xs
xsm
sm
md
lg

ที่หน้าบางก็แตกซ่าน ที่หน้าด้านก็เฮโล(1)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมขอผัด “หากตุลาการเสื่อม ศาลเสื่อม ประเทศชาติก็เสื่อม” ไว้ก่อน มิใช่เพราะผมกลัวคำขู่ว่าจะหมิ่นอำนาจศาล

ผมไม่มีเจตนาจะหมิ่นศาลแม้แต่น้อยอยู่แล้ว แต่บังเอิญเกิดเรื่องสำคัญกว่า คือเรื่องความหน้าด้านของผู้นำการเมือง ซึ่งจะส่งความเสียหายทันตาเห็นแก่บ้านเมือง ส่วนความล้มเหลวของขบวนการยุติธรรมนั้น ถึงแม้แก้เร็วดีกว่าแก้ช้า แต่เมื่อมันจำเป็นก็(จำต้อง)รอได้

หลายครั้งนานมาแล้ว ผมเคยเปรียบเทียบความรับผิดชอบตามหลักกฎหมายและมาตรฐานทางจริยธรรมของบุคคล 3 ประเภทคือ บุคคลธรรมดา นักบุญ และนักการเมืองว่า แต่ละประเภทไม่เหมือนและไม่เท่ากัน จะใช้มาตรฐานเดียวเหมือนกันหมดไม่ได้ เพราะขอบเขตความเสียหายที่บุคคลต่างประเภทจะก่อขึ้นนั้นต่างกันลิบลับ

บุคคลธรรมดา ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ากระทำความผิดจริง

นักบุญหรือนักบวช ถูกกล่าวหาหรือสงสัยว่ากระทำความผิด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผิด จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

แต่สำหรับนักการเมือง ไม่ต้องคอยให้ถูกกล่าวหา เพียงแต่ทำตนให้ต้องสงสัยก็ ให้ถือว่ากระทำความผิด

ทั้งนี้ เพราะการกระทำผิดของบุคคลธรรมดานั้น มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้เสีย

หายในวงจำกัด นักบวชอสัชชีอย่างดีก็ทำให้นิกายมัวหมองและสาวกสาวิกาหม่นเศร้า แต่นักการเมืองคดโกงนั้นกระทบกระเทือนทั้งคนหมดทั้งประเทศ ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

ภาษิตจีนจึงมีว่า รัฐบาลไม่ดี เหมือนห่าลงกิน!

ดังนั้น มาตรฐานนักการเมือง จึงมิใช่มาตรการทางกฎหมายหรือ “ใบเสร็จ” หรือคำพิพากษา หรือแม้กระทั่งคำฟ้องศาลเท่านั้น แต่เป็นมาตรฐานทางจริยธรรม ทั้งส่วนตัวบุคคลและส่วนของกลุ่ม

ผู้นำการเมืองคนใดและกลุ่มใดที่ไม่มีมาตรฐานทางจริยธรรมถือว่าเป็นนักการเมืองหรือกลุ่มการเมือง “หน้าด้าน”

ผู้นำหน้าด้าน ขาดหิริโอตตัปปะ แสวงหาและติดยึดเก้าอี้ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก จึงอยากเป็น อยากมี อยากอยู่ อยากได้ ไม่ละอายต่อบาป ทำลายเวลา ทำลายทรัพย์สินและสาธารณประโยชน์ของบ้านเมือง คอยแยกย้ายแบ่งกันหากินเป็น “สายๆ” ในโครงการใหญ่ๆ ใส่ถุงมือ ฉีดน้ำยากลบเสียงกันกลิ่น รู้ทีหนีทีไล่ มีที่อาศัยพึ่งพิงอ้างอิง แม้กระทั่งศาลและกฎหมาย

ผมเคยถาม อ.ประหยัด หงษ์ทองคำ นักรัฐศาสตร์ชื่อดังว่า “ผู้นำหน้าด้าน..ชาวบ้านควรทำอย่างไร ”อ.ประหยัด ตอบโดยไม่พักต้องคิด “ก็ต้องหน้าด้านกว่าซิวะ”

แล้วขยายความต่อว่า ชาวบ้านต้องกล้าด่า กล้าหาเรื่อง กล้าขุดคุ้ย กล้าวิเคราะห์ กล้าทะเลาะ กล้าฟ้อง กล้าฟัด กล้ากัดไม่รู้จักปล่อย ฯลฯ ผู้นำหน้าด้านจึงจะลดจำนวนลง หรือหน้าด้านน้อยลง

แต่ปรากฎว่าชาวบ้านทั่วไปหรือแม้แต่สื่อและนักวิชาการในสังคมไทยหน้าด้านไม่พอหรือหน้าบางเกินไป พากันทอดธุระทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกันเสียหมด ปล่อยให้คนหน้าด้านได้ดี

ณ ขณะนี้สังคมไทยกำลังเดินเข้าสู่ห้วงวิกฤต เราอย่าหลอกตนเองเลยว่าการเลือกตั้งของเราสุจริตเที่ยงธรรม กกต.ได้จัดการทุกอย่างจนเราจวนจะได้รัฐบาลมาแก้ปัญหาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาปักษ์ใต้ ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหานักการเมืองคอร์รัปชั่น ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการเคลื่อนไหวต่อสู้และแตกแยกกัน

การเลือกตั้งน้ำเน่ากำลังจะพาเราไปตาย แต่เหมือนกับทุกครั้งในอดีต พวกคนหน้าด้านจะพากันลอยนวล

ท่านผู้อ่านอย่าถามผมได้ไหมครับว่าใครบ้างที่เป็นนักการเมืองหน้าด้าน ผมไม่บอกหรอก แต่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านบอกผมต่างหาก ใครบ้าง มีพฤติกรรมอย่างไร และคนเช่นนั้นควรจะจัดการตัวเอง หรือถูกกลุ่ม พรรค หรือสังคม หรือแม้กระทั่งศาลช่วยกันจ ัดการอย่างไร

เพื่อคลายความเครียด ผมขอเล่าเรื่องนักการเมืองอังกฤษให้ท่านผู้อ่านฟังดีกว่า พวกเราชอบอ้างกันดีนักว่าเราลอกระบอบการปกครองมาจากอังกฤษ ไอ้นั่นก็เหมือนกัน ไอ้นี่ก็เหมือนกัน ไม่จริงหรอก แท้ที่จริงอ้างหน้าด้านๆต่างหาก

เมื่อบ่ายวันที่ 24 มกราคม 2551 นี้เอง นสพ.อังกฤษพาดหัวย่อยในหน้าการเมืองว่า Peter Hain resigns after donations row referred to police แปลว่า Peter Hain หรือ ฯพณฯ นายเฮน รัฐมนตรีหลายกระทรวงของอังกฤษยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง หลังจากเรื่องเงินบริจาคที่พาดพิงถึงมือตำรวจ

นี่เป็นแค่เรื่องซุกเงินบริจาคไม่ใช่ซุกหุ้น จำนวนเงินก็เพียง 100,000 ปอนด์หรือราวๆ 7 ล้านบาท ทำไมเขาจึงต้องรักษามารยาท และหน้าด้านไม่พอ น่าจะมีคนลองถามท่านผู้นำที่หนีคดีไปอยู่ลอนดอนดู

ผมขอเล่าแต่เพียงคร่าวๆ และขอวิงวอนให้ท่านผู้อ่านนำไปคิดเปรียบเทียบกับมารยาทและจารีตของนักการเมืองไทยให้ได้

ความจริงผมไม่อยากแปลหรือลอกภาษาอังกฤษมาทั้งดุ้นเพราะมันเปลืองหน้ากระดาษ แต่ผมเห็นว่ามันจำเป็น เพราะสังคมไทยของเรามีทั้งผู้ฟังและผู้อ่านที่ตะแบง ฟังไม่ได้ศัพท์จับเอามากระเดียด แถมยังมีนักการเมืองชราท่านหนึ่งซึ่งผีเจาะปากมาให้พูด สมัยหนุ่มๆ ท่านชอบพูดอ้างโน่นอ้างนี่เรื่องฝรั่งมังค่าเป็นประจำ อาศัยที่ท่านเรียนพาณิชย์อัสส ัมและเคยเป็นเสมียนสถานทูตต่างประเทศ และได้ไปดมอเมริกาแถวๆเมืองชิกาโกมา จึงสามารถยกตัวอย่างอ้างสติฟังดูน่าเสื่อมใส ทั้งๆที่ข้างในกลวง

อีกอย่างผมหวังว่าท่านผู้อ่านที่ใช้ภาษาอังกฤษจะสามารถนำมาต่อยอดขยายผลให้สังคมไทยได้รับรู้ร่วมกันอย่างกว้างขวางต่อไป ด้วยการเปิดเว็บไซ้ต์http://politics.guardian.co.uk/funding/story/0,,2246178,00.html อ่านเอาเอง จึงจะเห็นได้ว่าสื่อของเขานำเสนอโดยมีข้อมูลบทความภาคผนวกต่อเนื่องเป็นชุดๆมากมายนับเป็นจำนวนรวมได้แสนๆคำ ต่างกับของไทยซึ่งกลวงทั้งสื่อ ทั้งนักการเมืองและโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิชาการ

เชิญครับ “Peter Hain resigned as work and pensions secretary today following the announcement that the Metropolitan police will investigate his failure to declare donations to his deputy leadership campaign worth more than ?100,000.

In a statement outside his department, Hain said he felt he had “no alternative” but to quit once he learned he would be the subject of a police investigation into an alleged criminal offence.

Gordon Brown said Hain had done the “right and honourable thing”. In the traditional exchange of letters between the prime minister and an outgoing minister, Brown said: “As ever, you have put the country’s interest before your own.”

“ปีเตอร์ เฮน ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแรงงานและบำเหน็จบำนาญหลังจากมีการประกาศว่าตำรวจนครบาลลอนดอนจะสืบสวนที่เขาละเลยไม่เปิดเผยเงินบริจาคในการหาเสียงเป็นรองหัวหน้าพรรคแรงงาน มูลค่าเกินกว่าหนึ่งแสนปอนด์

ในคำแถลงอย่างไม่เป็นทางการ เฮนกล่าวว่าเขา “ไม่มีทางเลือก” นอกจากการลาออกทันทีที่ได้ทราบว่าเขาจะต้องถูกตำรวจสอบสวนในข้อหามีความผิดทางอาญา

นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ บอกว่า เฮน ได้กระทำ “สิ่งที่ถูกต้องและมีเกียรติ” ในจดหมายตอบจากนายกรัฐมนตรีถึงรัฐมนตรีที่ลาออกตามประเพณี(การเมืองอังกฤษ)บราวน์เขียนว่า “ท่านได้ยกประโยชน์ของประเทศเอาไว้เหนือประโยชน์ส่วนตัว อย่างที่ท่านเคยปฏิบัติเสมอมา”

ฉบับหน้าผมจะนำจดหมายตอบของกอร์ดอน บราวน์มาลงทั้งดุ้น เพื่อกระตุกต่อม “สำนึกรู้” ของอดีตและอนาคตนายกรัฐมนตรีไทย และส่งเสริมความ “รับรู้” ของสังคมไทยให้มีเพิ่มขึ้น

แต่ที่สำคัญกว่า คือคำถามที่พวกเราจะต้องช่วยกันตอบวันนี้ ว่า “ผู้นำการเมืองไทยมีไหมคนที่ถ ูกศาลพิพากษาจำคุกแล้ว ถึงแม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม มีไหมที่มีความคิดถูกกล่าวโทษทางอาญาแล้ว แต่ยกเอาคติกฎหมายมาอ้างผิดๆว่ายังไม่มีคำพิพากษาว่าผิดก็ต้องถือว่ายังบริสุทธิ์

คนที่อ้างอย่างนี้ พรรคที่อ้างอย่างนี้ สมควรเรียกว่าอะไร “ท่านได้ยกประโยชน์ของประเทศเอาไว้เหนือประโยชน์ส่วนตัว” หรือไม่

การเมืองไทยจะยกระดับสูงขึ้นได้หรือไม่ ศักดิ์ศรีของประเทศไทยจะดีขึ้นหรือไม่ ถ้าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีพรรค์อย่างนี้

ที่สำคัญที่สุด ท่านผู้อ่านที่เคารพ หรือแม้แต่พรรคการเมืองทุกพรรคและผู้นำการเมืองเกือบทุกคน ต่างก็อ้างว่า ปัญหาสำคัญที่สุดและหนักที่สุดของประเทศไทยขณะนี้ หนึ่งในสองปัญหานั้น คือเรื่อง ความมาสงบในสามจังหวัดภาคใต้

ผมจึงอยากถามใจผู้นำตัวจริงของพรรคที่กุมเสียงข้างมากและพวกพ้องบริวารว่าการตั้งนายกรัฐมนตรีจากบุคคลที่เคยทำงานเป็นลูกจ้างฝ่ายข่าวของสถานทูตอิสราเอล ศัตรูคู่อาฆาตของโลกอาหรับนั้น จะทำให้การแก้ปัญหาง่ายหรือยากขึ้น หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้หรือไม่

ใครเอ่ยเคยเป็นลูกจ้างสถานทูตอิสราเอลช่วยเปิดโฉมหน้าและรายละเอียดให้สังคมไทยได้ทราบหน่อย

เราจะได้ถามกันต่อๆไปว่า “ท่านจะยกประโยชน์ของประเทศเอาไว้เหนือประโยชน์ส่วนตัว” ได้หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น