“บัง” กลับถึงไทยแล้ว เผยหมดเปลือกแอบต่อสายเกี้ยเซียะกับ “แม้ว” แล้ว อ้างผ่านทางผู้ใหญ่คนหนึ่ง อ้างง่ายเพื่อความสมานฉันท์ในบ้านเมือง แต่ยังปากแข็งไม่กลัวถูกเช็กบิลจากรัฐบาล “นอมินี”
คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียง "บัง" แถลงข่าว กลับถึงไทย ปัดต่อสายเกี๊ยเซียะ "แม้ว"
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 8.00 น.ทันทีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินรองนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เปิดห้องวีไอพีแถลงข่าวชี้แจงถึงการเดินทางไปประเทศแถบตะวันออกกลางว่า เป็นการเดินทางไปทำความเข้าร่วมกับกลุ่มประเทศมุสลิม (โอไอซี) ในปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ที่เขาไม่เข้าใจ โดยได้ชี้แจงไปว่าปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ไม่ได้เกิดจากปัญหาทางศาสนา แต่เป็นการเรื่องการก่อการร้าย และถือโอกาสชี้แจงด้วยว่ารัฐบาลไทยได้พัฒนาการแก้ปัญหาไปมากแค่ไหน ทั้งนี้ทางโอไอซีได้เชิญตนเองมาตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบกแล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมามีเวลาน้อย จึงถือโอกาสในช่วงนี้ไปชี้แจงทำความเข้าใจ นอกจากนี้ยังได้ไปเยี่ยมยีนแรงงานไทยที่อยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลางและนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ที่ประเทศอียิปต์ อิหร่าน ลิเบียด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลงานของคณะมนตรีความมมั่นคงแห่งชาติถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่รวมถึงการเข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในความสำเร็จของงานถ้าถามว่าสำเร็จหรือไม่ บางส่วนก็สำเร็จ บางส่วนก็ไม่สำเร็จ เพราะงานบางอย่างไม่ได้ทำวันเดียวสำเร็จ เช่น การทำความเข้าใจในสังความให้เกิดความรักความสามัคคีเป็นต้นต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ต้องแต่รับตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.และเป็น ผบ.ทบ.กระทั่งมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ก็รับภาระนี้มาตลอด วันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง โดยดูได้จากการจับกุมผู้ก่อเหตุได้จำนวนไม่น้อยและประชาชนก็เข้ามาเป็นแนวร่วมภาครัฐให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหามากขึ้น ถือเป็นความสำเร็จตามขั้นตอนของมัน
“สิ่งสำคัญคิดว่าเวลานี้ประชาชนทั้งประเทศได้รับบทเรียนและได้เห็นบทเรียนและนำบทเรียนเหล่านั้นมาตรวจสอบดูประเทศจะเป็นอย่างไร ประชาชนคิดได้เอง เวลานี้ถือเป็นบทเรียนที่มีค่าสูงสุด”พล.อ.สนธิ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า บรรดา คมช.ทั้ง 5 ท่านทำหน้าที่สำเร็จหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คำว่าขั้นตอนในการทำงานจะมีขั้นตอนของกองทัพอยู่แล้ว ถามว่าสำเร็จไหม หากจำที่ตนพูดมาตั้งแต่ต้น การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จก็ถือเป็นความสำเร็จตามขั้นตอนที่ได้กำหนดแนงทางและวางแผนไว้ เมื่อถามว่า มองการทำงานของรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ประชาชนตัดสิน ตนวิเคราะห์เองไม่ได้ เพราะตนก็มีส่วนร่วมในการด้วยใน 2-3 เดือนสุดท้าย เมื่อถามว่า ผิดหวังหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คิดว่าพอใจในระดับหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอใจกับการปฏิวัติจุดไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ถือว่าขั้นตอนที่ผ่านมาถึงตรงนี้ผู้ตัดสินคือประชาชน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ถือว่าเราพอใจในทุกๆด้าน เมื่อถามว่า คิดว่าการทำปฏิวัติสูญเปล่าหรือไม่ เพราะวันนี้กลุ่มผู้ถูกขับไล่มาจัดตั้งรัฐบาลพล.อ.สนธิ กล่าวว่า คิดคนละด้าน ทั้งหลายทั้งปวงประชาชนจะพิสูจน์เองว่าที่ผ่านมามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ประชาชนวิเคราะห์แล้วว่าเป็นอย่างไรต้องยอมรับการตัดสินของประชาชน ถือว่าถูกต้องแล้ว เมื่อถามว่า เป็นไปได้ไหมที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับ คมช.พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาชนทั้งประเทศมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นระบอบประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า การปฏิวัติตรงเป้าหมายหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีสิ่งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จที่อยู่ในใจคน ประชาชนได้มองเป็นและได้รู้ ฉะนั้นการบริหารประเทศของรัฐบาลทำอะไรก็ต้องระวัง ถ้าไม่อย่างนั้นประชาชนจะออกมาบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง จุดนี้ถือว่าม่ค่าสุงสุดสำหรับการปฏิวัติครั้งนี้ เมื่อถามว่า หากย้อนอดีตได้จะแก้ไขเรื่องอะไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ย้อนไม่ได้มันเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อถามว่า ห่วงกองทัพหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนคิดว่ากองทัพมีวินัย ในต่างประเทศและประเทศมหาอำนาจก็มีพลเรือนเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ฉะนั้นการบริหารจัดการกองทัพคนที่ไม่เคยอยู่ในกองทัพและเข้ามาบริหารกองทัพจะได้บทเรียนที่ดีว่าทหารมีวินัย
ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจะเข้ามาบริหารประเทศและควบรมว.กลาโหมด้วย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาชนเป็นผู้เลือกและตัดสิน ส.ส.ทุกคนได้โหวตชัดเจน ถือเป็นมติของประชาชน เมื่อถามว่า ทหารควรเลือกรัฐมนตรีกลาโหมเองหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ถ้าตนเป็นผู้เลือกก็ไม่ควรจะเป็นผู้เลือก อำนาจอยู่ในการบริหารของรัฐบาล เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ข่าวก็คือข่าว เราเดินมาจุดนี้เป็นจุดที่มีความชัดเจน ไม่อยากให้ประชาชนกังวลคิดไปหลายด้าน
เมื่อถามว่า จะคุยกับทาง คมช.และ ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้นำเลห่าทัพ ตนหมดภาระในการเข้าไปดู คมช.และเป็นราษฏรเต็มขั้นแล้ว เมื่อถามว่า ห่วงเรื่องเช็คบิลหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงเลย ในชีวิตรับราชการมามีความสะอาดโปร่งใส เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีการเช็คบิลไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ ไม่รู้ใครจะมาเช็คตนเอง ยืนยันทำทุกอย่างมาด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ทำทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมืองโดยแท้จริง เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต
เมื่อถามว่า วันนี้ประเทศถือว่าเป็นประชาธิปไตยแท้จริงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการพัฒนาและเป็นบทเรียน เชื่อได้ว่าทั้งประชาชนและรัฐบาลจะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นข้อพิจารณาในการจะทำอะไรต่อไปข้างหน้า
ส่วนจะฝากบอกรัฐบาลใหม่อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวยืนยันว่าเป็นกำลังใจให้รัฐบาลและอยากให้ประชาชนทั้งประเทศ พรรคการเมือง พรรคฝ่ายค้าน คงเป็นพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ต้องให้กำลังใจ อยากเห็นความเป็นสุภาพบุรุษ เช่นเดียวกับต่างชาติ ที่เห็นว่าเมื่อมีพรรคการเมืองฝ่ายใดขึ้นมาบริหารประเทศแล้ว ส่วนที่เหลือจะต้องเป็นกำลังใจให้และสนับสนุน พวกเราก็เป็นประชาชนคนหนึ่งต้องให้กำลังใจรัฐบาลในการที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และต้องเฝ่าดูว่าเราอยากจะเป็นอะไรเราอยากได้อะไรให้รัฐบาลเขาช่วยทำ
เมื่อถามว่า ถ้าวันข้างหน้ารัฐบาลทุจริตโอกาสที่กองทัพจะทำการปฏิวัติมีอีกหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้ตนตอบไม่ได้แล้ว ตนไม่ได้มีกำลังอะไรอีกแล้ว และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ตนเชื่อว่าอย่างนั้น อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวเรื่องเหล่านี้คงลำบากถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ต้องไปถามกองทัพ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่ได้คุยกับกองทัพในเรื่องของการเมือง หน้าที่เราคือเรื่องความมั่นคง เมื่องานความมั่นคงจบภาระหน้าที่แล้วก็ไม่เคยก้าวเข้าไปทำใดๆกับกองทัพบกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะตนเป็นคนรักษามารยาทของผู้บังคับบัญชาที่ดีและเป็นถึงผู้บังคับบัญชาก็จะไม่เข้าไปชี้นำใดๆทั้งสิ้น หากชี้นำก็ทำตอนเป็นไม่ใช่ตอนพ้นมาแล้ว
เมื่อถามว่า ในอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ณ เวลานี้ยังไม่ได้คิดเลย เวลานี้เป็นความสุขมาก
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีความขัดแย้งกับ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ.สนธิ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน ขอยืนยัน เมื่อถามว่า ทาง คมช.มีความแตกแยกหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปคุยกับเขาตอนนี้เราออกมาแล้ว เห็นไปงานเจอกันทุกคนก็คุยกันยิ้มแย้มแจ่งใส ไม่น่าจะมีเงื่อนไขอะไร
เมื่อถามว่า คิดว่า 1 ปีที่ผ่านมาคนไทยได้อะไรจากการปฏิวัติบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปถามคนไทยดู บอกแล้วว่าสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน การศึกษาเรื่องบทเรียนต้องถามประชาชนว่าเขาได้อะไรจากการที่เราทำไปในคราวนั้น เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวท่านได้บทเรียนหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มี มันก็มีแต่ละคนที่ได้รับบทเรียนมา มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือกองทัพ การกระทำอันใดก็ตามหากซ้ำกับบทเรียนเก่าไม่นำมาพิจารณาไตร่ตรองมันก็จะมีบทเรียนของมัน ตรงนี้คิดว่าแต่ละบท แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
เมื่อถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ เปิดเผยว่า คงต้องพูดสักทีวันนี้ ได้คุยกันแล้ว เมื่อถามว่าคุยกันอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คุยกันในฐานะพี่น้อง ไม่มีเงื่อนไขทางด้านการเมือง คุยกันในฐานะพี่น้องเฉยๆ เมื่อถามว่า คุยลักษณะไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ดีๆๆ ไม่มีปัญหา คุยนานแล้วตั้งแต่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า มีการร้องขออะไรหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี คุยในฐานะพี่น้อง เมื่อถามว่า ใครคนติดต่อประสานการคุย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนเป็นคนติดต่อเองว่าท่านอยู่ที่ไหน เมื่อถามว่า คุยกันก่อนที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จะเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก่อนครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนธิ พยายามที่จะตัดบทให้สื่อจบการซักถามเรื่องการคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทางสื่อพยายามตั้งคำถามเพื่อคลายความสงสัยเพราะก่อนหน้านี้มีการตั้งคำถามเรื่องอาจจะมีการตอบแทนผลประโยชน์กัน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่ ต้องเข้าใจว่าการพูดการคุยมันอาจจะพูดคุยในกรอบที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งตนก็บอกแล้ววว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง คุยกันในฐานะพี่น้อง
เมื่อถามว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องคุยกันในช่วงนี้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คุยกันไมได้หรือไงพี่น้องกัน เมื่อถามว่า เป็นการคุยกันเองหรือมีคนประสานให้คุย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีคนกลางที่ต้องการจะพูดคุย เขาเห็นบ้านเมืองไม่เรียบร้อยก็เป็นห่วง ห่วงใยว่าบ้านเมืองมันไม่ค่อยเรียบร้อยอยากให้เกิดความสงบ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อถามว่า คุยกันถึงคดีต่างๆหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มีครับ ไม่มี
เมื่อถามว่าข้อสรุปของทั้งสองฝ่ายที่คุยกันคืออย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คือต้องเข้าใจว่าช่วงนี้บ้านเมืองเราต้องการอะไร เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ระหว่างท่านกับพ.ต.ท.ทักษิณ จูบปากกันหวานชื่นแล้ว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างงั้น คำว่าพูดคุยในฐานะพี่น้องเราต้องเข้าใจว่าการเป็นนักเรียนทหารต้องมีความรัก ความผูกพัน ฉะนั้นก็มีการพูดคุยกันธรรมดา
เมื่อถามว่าเป้าหมายการคุยกันเพื่ออะไรเพื่อบ้านเมืองหรือหาทางลงให้ตัวเอง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่ บอกแล้วว่าคุยกันแบบตรงไปตรงมา ไม่มีนัยยะ ทุกคนห่วงใยบ้านเมืองด้วยกันทั้งนั้นไม่เฉพาะพวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเองตรงนี้ ทุกคนอยากเห้นบ้านเมืองเรียบร้อย เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการความปลอดภัยในการเดินทางกลับประเทศหรือเปล่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราไม่ได้คุยกันในเรื่องพวกนั้นเลย
“อยากจะบอกว่าเรายังรักกันอยู่แค่นั้นเองความเป็นพี่เป็นน้องยังมีอยู่”พล.อ.สนธิ กล่าว
เมื่อถามว่าคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คุยที่กรุงเทพฯ ทางโทรศัพท์ และสิ่งที่คุยกันนี้ขอให้เขียนกันเรื่องดีๆบ้างนะ เมื่อถามว่ายืนยีนได้หรือไม่ 3 เดือน 6 เดือนข้างหน้าท่านจะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองจากรัฐบาล เพราะมีกระแสข่าวอีก 3 เดือนท่านจะกลับมาร่วมรัฐบาลบริหารประเทศ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว บอกแล้วไม่เล่นการเมือง
เมื่อถามว่าประชาชนจะคิดการปฏิวัติเป็นมวยล้มต้มคนดู พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ทุกคนต้องฟังการพูดของตนเองตั้งแต่ต้น อย่าหยิบตรงเนื้อท้ายๆแล้วมาเขียนเป็นมวยล้มต้มคนดู บอกแล้วว่าภารกิจของเราที่ทำไปมันมีบทเรียน ยืนยันว่าคุยกันในฐานะพี่น้อง ไม่ใช่เจรจา เป็นการพูดคุยกันธรรมดา อย่าคิดว่าการคุยกันจะเป็นเรื่องเสียหาย เรื่องคดีเราไม่คุยกัน คุยกันไม่กี่นาที รับรองไม่มีมวยล้มต้มคนดู และคิดว่าคนที่อยากคุยมีอีกเยอะเพียงแต่ไม่มีโอกาสมายืนที่หน้าไมค์
เมื่อถามว่า การคุยแบบพี่กับน้องคุยกันเรื่องอะไร สังคมต้องสงสัย ตอบได้ไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ชาติบ้านเมือง มีคนปราถนาดีอยากเห็นชาติบ้านเมืองเรียบร้อย เขาพยามเป็นตัวกลางให้เยอะมาก ฝ่ายเรา กองทัพ หรือ คมช.ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ต้องการเห็นบ้านมืองมีความสงบเรียบร้อย เมื่อถามว่า คุยกันเหมือนลอยตัวเองเหนือปัญหาทิ้งพล.อ.อนุพงษ์ เป่าจินดา พล.อ.สนธิ กล่าวว่าตนคนเดียวปฏิวัติ ไม่ได้
เมื่อถามว่า ทาง คมช.รับรู้การคุยนี้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ไม่เกี่ยวกับใคร เป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆนิดเดียวคุยกันสั้นๆ เมื่อถามว่า น้องๆ คมช.จะสงสัยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยอะไร เพราะทุกคนก็รู้ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับ คมช.แล้ว
เมื่อถามว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจไหม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า โล่งสิ เมื่อถามถึงกระแสข่าวลี้ภัยไปประเทศตะวันออกกลาง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จะไปอยู่ไหนถ้าไม่ใช่ประเทศไทย ครอบครัวก็อยู่ในไทย เชื่อว่าสื่อมวลชนคงพินิจพิจารณาว่าเป้นไปได้ไหม และหลังจากหมดภาระจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เวลานี้กำลังดูโปรมแกรมทัวร์อยู่ มีคนชวนไปเที่ยวอังกฤษด้วยนะ
/0110