xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ดักคอสมชายฟอกผิดพี่เมียจับตากกต.ถูกฟ้องไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิ ปัตย์ กล่าวถึงรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งขึ้นว่า มีหน้าที่ในการสร้างความเชื่อมั่นทางการเมือง เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ โดยมีเงื่อนไขหลายอย่างที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรี นโยบาย และพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้
เหล่านี้จะต้องพิจารณาก่อนที่จะมีการตั้งใครเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เพราะ หากตั้งคนที่มีปัหญหาก็อาจเป็นสาเหตุทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะ ฝ่ายค้านจับตาดูอยู่ รวมทั้งประชาชนก็คงติดตามเรื่องเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคดีความต่าง ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยที่รัฐบาลต้องไม่เข้าไปแทรกแซง
นายจุรินทร์ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับวุฒิภาวะทางอารมณ์ ของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนด้วยว่า เป็นสิ่งที่สังคมให้ความเป็นห่วงและมีการวิจารณ์กันมากเพราะปัญหาที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ที่มือแต่อยู่ที่ปากมากกว่า ดังนั้นหากยังไม่ยุติก็อาจทำให้เกิด ปัญหาตามมาได้
ส่วนที่ว่านายสมัครอาจควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น เห็นว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพียงแต่คนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องมีความเข้าใจถึงปัญหาด้านความมั่นคง และมีความมุ่งมั่นพัฒนากองทัพให้เป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่นำทหารเข้ามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งหากมีความเข้า ใจดังกล่าว คนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ไม่จำเป็นต้องเป็นทหารเสมอไป
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า อาจมีการแต่งตั้งให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็น รมว.ยุติธรรมนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้สังคมจับตาดูอยู่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านก็ติดตามตรวจสอบด้วยเช่นกัน เพราะต้องการ ให้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินหน้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ในส่วนของพรรคจะมีการประชุมส.ส.นัดแรกใน วันจันทร์ที่ 21 มกราคม เพื่อหารือกันว่าจะส่งตัวผู้ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เพราะแม้จะส่งโอกาสได้ก็คงจะยาก เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว แต่หากพรรคส่งผู้เข้าชิงในตำแหน่งดังกล่าว ก็จะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคมี บุคลากรที่มีความสามารถ ซึ่งการทำงานในฐานะฝ่ายค้านในสภาครั้งนี้คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา อะไร โดยคิดว่าวาระแรกที่จะมีการอภิปรายกันคือเรื่องนโยบายรัฐบาลที่จะต้องแถลงต่อรัฐสภา ที่พรรคประชาธิปัตย์จะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางการทำ งานด้วย
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) กล่าวถึงกรณีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมของ 6 พรรคการเมืองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ 6 พรรคการเมืองตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แม้จะเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมต่อข่าวคาวการต่อรอง การซื้อพรรค และการจัดสรรผลประโยชน์ โควต้ารัฐมนตรีก็ตาม ก็ถือเป็นหน้าที่ของว่าที่ ครม.ชุดใหม่จะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจต่อสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจว่า 6 พรรคการเมืองถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นตัวตั้งไม่ใช่เป็นเพียงการต่อรองผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองเท่านั้น
ทั้งนี้รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเร่งแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อระดมองค์ความรู้ ภูมิปัญญาและพลังแผ่นดินของคนไทยทั้งประเทศร่วมกันฝ่าฟันวิกฤติของบ้านเมืองที่รออยู่เบื้องหน้าหลายประการโดยเฉพาะปัญหาเร่งด่วน เช่น การสร้างความสมานฉันท์ ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ปัญหาความยากจน ปัญหาความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น จะต้องไม่แบ่งแยกประชาชนเป็นฝักฝ่ายหรือเลือกแก้ปัญหาเฉพาะพื้นที่ฐานคะแนนเสียงทางการเมืองหรือหลอกใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองเหมือนที่ผ่านๆ มา
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า โฉมหน้ารัฐมนตรีร่วมรัฐบาลชุดนี้ จะต้องปลอดจากภาพลักษณ์ต่างตอบแทนหรือลิ่วล้อนอมินีทางการเมืองให้มากที่สุด เพื่อลดความหวดระแวงและความไม่ไว้วางใจจากประชาชน โดยเฉพาะ รมว.กลาโหม และ รมว.ยุติธรรมจะต้องทำให้สังคมมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะไม่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือจัดระเบียบกองทัพเพื่อค้ำอำนาจรัฐบาล และว่าที่ผู้นำของประเทศจะต้องไม่ทำตัวเป็นเงื่อนไขให้เกิดความแตกแยกเผชิญหน้าในสังคม
โดยเฉพาะตัวตนและบุคคลิกของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนว่าที่นายกรัฐนตรี จะต้องปรับตัว และรับฟังความเห็นที่แตกต่างของประชาชน พร้อมรับการตรวจสอบจากสื่อมวลชน นายสมัครจะต้องพร้อมเป็นนอมินีหรือตัวแทนของประชาชนคนไทยทั้ง 63 ล้านคนไม่ใช่เป็นนอมินีของคนเพียงคนเดียว
นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับกรณีของพรรคการเมืองขนาดเล็กหลายพรรคที่หัวหน้าพรรคยอมละทิ้งสัจจะวาจาเพื่อแลกกับอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองนั้น วันนี้ต้องยอมรับความจริงว่าคนเหล่านั้นได้ตกเป็นจำเลยทางการเมืองไปแล้ว จึงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการใช้โอกาสในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไถ่บาปด้วยการเร่งพิสูจน์ผลงาน และเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีศักดิ์ศรีด้วยการกล้าทักท้วงหรือขัดขวางการครอบงำ จากพรรคขนาดใหญ่ที่อาจนำพารัฐบาลออกนอกลู่นอกทาง
รัฐบาลชุดใหม่จะต้องยึดเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่มุ่งมั่นสนองผลประโยชน์หรือตัณหาทางการเมืองของคนเพียงคนเดียว ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลนี้เสียโอกาสที่จะได้พิสูจน์ฝีมือของตัวเองในการแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ
นายสุริยะใส กล่าวต่อกว่า ครป. จึงขอเรียกร้องให้สังคมทุกภาคส่วนตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเข้มข้น ตามแนวทางรัฐธรรมนูญ เพื่อขจัดปัญหาวาระซ่อนเร้นหรือร่วมกันขัดขวางความพยายามของรัฐบาลที่อาจใช้อำนาจ ไปในทางมิชอบ ทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อคนๆ เดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ นายสมัคร สุนทรเวช จะได้ตำแหน่งควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค จะได้ตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม นายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นจุดที่น่าสังเกต โดยเฉพาะตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม และ รมว.กลาโหม ถ้าหากจะลดความระแวงในสังคม จะต้องให้คนนอก เข้ามารับตำแหน่งทั้ง 2 ตำแหน่ง ซึ่งต่อไปจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะเข้ามาเข้าสู่ขบวนการยุตฺธรรมหรือไม่ หรือเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต่อไปอาจทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมได้
นายสุริยะใส เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ไม่นาน และอาจมีจุดพลิกผันก็ได้ เพราะกฎหมายบอกว่านายกรัฐมนตี ต้องไม่เป็นคนที่ต้องโทษอาญา แต่นายสมัครเ คยต้องคำพิพากษาจากศาลอาญาให้ต้องโทษจำคุก 3 เดือน ในคดีหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม.ซึ่งีนักกฎหมายได้แสดงความเห็นแตกกันออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเห็นว่า นายสมัครสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ส่วนอีกกลุ่มเห็นว่าขาดคุณสมบัติ ซึ่งต่อไปถ้ามี ส.ส.หรือส.ว. ร่วมเข้าชื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัตินายสมัคร ตามมาตรา 91 แล้วมีผลการวินิจฉัยออกมา ดังนั้นเรื่องดังกล่าวย่อมเป็นสิ่งที่น่าวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ทราบข่าวมาว่ามีสมาชิกพรรคความหวังใหม่ ไปร้อง ศาลฏีกาแผนกเลือกตั้งให้ไต่สวนฉุกเฉินว่า กกต.ใช้อำนาจหน้าที่ในการดูแลการเลือกตั้งไม่ให้เกิดความยุติธรรม ซึ่งตนก็ทราบมาว่าผู้ร้อง มีพยานหลักฐานหนักแน่นเพียงพอ หากเที่ยวนี้ศาลฎีกา มีการไต่สวนคำร้องดังกล่าว อาจทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหาตามมา ซึ่งถ้าศาลไต่สวนพบว่า กกต.เลือกตั้งไม่เป็นธรรมจริงอาจจะกลายเป็น การเลือกตั้งโมฆะได้ ถ้าหากศาลฎีกาวินิจฉัยคดีเหมือนศาลชุดที่แล้วว่าเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2548 เป็นโมฆะ
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การดำเนินการในการตรวจสอบพรรคพลังประชาชน หลังจากที่ศาลฏีกา แผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้องว่า หลังจากที่ศาลฏีกา ได้วินิจฉัยไปแล้ว ได้มีประชาชนจากทั่วประเทศต่อสายเพื่อให้ตนดำเนินภาระกิจดังกล่าวต่อไป เพื่อให้ได้ข้อยุติสุดท้าย ซึ่งในวันที่ 21 ม.ค. นี้ ตนเตรียมหารือกับคณะทนายความว่า มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้จะมีการแถลงให้ทราบอย่างเป็นทางการอย่างช้าปลายสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอแนะ ของ นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคให้ไปยื่นคำร้องที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ซ้ำอีกครั้ง นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า หากมีช่องทางที่จะทำให้ตน สามารถดำเนินการต่อไปอย่างถูกต้อง ก็พร้อมที่จะทำ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่อไปของตนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป เพราะตนได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการแล้ว
นายไชยวัฒนยังกล่าวถึง การจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำว่า ตนไม่เชื่อว่า ผู้ปกครอง ที่ครองเสียงข้างมากในสภา ซึ่งได้เสียงมาจากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต จะทำให้การปกครองเป็นไปตามคันลองครองธรรมได้ ตนไม่สบายใจ และตนในฐานะที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชื่อว่าหลังจากที่ตั้งรัฐบาล อาจจะมีการถอนทุนคืนจากคนที่มีอำนาจในรัฐบาลเป็นมูลค่าอย่างมหาศาล โดยอาจส่งผลกระทบไปยังกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจได้
กำลังโหลดความคิดเห็น