“ถาวร” เตรียมขอสำเนาหลักฐานคำร้องใบเหลือง-แดงจาก กกต.หวังส่งต่อศาลหากวินิจฉัยไม่มีเหตุผลเพียงพอ พร้อมรวบรวมหลักฐานเพิ่มมัด “นอมินีแม้ว” และเพื่อเป็นไกด์ให้ กกต.ทำงานได้สะดวกขึ้น เชื่อแม้ศาลฎีกายกคำร้อง หลักฐานชิ้นนี้ก็ไม่สูญเปล่า
วันนี้ (17 ม.ค.) นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แถลงว่า จากการที่พรรคได้ตั้งคณะทำงานด้านกฎหมายในวันที่ 1 พ.ย.2550 โดยจะปิดสำนักงานลงในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ซึ่งผลการทำงานเป็นที่น่าพอใจ และจากการร้องเรียนทั้งจากประชาชนและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค คณะทำงานชุดนี้ก็สามารถยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปทั้งหมด 36 สำนวน โดยมีบุคคลที่ถูกคัดค้านไม่รับรองผลการเลือกตั้ง 76 คน และจนถึงขณะนี้ กกต.ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วทั้งหมด ดังนั้น ผู้ร้องทุกคนควรได้ทราบว่าถึงเหตุผลการที่ กกต.วินิจฉัย ว่ารับรองและไม่รับรองผลการเลือกตั้ง ดังนั้น คณะทำงานชุดนี้จึงได้ทำหนังสือไปยัง กกต.เพื่อขอส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม และขอถ่ายสำเนาคำวินิจฉัยของ กกต. เพราะจะได้ทราบว่าคำร้องที่ทางพรรคร้องไปนั้น กกต.ได้ใบเหลืองหรือใบแดง เพื่อนำมาดำเนินในทางศาลต่อไป หากคำวินิจฉัยนั้นไม่มีเหตุผลเพียงพอ
นายถาวร กล่าวว่า ในบรรดาคำร้องที่คณะทำงานยื่นไปยัง กกต. มีคำร้องที่เกี่ยวข้องกับการแจกวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 12 สำนวน และมีผู้ร้อง 29 คน ที่เกี่ยวกับการแจกวีซีดีในการรณงรงค์หาเสียง ซึ่งทางคณะทำงานได้ส่งวีซีดี และได้สอบพยานบุคคลไปให้ กกต.แล้ว แต่ปรากฏว่าทาง กกต.ยังเงียบเฉย ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสะดวกในการวินิจฉัยของ กกต. ทางคณะทำงานจึงได้จัดทำวีซีดีที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวการแจกวีซีดีของพรรคประชาชนมาสรุปอีกครั้ง โดยมีความยาว 12 นาที ซึ่งมีเนื้อหาสรุปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเชื่อมโยงกับพรรคพลังประชาชนอย่างไร และเข้ามามีส่วนช่วยในการหาเสียงของพรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร
นายถาวร กล่าวอีกว่า การส่งหนังสือและวีซีดีสรุปในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนแต่อย่างใด เป็นเพียงการทำหน้าที่ติดตามเรื่องร้องเรียนไปยัง กกต. และไม่ได้เกี่ยวกับการพิจารณาคดีของศาลฎีกาในกรณีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 บุรีรัมย์ ที่ศาลนัดฟังคำร้องในวันที่ 18 ม.ค.นี้ แต่เป็นเพียงการเตือนหรือขอถ่ายเอกสารคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคำวินิจฉัย ที่กกต.ได้พิจารณาเสร็จไปบ้างแล้ว หรือในสำเนาที่กำลังวินิจฉัย เพื่อดูว่าคำวินิจฉัยของ กกต.เป็นคำวินิจฉัยที่มีเหตุผลหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีเหตุผล ทางคณะทำงานก็จะดำเนินต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำวีซีดีครั้งนี้อาจทำให้พรรคพลังประชาชนกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ว่าใส่ร้าย นายถาวร กล่าวว่า การจัดทำวีซีดีครั้งนี้เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่ได้จากผู้ยื่นคำร้องคัดค้าน มารวบรวมและสรุปประเด็น และถ้าเป็นการใส่ร้ายคนที่ทำก็จะถูกดำเนินคดีเสียเอง ดังนั้น เราจึงได้ระมัดระวังมาก ซึ่งวีซีดีทักษิณที่เป็นต้นฉบับก็อยู่ที่ กกต.แล้ว และอยู่ที่ประชาชนนับไม่ถ้วน เพราะมีการแจกกันทั่วในภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความชัดเจนในเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้บอกให้ ส.ส.จากไทยรักไทยเดิมมารวมตัวกัน เป็นพรรคการเมือง และทำตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการหรือที่ทาง พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าให้ช่วยกันเลือกผู้สมัครพรรคพลังประชาชน นั่นถือว่าเป็นการระดมหาเสียงของบุคคลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองที่ กกต.สั่งห้าม ซึ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดไม่ได้มีการตัดต่อ แต่เป็นข้อความจริงที่ปรากฏอยู่ในวีซีดีที่ผู้ร้องได้ส่งมอบให้ กกต.แล้ว
“กกต.เคยให้สัมภาษณ์ว่าการแจกวีซีดีเป็นเหมือนการแจกทรัพย์สิน ผิดตามมาตรา 53 และควรจะได้ใบแดง และสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเชิญชวนประชาชนเลือกพรรคพลังประชาชนแล้วตนจะได้กลับประเทศ ถือเป็นหาเสียงด้วยการหลอกลวง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถกลับประเทศไทยได้ตลอดเวลา กรณีเช่นนี้ได้ใบแดงสถานเดียว และเมื่อเราได้คำวินิจฉัยของ กกต.แล้ว พิจารณาว่าเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย มาตรการที่จะทำต่อไปคือจะใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 219 นำคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาต่อไป เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ผู้ที่จะฟ้องคือผู้ที่ยื่นคำร้องคัดค้าน เช่น ผู้สมัคร ส.ส.หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่เป็นผู้ร้องในเบื้องต้น” นายถาวร กล่าว
เมื่อถามว่า หากในวันพรุ่งนี้ (18 ม.ค.) ศาลฎีกายกคำร้องของนายไชยวัฒน์จะทำให้การจัดทำวีซีดีครั้งนี้ไร้ประโยชน์หรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าคำวินิจฉัยชัดเจนหรือไม่ว่าการแจกวีซีดีนั้นไม่ผิดฐานการเป็นนอมินี แต่อาจจะผิดฐานแจกทรัพย์สิน เพราะมีความผิดอยู่ 3 ประการ คือ 1.แจกหรือให้ซึ่งทรัพย์สิน 2.หลอกลวง 3.เป็นตัวแทนของบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง
นายถาวรกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนว่า ขอแสดงความยินดีกับประชาชนที่รอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และหากพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เราก็ยินดีด้วย และพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎร และหากคำวินิจฉัยของศาลเป็นเหตุให้การจัดตั้งรัฐบาลหยุดชะงักก็จะทำให้การดำเนินของพรรคประชาธิปัตย์จะไปในอีกระดับหนึ่ง
นายถาวร ให้สัมภาษณ์รายการ"ชั่วโมงข่าวบ่าย3" ทาง เอเอสทีวี เพิ่มเติมว่า จากความผิด 3 ข้อในการแจกวีซีดีดังกล่าวนั้น ทางพรรคได้ร้องต่อ กกต. 12 สำนวน เพื่อไม่ให้รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพลังประชาชน 29 ราย แต่ กกต.ก็ยังเงียบเฉย วันนี้จึงได้สรุปเนื้อหาวีซีดีที่ร้องเรียนให้เป็นประเด็นๆ เพื่อง่ายต่อการวินิจฉัย ส่งไปให้ กกต. และทวงถามความคืบหน้าของการวินิจฉัยว่าไปถึงไหนแล้ว ถ้าได้วินิจฉัยเสร็จแล้วก็อยากจะขอดูว่าคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร แต่ถ้ายังไม่ได้วินิจฉัยก็อยากจะให้ทาง กกต.ได้ดูวิซีดีชุดใหม่ที่สรุปไปให้ 12 นาที ดังกล่าว ซึ่งได้ส่งถึงมือ กกต.แล้ว
นายถาวร กล่าวว่า การยื่นร้องทั้ง 12 สำนวน ทำไปก่อนที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ของพรรคจะยื่นร้องต่อศาลฎีกาในประเด็นการเลือกตั้งเป็นโมฆะและพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินี แต่ประเด็นของนายไชยวัฒน์ไม่มีเรื่องความผิดฐานแจกของ และการหลอกลวงที่บอกว่าต้องเลือกพรรคพลังประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณจึงจะได้กลับมา ซึ่งผิดมาตรา 53 พ.ร.บ.เลือกตั้ง และทั้ง 2 ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่นายไชยวัฒน์ฟ้อง คดีนั้นไม่ว่าศาลจะตัดสินออกมาอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับ 2 ประเด็นนี้
สำหรับว่าที่ ส.ส.ทั้ง 29 คนที่ถูกร้องในประเด็นวีซีดี ขณะนี้ กกต.ได้ประกาศรับรองไปแล้วเป็นบางคน เช่น นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เขต 1 เชียงใหม่ ซึ่งในวีซีดีมีรูปของเขาคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ทราบว่า กกต.ทำอะไรอยู่ และยืนยันว่าการยื่นร้องครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่อยากให้คนที่จะเข้าไปใช้อำนาจของประชาชนต้องเข้าไปโดยใสสะอาดเท่านั้น
คลิก! ชมวีซีดี “ทักษิณ” และบทสัมภาษณ์ “ถาวร เสนเนียม” ทาง ASTV(56K) | (256K)