"อนุพงษ์" ออกอาการหงุดหงิดหลังเจอแผนโยนหินถามทาง ว่า"สมทัต"มาแรงในตำแหน่งรมว.กลาโหม ปัดเจรจา"แม้ว-เมีย" โดยมีเงื่อนไขให้"ประวิตร" นั่งกลาโหม ซัดสื่อเขียนกันไปเอง ด้าน ผบ.สส.หนุน"ประวิตร" เหมาะสุด ขณะที่ ผบ.ทร.บอกเป็นเพื่อนกัน ด้าน"เด็กพลังแม้ว" ระบุ คมช.หมดสภาพแล้ว ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของรัฐบาล
เช้าวานนี้ (23 ม.ค.) พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่ คมช. ประกาศยุติบทบาท เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศว่า คมช. น่าจะหมดหน้าที่ในส่วนของ คมช. ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับความพอใจ หรือไม่พอใจ สถานการณ์ขณะนี้ดำเนินการไปตามกลไกที่ควรจะเป็น ด้านการเมืองก็เข้ามาใช้อำนาจในการบริหารบ้านเมืองไป และไม่กังวลว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารช่วงเดือน เม.ย.นี้
เมื่อถามถึงกรณีที่ คมช. เสนอแนวคิดเรื่องคุณสมบัติ รมว.กลาโหม มีความเป็นห่วงอะไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่มี ผมถือว่าจบแล้ว คมช.เพียงแสดงความเห็นไปแค่นั้น แล้วก็จบ ทั้งนี้ ไม่กลัวว่าการเมืองออกมาโจมตี"
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ท่านพยายามผลักดัน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. เป็น รมว.กลาโหม เพราะมีความสนิทเป็นการส่วนตัว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่ไหนว่าไปเลือกใคร ท่านไปถามคนที่เขาว่าก็แล้วกัน" เมื่อถามว่า หลังจากนี้ไป ฝ่ายการเมืองอาจจะวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแนวคิด คมช. ที่เสนอสเปก รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงไม่มีความเห็น คมช.ได้พูดไปแล้วก็ถือว่าจบ เพราะเสนอความเห็นไปแล้ว และไม่มีความเห็นเพิ่มเติม
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมผลักดัน พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.สส. ขึ้นมาเป็น รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า " ไม่มีความเห็น" เมื่อถามย้ำว่า กองทัพพร้อมยอมรับหากรัฐบาลตัดสินใจเลือกใคร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่มีความเห็น" เมื่อถามอีกว่า คมช. ยังมีอะไรไม่สบายใจหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า"ไม่มี สบายใจดี"
เมื่อถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการหารือระหว่างพล.อ.อนุพงษ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เขียนกันไปเอง ผมไม่เห็นมีความสัมพันธ์อะไร และไม่อยากจะพูด เพราะสื่อก็รู้กันอยู่" เมื่อถามย้ำว่าได้ติดต่อกันหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาถามอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะท่านยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ และเราไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ. อนุพงษ์ เดินทางมาถึงที่ ขส.ทบ. เข้าพักที่ห้องรับรองแล้วติดตามการเสนอข่าวของรายการ สถานีสนามเป้า ที่ออกอากาศทาง ททบ.5 ซึ่งได้มีการออกอากาศคำสัมภาษณ์สดของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. ที่ตอบข้อซักถามกรณีที่ประชุม คมช. มีแนวความคิดเกี่ยวกับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า จะต้องเป็นคนกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่สังกัดพรรคการเมือง
หลังจากที่ พล.อ.อนุพงษ์ ฟังการให้สัมภาษณ์ ก็ได้สอบถามไปยังทหารที่อยู่ภายในห้องว่า พ.อ.สรรเสริญ ออกทีวีให้สัมภาษณ์ได้อย่างไร เนื่องจากภารกิจของ คมช. ถือว่าจบสิ้นแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนของพล.อ.อนุพงษ์ เป็นไปด้วยความเคร่งเครียด โดยเฉพาะประเด็นคำถามเกี่ยวกับการหารือพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน และกระแสข่าวว่า พล.อ. อนุพงษ์ ผลักดัน พล.อ.ประวิตร เป็น รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ ได้แสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน
ผบ.สส.ยังหนุน"ประวิตร"
ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. และสมาชิก คมช. กล่าวถึงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และเข้าใจจิตใจของบรรดาทหารเป็นอย่างดี เนื่องจากจะต้องปฏิบัติภารกิจในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. ก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เข้ากับคุณสมบัติดังกล่าวได้มากที่สุด
เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และอดีตประธาน คมช. เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย และยังไม่มีกำหนดการเดินทางกลับประเทศเพื่อหลบหนีปัญหาทางการเมือง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า พล.อ.สนธิ เดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศ ประมาณ 7-8 วัน และจะเดินทางกลับประเทศอย่างแน่นอน และการเดินทางไปครั้งนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการที่พรรคพลังประชาชนกำลังจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.สนธิ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บของห้องทำงาน ชั้น 2 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ขณะนี้ที่ห้องทำงานของ พล.อ.สนธิ เหลือแต่เพียงรูปภริยา
ไม่ห่วงการเมืองแทรกโยกย้าย
พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อเสนอของ คมช. ที่ต้องการคนกลาง และไม่แทรกแซงกองทัพ มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมว่า เป็นข้อคิดเห็นเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการบีบบังคับ ฉะนั้นจะตั้งใครก็เป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้เลือก รมว.กลาโหมได้ ในส่วนของตนคิดว่าผู้ที่จะมาเป็น รมว.กลาโหม ควรจะเป็นทหารเท่านั้น
ส่วนที่ ผบ.เหล่าทัพเป็นห่วงที่การเมืองเข้ามาแทรกแซงการปรับย้ายทหารนั้น พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหม มี พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ก็มีกฎเกณฑ์การโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลอยู่แล้ว คิดว่าทางฝ่ายการเมืองคงเข้ามาแทรกแซงลำบากขึ้น โดยมีคณะกรรมการแต่ละระดับที่จะต้องปฏิบัติไปตามนั้น หากไม่ปฏิบัติก็อาจจะถูกฟ้องร้องภายหลังได้
"ผมคิดว่าตรงนี้แหละที่ฝ่ายการเมืองคงไม่กล้าโยกย้าย หรือทำอะไร ผบ.เหล่าทัพ เพราะมีกฎหมายในเรื่องนี้กำหนดไว้ คนที่เขาเสียหายก็ฟ้องได้ ถ้าไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย"รมว.กลาโหม กล่าว
ผู้สื่อข่าวซักว่า มีการมองว่า คมช.จะล็อคสเปกให้ พล.อ.ประวิตร เป็นรมว.กลาโหม พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ในชั้นต้นเราคุยกัน และเห็นพ้องต้องกันว่าในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหวได้ง่าย คนที่จะมาดูแล ต้องเป็นคนที่กองทัพศรัทธา ซึ่งน่าจะเป็นอดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพ เพราะคนที่ขึ้นมาในระดับสูง ก็เป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่แล้ว
"ขณะนี้ยังมีเวลาถึงอาทิตย์หน้า พอได้ชื่อนายกฯ แล้ว นำขึ้นทูลเกล้าฯและโปรดเกล้าฯ ลงมาก็ตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งคนที่มาเป็น รมว.กลาโหม ก็คงจะชัดเจนตอนนั้น ก็คงจะอยู่ในชื่อที่ผ่านตาและลงหนังสือพิมพ์ไป คงไม่มีคนอื่นแล้ว"รมว.กลาโหม กล่าว
"ประวิตร-สมทัต"ทำงานได้
เมื่อถามว่า มีชื่อของ พล.อ.สมทัต อัตตะนันท์ ที่ถูกดันเข้ามา คิดว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ท่านเคยเป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. มาแล้ว และ หากได้เลือกให้มาเป็น ก็มีความสามารถที่จะทำงานได้ และท่านก็เป็นที่ยอมรับของกองทัพอยู่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ กองทัพบก ก็เติบโตมาในส่วนที่ดูแลพระนคร ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่าง พล.อ.สมทัต และพล.อ.ประวิตร คิดว่าใครเหมาะสมกว่ากันในสถานการณ์ขณะนี้ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเป็นได้ทั้งคู่
เมื่อถามว่า ในช่วงสถานการณ์การเมืองที่อ่อนไหวเช่นนี้ คิดว่าหาก นายาสมัคร เป็นนายกฯ จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ก็คงไม่สามารถที่จะพูดได้ในขณะนี้ ในช่วงที่ปราศรัยหาเสียงก็แบบหนึ่งอยู่แล้ว แต่เมื่อเลือกตั้งเข้ามา และมีแนวโน้มจะเป็นนายกฯ ท่านก็ปรับตัวได้ในระดับหนึ่ง คงต้องดูกันต่อไป ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน อีกทั้ง พวกเราก็ควรให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ที่หัวหน้าพรรคที่มีเสียงข้างมาก และได้เสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ก็ต้องยอมรับโดยปริยาย
ผบ.ทร.บอก"ประวิตร"เพื่อนกัน
พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า มติ คมช. คือจะไม่มีการประชุมอย่างเป็นทางการ แต่ อำนาจหน้าที่ของ คมช. จะหมดลงเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ คมช.ยังมีอำนาจหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบอยู่
เมื่อถามว่า ระหว่าง พล.อ. สมทัต กับ พล.อ. ประวิตร ใครเหมาะสมกว่ากัน พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผบ.ทบ. แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 กับ พล.อ.ประวิตร ก็เห็นว่าดีทั้งนั้น ทั้งคู่ก็เป็นอดีต ผบ.ทบ. ผู้สื่อข่าวซักว่า หากคุณสมบัติที่เราเสนอไปไม่ผ่านความเห็นชอบของพรรคการเมือง กองทัพจะทำอย่างไร พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้เสนออะไร เพียงแต่ปรารภเฉยๆ ว่าเป็นทหารก็ดี เพราะพูดกันรู้เรื่อง เรามองในแง่ของการทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น แต่ผู้ที่รับผิดชอบก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนบุคลิก ของนายสมัคร ยากต่อการคุยกับผบ.เหล่าทัพ หรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องลองดูก่อน
ด้าน พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีต ผบ.สส. และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวความไม่ลงตัวของตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า ตอนนี้มีข่าวลือกันเยอะ เปลี่ยนทุกวันจนตนก็เริ่มงง ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร
เมื่อถามถึงความเหมาะสม ระหว่าง พล.อ.สมทัต กับ พล.อ.ประวิตร พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า แล้วแต่จะรักใครรักใครชอบใคร แต่ทุกคนก็มีความเหมาะสม เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งคู่ เมื่อถามว่ามี กระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอ พล.อ.สมทัต เป็น รมว.กลาโหม นั้น พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกัน ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงกระแสข่าวที่จะให้นายสมัคร มาเป็น รมว.กลาโหม พล.อเรืองโรจน์ กล่าวว่า ท่านให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าไม่มี
"สาก"ลั่นหมดหน้าที่ คมช.แล้ว
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศีริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กรณีที่ คมช.ออกมาระบุถึงสเปก รมว.กลาโหมคนใหม่ว่า ควรที่จะต้องเป็นทหารนั้น อยากถามว่า มันเรื่องอะไรของ คมช. มันหมดหน้าที่ของคมช.แล้ว เท่าที่ได้หารือกันภายในนั้น ไม่มีรายชื่อ พล.อ. สมทัต อัตตะนันท์ หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ จะมาเป็นรมว.กลาโหม ตามที่มีกระแสข่าว พล.อ.ชวลิต นั้นถ้าจะมาคงได้เป็นที่ปรึกษาอะไรสักอย่างที่มีตำแหน่งใหญ่โตมากๆ คงไม่ใช่แค่ที่ปรึกษานายกฯ แต่อาจจะเป็นที่ปรึกษารัฐบาลทั้งคณะ
นายบรรหาร ศิลปอาชา กล่าวว่า เป็นความเห็นของ คมช. ว่า รมว.กลาโหม ควรจะเป็นทหาร ส่วนจะเป็นทหารนอกราชการ หรือในราชการยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะเลือกใคร นายกฯ มีสิทธิ์เลือกใครก็ได้ เมื่อถามว่าถ้า นายสมัคร สุนทรเวช จะนั่งควบ รมว.กลาโหม ด้วย นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น
เช้าวานนี้ (23 ม.ค.) พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่ คมช. ประกาศยุติบทบาท เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศว่า คมช. น่าจะหมดหน้าที่ในส่วนของ คมช. ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับความพอใจ หรือไม่พอใจ สถานการณ์ขณะนี้ดำเนินการไปตามกลไกที่ควรจะเป็น ด้านการเมืองก็เข้ามาใช้อำนาจในการบริหารบ้านเมืองไป และไม่กังวลว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารช่วงเดือน เม.ย.นี้
เมื่อถามถึงกรณีที่ คมช. เสนอแนวคิดเรื่องคุณสมบัติ รมว.กลาโหม มีความเป็นห่วงอะไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่มี ผมถือว่าจบแล้ว คมช.เพียงแสดงความเห็นไปแค่นั้น แล้วก็จบ ทั้งนี้ ไม่กลัวว่าการเมืองออกมาโจมตี"
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ท่านพยายามผลักดัน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. เป็น รมว.กลาโหม เพราะมีความสนิทเป็นการส่วนตัว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่ไหนว่าไปเลือกใคร ท่านไปถามคนที่เขาว่าก็แล้วกัน" เมื่อถามว่า หลังจากนี้ไป ฝ่ายการเมืองอาจจะวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแนวคิด คมช. ที่เสนอสเปก รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงไม่มีความเห็น คมช.ได้พูดไปแล้วก็ถือว่าจบ เพราะเสนอความเห็นไปแล้ว และไม่มีความเห็นเพิ่มเติม
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมผลักดัน พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.สส. ขึ้นมาเป็น รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า " ไม่มีความเห็น" เมื่อถามย้ำว่า กองทัพพร้อมยอมรับหากรัฐบาลตัดสินใจเลือกใคร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่มีความเห็น" เมื่อถามอีกว่า คมช. ยังมีอะไรไม่สบายใจหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า"ไม่มี สบายใจดี"
เมื่อถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการหารือระหว่างพล.อ.อนุพงษ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เขียนกันไปเอง ผมไม่เห็นมีความสัมพันธ์อะไร และไม่อยากจะพูด เพราะสื่อก็รู้กันอยู่" เมื่อถามย้ำว่าได้ติดต่อกันหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาถามอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะท่านยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ และเราไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ. อนุพงษ์ เดินทางมาถึงที่ ขส.ทบ. เข้าพักที่ห้องรับรองแล้วติดตามการเสนอข่าวของรายการ สถานีสนามเป้า ที่ออกอากาศทาง ททบ.5 ซึ่งได้มีการออกอากาศคำสัมภาษณ์สดของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. ที่ตอบข้อซักถามกรณีที่ประชุม คมช. มีแนวความคิดเกี่ยวกับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า จะต้องเป็นคนกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่สังกัดพรรคการเมือง
หลังจากที่ พล.อ.อนุพงษ์ ฟังการให้สัมภาษณ์ ก็ได้สอบถามไปยังทหารที่อยู่ภายในห้องว่า พ.อ.สรรเสริญ ออกทีวีให้สัมภาษณ์ได้อย่างไร เนื่องจากภารกิจของ คมช. ถือว่าจบสิ้นแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนของพล.อ.อนุพงษ์ เป็นไปด้วยความเคร่งเครียด โดยเฉพาะประเด็นคำถามเกี่ยวกับการหารือพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน และกระแสข่าวว่า พล.อ. อนุพงษ์ ผลักดัน พล.อ.ประวิตร เป็น รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ ได้แสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน
ผบ.สส.ยังหนุน"ประวิตร"
ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. และสมาชิก คมช. กล่าวถึงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และเข้าใจจิตใจของบรรดาทหารเป็นอย่างดี เนื่องจากจะต้องปฏิบัติภารกิจในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. ก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เข้ากับคุณสมบัติดังกล่าวได้มากที่สุด
เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และอดีตประธาน คมช. เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย และยังไม่มีกำหนดการเดินทางกลับประเทศเพื่อหลบหนีปัญหาทางการเมือง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า พล.อ.สนธิ เดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศ ประมาณ 7-8 วัน และจะเดินทางกลับประเทศอย่างแน่นอน และการเดินทางไปครั้งนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการที่พรรคพลังประชาชนกำลังจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.สนธิ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บของห้องทำงาน ชั้น 2 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ขณะนี้ที่ห้องทำงานของ พล.อ.สนธิ เหลือแต่เพียงรูปภริยา
ไม่ห่วงการเมืองแทรกโยกย้าย
พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อเสนอของ คมช. ที่ต้องการคนกลาง และไม่แทรกแซงกองทัพ มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมว่า เป็นข้อคิดเห็นเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการบีบบังคับ ฉะนั้นจะตั้งใครก็เป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้เลือก รมว.กลาโหมได้ ในส่วนของตนคิดว่าผู้ที่จะมาเป็น รมว.กลาโหม ควรจะเป็นทหารเท่านั้น
ส่วนที่ ผบ.เหล่าทัพเป็นห่วงที่การเมืองเข้ามาแทรกแซงการปรับย้ายทหารนั้น พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหม มี พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ก็มีกฎเกณฑ์การโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลอยู่แล้ว คิดว่าทางฝ่ายการเมืองคงเข้ามาแทรกแซงลำบากขึ้น โดยมีคณะกรรมการแต่ละระดับที่จะต้องปฏิบัติไปตามนั้น หากไม่ปฏิบัติก็อาจจะถูกฟ้องร้องภายหลังได้
"ผมคิดว่าตรงนี้แหละที่ฝ่ายการเมืองคงไม่กล้าโยกย้าย หรือทำอะไร ผบ.เหล่าทัพ เพราะมีกฎหมายในเรื่องนี้กำหนดไว้ คนที่เขาเสียหายก็ฟ้องได้ ถ้าไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย"รมว.กลาโหม กล่าว
ผู้สื่อข่าวซักว่า มีการมองว่า คมช.จะล็อคสเปกให้ พล.อ.ประวิตร เป็นรมว.กลาโหม พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ในชั้นต้นเราคุยกัน และเห็นพ้องต้องกันว่าในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหวได้ง่าย คนที่จะมาดูแล ต้องเป็นคนที่กองทัพศรัทธา ซึ่งน่าจะเป็นอดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพ เพราะคนที่ขึ้นมาในระดับสูง ก็เป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่แล้ว
"ขณะนี้ยังมีเวลาถึงอาทิตย์หน้า พอได้ชื่อนายกฯ แล้ว นำขึ้นทูลเกล้าฯและโปรดเกล้าฯ ลงมาก็ตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งคนที่มาเป็น รมว.กลาโหม ก็คงจะชัดเจนตอนนั้น ก็คงจะอยู่ในชื่อที่ผ่านตาและลงหนังสือพิมพ์ไป คงไม่มีคนอื่นแล้ว"รมว.กลาโหม กล่าว
"ประวิตร-สมทัต"ทำงานได้
เมื่อถามว่า มีชื่อของ พล.อ.สมทัต อัตตะนันท์ ที่ถูกดันเข้ามา คิดว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ท่านเคยเป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. มาแล้ว และ หากได้เลือกให้มาเป็น ก็มีความสามารถที่จะทำงานได้ และท่านก็เป็นที่ยอมรับของกองทัพอยู่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ กองทัพบก ก็เติบโตมาในส่วนที่ดูแลพระนคร ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่าง พล.อ.สมทัต และพล.อ.ประวิตร คิดว่าใครเหมาะสมกว่ากันในสถานการณ์ขณะนี้ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเป็นได้ทั้งคู่
เมื่อถามว่า ในช่วงสถานการณ์การเมืองที่อ่อนไหวเช่นนี้ คิดว่าหาก นายาสมัคร เป็นนายกฯ จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ก็คงไม่สามารถที่จะพูดได้ในขณะนี้ ในช่วงที่ปราศรัยหาเสียงก็แบบหนึ่งอยู่แล้ว แต่เมื่อเลือกตั้งเข้ามา และมีแนวโน้มจะเป็นนายกฯ ท่านก็ปรับตัวได้ในระดับหนึ่ง คงต้องดูกันต่อไป ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน อีกทั้ง พวกเราก็ควรให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ที่หัวหน้าพรรคที่มีเสียงข้างมาก และได้เสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ก็ต้องยอมรับโดยปริยาย
ผบ.ทร.บอก"ประวิตร"เพื่อนกัน
พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า มติ คมช. คือจะไม่มีการประชุมอย่างเป็นทางการ แต่ อำนาจหน้าที่ของ คมช. จะหมดลงเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ คมช.ยังมีอำนาจหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบอยู่
เมื่อถามว่า ระหว่าง พล.อ. สมทัต กับ พล.อ. ประวิตร ใครเหมาะสมกว่ากัน พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผบ.ทบ. แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 กับ พล.อ.ประวิตร ก็เห็นว่าดีทั้งนั้น ทั้งคู่ก็เป็นอดีต ผบ.ทบ. ผู้สื่อข่าวซักว่า หากคุณสมบัติที่เราเสนอไปไม่ผ่านความเห็นชอบของพรรคการเมือง กองทัพจะทำอย่างไร พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้เสนออะไร เพียงแต่ปรารภเฉยๆ ว่าเป็นทหารก็ดี เพราะพูดกันรู้เรื่อง เรามองในแง่ของการทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น แต่ผู้ที่รับผิดชอบก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนบุคลิก ของนายสมัคร ยากต่อการคุยกับผบ.เหล่าทัพ หรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องลองดูก่อน
ด้าน พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีต ผบ.สส. และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวความไม่ลงตัวของตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า ตอนนี้มีข่าวลือกันเยอะ เปลี่ยนทุกวันจนตนก็เริ่มงง ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร
เมื่อถามถึงความเหมาะสม ระหว่าง พล.อ.สมทัต กับ พล.อ.ประวิตร พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า แล้วแต่จะรักใครรักใครชอบใคร แต่ทุกคนก็มีความเหมาะสม เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งคู่ เมื่อถามว่ามี กระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอ พล.อ.สมทัต เป็น รมว.กลาโหม นั้น พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกัน ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงกระแสข่าวที่จะให้นายสมัคร มาเป็น รมว.กลาโหม พล.อเรืองโรจน์ กล่าวว่า ท่านให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าไม่มี
"สาก"ลั่นหมดหน้าที่ คมช.แล้ว
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศีริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กรณีที่ คมช.ออกมาระบุถึงสเปก รมว.กลาโหมคนใหม่ว่า ควรที่จะต้องเป็นทหารนั้น อยากถามว่า มันเรื่องอะไรของ คมช. มันหมดหน้าที่ของคมช.แล้ว เท่าที่ได้หารือกันภายในนั้น ไม่มีรายชื่อ พล.อ. สมทัต อัตตะนันท์ หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ จะมาเป็นรมว.กลาโหม ตามที่มีกระแสข่าว พล.อ.ชวลิต นั้นถ้าจะมาคงได้เป็นที่ปรึกษาอะไรสักอย่างที่มีตำแหน่งใหญ่โตมากๆ คงไม่ใช่แค่ที่ปรึกษานายกฯ แต่อาจจะเป็นที่ปรึกษารัฐบาลทั้งคณะ
นายบรรหาร ศิลปอาชา กล่าวว่า เป็นความเห็นของ คมช. ว่า รมว.กลาโหม ควรจะเป็นทหาร ส่วนจะเป็นทหารนอกราชการ หรือในราชการยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะเลือกใคร นายกฯ มีสิทธิ์เลือกใครก็ได้ เมื่อถามว่าถ้า นายสมัคร สุนทรเวช จะนั่งควบ รมว.กลาโหม ด้วย นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น
