบอบทักษิณ, คนที่มีคดีติดตัว มาเป็นรัฐมนตรี ไม่ออกมติ ครม.เพื่อสั่งให้ข้าราชการให้ความร่วมมือ คตส. อุ้มไอทีวี ฟื้นหวยบนดิน เซ็นเอฟทีเอซ้ำรอยรัฐบาลทักษิณ เดินหน้าค้าปลีกข้ามชาติ โยกย้ายข้าราชการผิดคน แก้ปัญหาไฟใต้ไม่คืบหน้า อนุมัติเครื่องบินการบินไทยโดยไม่คำนึงถึงความจำเป็น ปล่อยให้มีเว็บไซต์และใบปลิวหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างมโหฬาร โดยไม่ดำเนินการอะไร เป็นต้น
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 21 มกราคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงบรรยากาศก่อนรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ว่า บรรยากาศดูคึกคัก โดยเฉพาะเมื่อนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.ระบบสัดส่วน ของพรรคพลังประชาชน มานั่งถ่ายรูปข้าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่ประหลาดใจ
ทั้งนี้ หากมองถึงความสัมพันธ์ของนายยงยุทธ กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีอยู่ไม่น้อย เป็น ส.ส.จังหวัดเชียงราย จนเติบโต สามารถนำผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงราย ของอดีตพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน เข้าสภาผู้แทนราษฎรได้ยกทีมมาหลายสมัย คล้ายๆ กับจังหวัดบุรีรัมย์ เขตพื้นที่ของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ครองพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน ดังนั้นนายยงยุทธ จึงเป็นที่น่าจับตามอง
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเพียงชื่อเดียว คือ นายยงยุทธนั้น ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสนอชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ขึ้นมาแข่ง เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสนอไปแล้วจะไม่ได้รับเลือก
ทั้งนี้เชื่อว่าการที่พรรคพลังประชาชนให้นายยงยุทธเป็นประธานสภาฯ เนื่องจาก เป็นคนที่ไม่ธรรมดา มีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งพรรคพลังประชาชนยังชูให้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ในสภาฯ
แต่การที่คดีการซื้อเสียงของนายยงยุทธยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา กกต.ยังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ หากคดีถึงสิ้นสุด คดีเกี่ยวโยงไปถึงพรรคพลังประชาชน ดังนั้นนายยงยุทธ จึงเป็นหมากเดิมพันของพรรคพลังประชาชน ถึงแม้จะลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ต้องโทษการทำหน้าที่ของ กกต.ที่ตัดสินใจปล่อยให้นายยงยุทธ เข้าสู่สภาฯ ทั้งๆ ที่มีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่ กกต.กำลังทำลายความรู้สึกของประชาชนไปอย่างมหาศาล อดีตเรามี กกต.ชุดแรกที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เปรียบเทียบกับยุคสามหนาที่ผ่านการคัดเลือกจากสมาชิกวุฒิสภาเครือญาติของนักการเมือง ความกล้าหาญในการตัดสินเอาผิดตามขั้นตอนกระบวนการจึงไม่มีประสิทธิผล
ดังนั้น คนที่ต้องถูกประณามในเวลานี้ คือ กกต.ที่ปล่อยให้ ส.ส.มือสกปรกเข้าสภาฯ มากที่สุดเป็นวัติการณ์
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังเชื่อว่า กกต.จะเจอความกดดันจากกระบวนการภาคประชาชน ที่จะเดินหน้าตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กกต.อย่างเข้มข้น ทั้งนี้ก็เนื่องจากความเบื่อหน่ายกระบวนการตรวจสอบที่ไม่ทำงาน ไม่สามารถไปพึ่งกระบวนการอะไรได้ แล้วจะไปพึ่งใครได้หาก กกต.ไม่ทำหน้าที่ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันทำให้ทุกคนหยุดทำงาน หากเปรียบเทียบกับ คตส.หรือ ป.ป.ช.ถือว่าการทำหน้าที่ของ กกต.นั้นล้มเหลวเพียงแค่หน่วยงานเดียว
ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงท่าทีของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่เปลี่ยนไปมาก จะด้วยความที่เป็นผู้อาวุโส หรือเตรียมตัวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เริ่มดีขึ้น ส่วนลีลาการตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนยังเหมือนเดิม ยังมีอารมณ์ให้เห็น แต่ก็ถือเป็นลักษณะของคนที่เป็นตัวของตัวเองสูงมาก
ส่วนการที่นายสมัคร แย้มไต๋อาจนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยนั้น ผู้ดำเนินรายการ มองว่า กรณีดังกล่าวนำไปสู่กระแสความไม่พอใจในพรรคพลังประชาชนเป็นอย่างมาก นายสมัคร อาจต้องการสร้างความรู้สึก ความสงบให้เกิดขึ้น เห็นได้จากท่าทีที่มีต่อทหาร ที่แสดงให้เห็นถึงความเอื้ออาทร หากจำได้ เมื่อครั้งเปิดเผยเรื่องเอกสารลับ จนถูกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมายืนยันว่าเป็นเอกสารเท็จ แต่ภายหลังเหตุการณ์กลับจบแบบไม่มีใครเสียอะไร ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังมองว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นใครที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ จะเป็นคนที่นายสมัครนำเข้ามาเพื่อประนีประนอมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก การประกาศนั่งควบสองตำแหน่ง ก็เพื่อยุติปัญหา รอจนกระทั้งเป็นนายกฯ มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการเสนอรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อถึงวันนั้นนายสมัคร จะเสนอใครไปก็ได้ ต้องรอดูชั่วโมงสุดท้าย รอจนนายสมัคร ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ทุกอย่างน่าจะจบ
ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงกระแสข่าวการผลักดันบุคคลอื่นเป็นนายกฯ แทนนายสมัครว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา อาจมีอำนาจ เป็นนายทุนให้กับพรรคพลังประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น อำนาจการพิจารณาจึงอยู่ในมือ แต่หากจะเปลี่ยนคงลำบาก เนื่องจากตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งที่นายสมัคร รอมาทั้งชีวิต เชื่อว่านายสมัคร ต้องทำทุกอย่างให้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง
ทั้งนี้จะเห็นได้จากท่าทีอันสงบของนายสมัคร อีกทั้งความประนีประนอมต่อฝ่ายทหาร ที่เห็นได้บ่อยครั้ง จึงไม่แน่ว่าความประนีประนอมในครั้งนี้อาจนำไปสู่หนทางที่ปลอดภัยที่สุดที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศได้ ล่าสุดเห็นว่า กลับมาแล้วจะอุปสมบทที่วัดยานนาวาทันที เป็นการการันตีความปลอดภัยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
** เชื่อ “แม้ว” บวช หวังใช้ผ้าเหลืองปกป้องตัว
ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศเตรียมจะบวชที่วัดยานนาวาหลังจากกลับเข้ามาในประเทศไทยว่า หากจะเทียบกับตอนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะบวชที่วัดชนะสงคราม แล้วมีบางกลุ่มออกมาต่อต้านจนต้องไปบวชที่วัดป่าบ้านตาดแล้ว ถือว่าต่างกันมาก เพราะนายสนธิมีแค่คดีหมิ่นประมาทธรรมดาและเป็นคดีที่เกิดจากการทำเพื่อส่วนรวม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องคดีคดีอาญาฐานทุจริตต่อบ้านต่อเมือง เพราะฉะนั้นจะต้องพิจารณาให้ดีว่าควรจะให้บวชหรือไม่ เพราะเชื่อว่าการบวชของพ.ต.ท.ทักษิณก็เพราะต้องการจะใช้ความเป็นพระปกป้องตนเองเท่านั้น
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ นอกจากจะโทษ กกต.แล้ว คนที่จะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ์นั้น เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้พานักข่าวไปดูบ้านพักบนเขายายเที่ยงอย่างชื่นมื่น ทั้งที่ยังมีปัญหาการบุกรุกป่าสงวน โดยนายกฯ อ้างว่า ตนไม่ได้บุกรุกเพราะเป็นคนรับช่วงมาจากคนอื่น และขณะนี้กรมป่าไม้กำลังทำการตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน พล.อ.สุรยุทธ์ ได้พูดกับนักข่าวบนเขายายเที่ยงอ้างว่า ความพยายามสมานฉันท์ล้มเหลว เพราะพันธมิตรฯ ก็ไม่ยอมเป็นมาเป็นพันธมิตร และต่างฝ่ายต่างมีทิฐิ โดยยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณเคยโทรศัพท์มาหาเพราะเป็นห่วงครอบครัว จึงได้ไปบอก พล.อ.สนธิ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าพยายามให้พูดจากันแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอม มีแต่ตั้งป้อมจะทำลายอำนาจเก่า
ส่วนกรณีที่จะเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกหรือไม่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์อ้างว่า ตนเองไม่รู้อนาคต เพราะถ้ารู้อนาคตคงไม่มานั่งอยู่อย่างนี้ คงจะรวยไปแล้ว
**แฉ 20 ความผิด “สุรยุทธ์”
ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า การที่ พล.อ.สุรยุทธ์อ้างว่า ไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้รับความนิยมและมีอิทธิพลอยู่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์จะโทษใครไม่ได้นอกจากจะโทษตัวเองที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ได้ทำอะไร แถมยังทำความผิดพลาดถึง 20 ประเด็น อาทิ ไม่ตรวจสอบที่ดินเขายายเที่ยงเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรม ตั้งคนที่เกี่ยวข้องกับคดีสำคัญๆ ,คนของระบอบทักษิณ, คนที่มีคดีติดตัว มาเป็นรัฐมนตรี ไม่ออกมติ ครม.เพื่อสั่งให้ข้าราชการให้ความร่วมมือ คตส. อุ้มไอทีวี ฟื้นหวยบนดิน เซ็นเอฟทีเอซ้ำรอยรัฐบาลทักษิณ เดินหน้าค้าปลีกข้ามชาติ โยกย้ายข้าราชการผิดคน แก้ปัญหาไฟใต้ไม่คืบหน้า อนุมัติเครื่องบินการบินไทยโดยไม่คำนึงถึงความจำเป็น ปล่อยให้มีเว็บไซต์และใบปลิวหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างมโหฬาร โดยไม่ดำเนินการอะไร เป็นต้น
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )