xs
xsm
sm
md
lg

ชักใบแดง"ประสพ"พปช. "วีระ"บุก กกต.จี้สอบสมชัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กกต.ลงดาบ 2 แจกใบแดง "ประสพ" ข้อหาปราศรัยใส่ร้าย พร้อมประกาศรับรอง ส.ส.เพิ่มอีก 17 คน ส่งผลตัวเลข ส.ส.ขณะนี้อยู่ที่ 420 คน ขณะเดียวกัน สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนของ กกต. สอบสำนวน "ยุทธตู้เย็น" หลังให้สันติบาลโอนสำนวนคดีคืน และให้ส่งซีดีหลักฐานมัดตัวยงยุทธ มาให้ภายในวันนี้ ส่งผลให้การชี้ขาดกรณีนี้ต้องเลื่อนออกไป ด้าน "วีระ" บุก กกต. จี้ตั้ง กก.สอบ "สมชัย" ฐานทำสำนวนรั่ว จวกอนุฯ สอบสวนซีดีแม้ว ส่อทำสำนวนอ่อน "ประพันธ์" แจงวิธีนับคะแนนใหม่หาก ส.ส.สัดส่วนเจอใบแดง ระบุไม่ต้องโละทิ้งหมด

วานนี้ (10 ม.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุม กกต.ว่า ได้มีการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้าน 6 สำนวน โดยมีมติ 4 ต่อ 1 สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง) นายประสพ บุษราคัม ว่าที่ ส.ส. เขต 3 อุดรธานี พรรคพลังประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้กกต.มีมติสั่งเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) เนื่องจากสำนวนที่พิจารณาพบว่า นายประสพ กระทำการปราศรัยใส่ร้าย ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม

ทั้งนี้สำนวนที่ กกต.สั่งเลือกตั้งใหม่นั้นเป็นเรื่องของการแจกเงิน แต่สำนวนที่มีการเสนอผลการสอบสวนครั้งนี้ เป็นคนละเรื่องกัน คือเป็นเรื่องของการปราศรัยที่มีความชัดเจนว่า มีความเกี่ยวโยงกับนายประสพ ส่วนที่กกต.ไม่รวมพิจารณาในคราวเดียวเพราะ ต้องเร่งทำงาน กรณีไหนเสร็จก่อนจะให้เจ้าหน้าที่เสนอมาให้ กกต.พิจารณาตัดสินเลย ดังนั้นผู้สมัครที่ กกต.สั่งยกคำร้อง หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ไปก่อน หากยังสำนวนค้างอยู่แล้วมีหลักฐานความผิดโยงถึงผู้สมัคร ก็มีสิทธิที่จะถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้ เช่นเดียวกันหากผู้ที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปแล้ว หากสำนวนค้างแล้วพบว่าความผิดถึงขั้นสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้ กกต.ก็จะมีมติ แต่จะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร

**ตั้งกก.ชุดใหม่สอบ"ยุทธตู้เย็น"แทนตร.

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณากรณีคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย ซึ่งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน ได้ร้องคัดค้านตัวพนักงานสอบสวนชุดที่มาจากสันติบาล โดยที่ประชุมได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมาใหม่อีก 1 ชุด โดนเน้นบุคคลากรจากฝ่ายสืบสวนสอบสวนจาก กกต. และให้ชุดสืบสวนของสันติบาล มอบสำนวนการสอบสวนทั้งหมด รวมทั้งวีซีดี บันทึกภาพเหตุการณ์ การจ่ายเงินเพื่อซื้อหัวคะแนน ให้กับกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันว่า จะนำมาให้ภายในวันนี้ (11ม.ค.) ไม่เกินเวลา 13.00 น.

ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนของสันติบาล ยังคงทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต.ในสำนวนการทุจริตเลือกตั้งคดีอื่นๆ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความขัดแย้ง และคิดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตกับสำนวนอื่นที่สันติบาลได้ทำไว้ เพราะทุกหน่วยงานจะต้องให้ความร่วมมือกับ กกต.

** เลือนชี้ขาดคดี"ยุทธตู้เย็น"

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวว่า วันนี้ค่อนข้างเครียด แต่ไม่ใช่จากเรื่องนายยงยุทธ เพราะเรื่องนี้ไม่มีการกดดันอะไรเลย ไม่ว่านายยงยุทธ หรือใคร เพราะ กกต.พร้อมให้ความเป็นธรรม แต่ที่เครียดคือ มีการให้สัมภาษณ์ที่ไม่ตรงกัน อย่างกรณีของ พล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ตนไม่รู้ว่า เขาพูดไปแล้วอย่างไร แต่สื่อก็จับเอาสิ่งที่เขาพูดมาถามตน เมื่อตอบไป ทำให้กลายเป็นการตอบโต้กัน อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนายยงยุทธ ที่ต้องการขอดูวีซีดีบันทึกภาพ การพากำนันผู้ใหญ่บ้าน มาประชุมที่ กทม.นั้น ทราบว่า เลขาธิการ กกต.ได้มีหนังสือไปยังสันติบาลให้ส่งวีซีดีดังกล่าวมายังกกต.แล้ว ดังนั้นที่ตั้งใจจะวินิจฉัยเรื่องนี้ในวันที่ 11 ม.ค. ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน

ทั้งนี้ ประธากกต. ยังชี้แจงกรณีให้สันติบาลเข้ามาดูแลสำนวนทุจริตเลือกตั้งที่ จ.เชียงรายว่า เดิมสันติบาลเข้ามาช่วยงานกกต.ในเรื่องการหาข่าวอยู่แล้ว แต่ขณะนั้นทางพนักงานสืบสวนของ กกต.ที่ จ.เชียงรายได้ลาออก จึงเห็นว่าสันติบาลเป็นผู้มีประสบการณ์ จึงได้ตั้งให้เข้าไปสอบในเรื่องนี้ แต่ขณะนี้ กกต.ให้สันติบาลส่งสำนวนทุจริตเชียงรายมาให้กกต.ดำเนินการเองแล้ว และตนเห็นว่าเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ถูกต้อง จึงตั้ง คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของกกต. เข้าไปดำเนินการ โดยมีหัวหน้าชุดคือ นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ซึ่งเป็นผู้พิพากษา และเป็นอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านของกกต. และอัยการ เจ้าหน้าที่สืบสวนของ กกต.ร่วมเป็นกรรมการฯ โดยให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

** รับรองส.ส.เพิ่มอีก 17 คน

สำหรับสำนวนทุจริตที่ค้างอยู่ในขณะนี้ว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบว่า เหลือค้างอยู่เท่าใด เพราะกกต. มีเวลาที่จะพิจารณาถึงวันที่ 15-16 ม.ค.นี้ เท่าที่ทราบเบื้องต้นมีค้างอยู่ 30 กว่าสำนวน จึงเป็นไปได้ว่า ในวันที่ 12-13 ม.ค. จะมีการประชุมเพื่อเร่งพิจารณาสำนวน เพราะต้องการให้การประกาศรับรองผล ส.ส.ทันกับการเปิดประชุมสภานัดแรก แต่ปัญหาคือ หลายเรื่องที่กกต.สั่งให้สอบเพิ่มเติม ก็ยังไม่แน่ว่า พนักงานสอบสวนที่กกต.สั่งให้ไปดำเนินการนั้น จะทำงานได้เสร็จทันแล้วมาชี้แจง กกต.ในวันที่กำหนดให้มีการประชุมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้กกต.ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เพิ่มเติมอีก 17 คน แยกเป็นส.ส.เขต 15 คน และส.ส.สัดส่วน 2 คน โดยเป็นส.ส.พรรคพลังประชาชน 14 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน และ พรรคชาติไทย 1 คน

ทั้งส.ส.เขตประกอบด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เขต 1 พรรคชาติไทย จ.สิงห์บุรี นายวีระพล อดิเรกสาร เขต 2 พรรคพลังประชาชน สระบุรี นายวิเชียร ขาวขำ เขต 4 พรรคพลังประชาชน จ.อุดรธานี นายสุทิน คลังแสง เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ. มหาสารคาม นายสุรจิตร ยนต์ตระกูล เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ. มหาสารคาม นายจิรวัฒน์ ศิริพาณิชย์ เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.มหาสารคาม นายเจริญ จรรย์โกมล เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.ชัยภูมิ นายสุชาย ศรีสุรพล เขต 4 พรรคพลังประชาชน จ.ขอนแก่น นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เขต 4 พรรคพลังประชาชน จ.ขอนแก่น ว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.หนองคาย นายสมคิด บาลไธสง เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.หนองคาย นางชมภู จันทาทอง เขต 1 พรรคพังประชาชน จ.หนองคาย นางนันทนา ทิมสุวรรณ เขต 2 พรรคพลังประชาชน จ.เลย นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข เขต 2 จ. เลย พรรคพลังประชาชน และ นายนราพัฒน์ แก้วทอง เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ จ.พิจิตร

ส่วนส.ส.สัดส่วน 2 คน คือ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส. สัดส่วนกลุ่ม 2 พรรคประชาธิปัตย์ และ นายธนเทพ ทิมสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 3 พรรคพลังประชาชน

ดังนั้นจนถึงขณะนี้กกต. ประกาศรับรองส.ส.แล้วรวมทั้งสิ้น 420 คน ยังคงเหลือที่ไม่ประกาศ 60 คน

**จี้ กกต.สอบ"สมชัย"ทำสำนวนรั่ว

วานนี้ (10 ม.ค.) นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบกรณีน่าเชื่อว่านายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย นำสำเนาเอกสารลับ ไปเปิดเผยให้บุคคลภายนอกรับทราบจนเกิดความเสียหายต่อ กกต.

นายวีระ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้เปิดเผยต่อสื่อว่า การเข้ารายงาน การทุจริตการเลือกตั้ง จ.เชียงราย ต่อกกต.นั้น พล.ต.ต.ชัยยะได้ขอร้องต่อที่ประชุมว่า การพิจารณาสำนวนดังกล่าว ขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุมทั้งหมด เหลือเพียง กกต. 5 คน และเลขาธิการ กกต. เท่านั้น ก่อนที่จะแจกสำเนาสำนวนการสอบสวนจำนวน 6 ชุดให้กับ กกต. 5 คน เลขาธิการ กกต. ภายหลังการชี้แจง กกต.เห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลพอแจ้งข้อกล่าวหาได้ จึงได้ขอเก็บสำเนาสำนวนการสอบสวนจากทุกคน เหลือเพียงนายสมชัย ที่ไม่ยอมคืนให้ และได้นำเอกสารดังกล่าวออกไปจากห้องประชุม

"ผู้ที่มีเอกสารลับดังกล่าวซึ่งสามารถจะนำไปเผยแพร่ต่อบุคคลภายนอกได้ หรืออยู่ในข่ายที่ต้องสงสัยจึงมีเพียง พล.ต.ต.ชัยยะและนายสมชัย เท่านั้น สำหรับพล.ต.ต.ชัยยะ ไม่ปรากฎพฤติการณ์ให้เชื่อได้ว่า เป็นผู้นำเอกสารดังกล่าวออกไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เพราะได้พยายามขอคืนสำเนาเอกสารดังกล่าว และพยายามที่จะปกปิดรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี รวมทั้งตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ย่อมจะทราบดีว่าตัวเองกำลังตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งในคดีสำคัญอย่างยิ่ง ที่สามารถทำให้เกิดการยุบพรรคพลังประชาชนได้ในจนที่สุด แต่สำหรับนายสมชัย จากพฤติกรรมที่ที่มีข่าวไม่คืนเอกสารให้เจ้าพนักงานสอบสวน จึงทำให้เป็นที่สงสัยได้ว่า อาจเป็นผู้ที่ทำให้เอกสารลับดังกล่าวรั่วไหลสู่สาธารณชนก่อนที่ผู้ถูกล่าวหาจะเข้าชี้แจง"

ดังนั้นกกต. จึงต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง และดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิด มาตรา 29 พ.ร.บ. กกต. ที่บัญญัติห้ามมิให้กกต.เจ้าหน้าที่ กกต. กระทำการมิชอบด้วยหน้าที่เพื่อเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้ง หรือกระทำการ หรือละเว้นกระทำการโดยทุจริต หรือประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมทั้งยังเข้าข่ายป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่กำหนดว่า การปฏิบัตหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 พันถึง 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"เรื่องนี้ถือเป็นการท้าทายกฎหมายบ้านเมือง ทำให้เกิดความเสียหายต่อ กกต.อย่างร้ายแรง" นายวีระกล่าว และว่า หากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของ กกต. จะทำให้สาธารณชนเคลือบแคลงสงสัย

**อนุฯสอบสวนซีดีแม้วส่อทำสำนวนอ่อน

นายวีระ ยังกล่าวถึงกรณียื่นขอให้กกต. ตรวจสอบการแจกจ่ายวีซีดี ของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้ง ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดที่สามารถยุบพรรคพลังประชาชน ว่า ทราบว่าคณะอนุกรรมการที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวมีความพยายามทำให้หลักฐานที่ตนยื่นไปอ่อนลง มีการถามถึงสิ่งที่ไม่ควรถามหลายเรื่อง เช่น ให้ตนอธิบายว่าเหตุใดจึงต้องยุบพรรคพลังประชาชน หรือถามว่า รู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ผลิตวีซีดีชุดนี้ ซึ่งรู้สึกว่าไม่ใช่คำถามที่กรรมการต้องมาถามตน เพราะหน้าที่ของคณะอนุกรรมการคือ ตรวจสอบว่าหลักฐานที่ยื่นให้ว่า คนที่ปรากฏอยู่ในวีซีดี เกี่ยวข้องอะไรกับผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน ซึ่งหากไม่เกี่ยวข้องกัน แล้วนำไปแจกได้อย่างไร และคนที่แจกมีความผิดหรือไม่

"จากที่เคยชี้แจงคณะอนุกรรมการอยู่หลายครั้ง สิ่งที่รู้สึกได้ คือ มีความพยายามทำให้หลักฐานของผมอ่อน และไม่ค่อยสนใจการชี้แจงของผม เหมือนผมถูกกลั่นแกล้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อนุกรรมการเรียกผมชี้แจงนานเกือบ 10 ชั่วโมง ซึ่งผมก็ได้พยายามชี้แจงเต็มที่ ผมรู้ว่า มีหนึ่งในกรรมการชุนี้เคยพิจารณาสำนวนเรื่องแม่ยายของ พ.ต.ท.ทักษิณแจกเสื้อให้กับกลุ่มคนรักทักษิณ ที่มาชุมนุม และทำให้สำนวนนั้นพ้นข้อกล่าวหาไปได้ แต่ผมก็ยังจะให้โอกาสอนุกรรมการชุดนี้พิจารณา และยืนยันว่า จะไม่ขอให้เปลี่ยนตัว แต่หากคณะอนุกรรมการยกคำร้อง ผมก็จะดำเนินการ กับคณะอนุกรรมการชุดนี้ให้ถึงที่สุด " นายวีระกล่าว

**"สมชัย"อ้างสำนวนคดีต้องเก็บไว้ที่กกต.

ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนฯ กล่าวถึงเรื่องถูกร้องเรียนเป็นผู้ทำสำนวนรั่ว ว่า ความจริงคนที่จะต้องเก็บเอกสารนั้นจะต้องเป็นสำนักงาน กกต. เป็นผู้เก็บสำนวนไว้เท่านั้น โดยปกติเจ้าหน้าที่ กกต.จะต้องเป็นผู้นำสำนวนเสนอต่อ กกต.ให้วินิจฉัย คนอื่นที่เป็นสันติบาลไม่มีหน้าที่เก็บสำนวน

"การพิจารณาของ กกต. เราจะฟังแค่ลมปากของคนที่มาพรีเซ็นต์ไม่ได้ เราต้องเก็บสำนวนไว้ดู และตรวจสอบให้ละเอียดและโดยปกติคนที่มายื่นเรื่องคัดค้าน จะต้องถ่ายเอกสารสำนวนนั้นให้กับ กกต.ทุกคนเก็บสำเนาไว้ ไม่ใช่นำมาเสนอแล้วหอบกลับไป ไม่เคยมีกรณีอย่างนี้มาก่อน ส่วนที่มีการบอกว่า สำนวนรั่ว ก็ต้องไปดูว่ารั่วจากตรงไหน อย่าเพียงแค่กล่าวหา" นายสมชัยกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามเรื่องนี้ต่อ แต่นายสมชัย ก็กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่ต้องถามแล้ว พูดแค่นี้ก็ดังแล้ว จากนั้นได้เดินเข้าห้องประชุม และกล่าวกับเจ้าหน้าที่สอบสวนที่เตรียมจะเข้าชี้แจงในที่ประชุม กกต.ว่า หน้าที่เก็บสำนวนทั้งหมดต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของ กกต.ใช่มั้ย ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวที่ต่อมาทราบว่า คือ พ.ต.ท. เทวราช เอื้อวงศ์ประเสริฐ พนักงานสอบสวน จ. อำนาจเจริญ ก็กล่าวว่า ครับ นายสมชัย จึงได้ให้ พ.ต.ท.เทวราช มายืนยันกับสื่อมวลชนถึงกระบวนการการนำสำนวนเข้าชี้แจงกับ กกต. โดยพ.ต.ท.เทวราช กล่าวว่า ปกติแล้วเมื่อนำสำนวนคำร้องคัดค้านทุจริตมาให้ กกต. กลาง ทางพนักงานสอบสวนที่นำสำนวนมาชี้แจง ไม่มีหน้าที่จะต้องเก็บสำนวนฉบับสมบูรณ์ไว้ เว้นแต่ กกต.มีคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม จึงจะนำกลับไปได้ แต่ก็ต้องมีการทำสำเนา สำนวนไว้ให้กับ กกต.ทุกคน เก็บไว้ทั้งหมด

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวถึงเรื่องที่นายวีระ ร้องขอให้สอบนายสมชัย ทำสำนวนรั่ว ว่า รองเลขาธิการ กกต.ได้นำหนังสือดังกล่าวเสนอให้ทราบแล้ว แต่ กกต.กำลังเร่งพิจารณาเรื่องการพิจารณารับรอง ส.ส. จึงยังไม่ได้อ่าน เพราะมีจำนวนหลายสิบหน้า แต่ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำสำเนาให้ กกต.แต่ละคนไปศึกษา และจะนำมาพุดคุยกันในที่ประชุม กกต.วันนี้

**"ยุทธตู้เย็น" อ้างมีขบวนการจ้องยุบพรรค

ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ เดินทางมาที่สำนักงาน กกต.เป็นวันที่ 3 พร้อมกับเจ้าหน้าที่เทคนิคด้านการตัดต่อภาพ และฟิลม์ เพื่อที่จะขอดูวีซีดี บันทึกภาพการตนจ่ายเงินให้กับหัวคะแนนที่โรงแรมในกทม. ตามที่มีการร้องเรียน โดยนายยงยุทธ กล่าวว่า รู้สึกร้อนใจ เพราะไม่ใช่ตนเพียงคนเดียวที่จะเดือดร้อน แต่รวมถึงสมาชิก และส.ส ที่ได้รับเลือกตั้งของพรรค เพราะดูเหมือนจะมีการบงการเพื่อนำไปสู่การยุบพรรค รวมทั้งยังต้องการมาให้กำลังใจ กกต.ด้วย เนื่องจาก กกต.ที่สั่งสันติบาลไปแล้วว่า ให้นำซีดีที่เป็นหลักฐานมาให้ผู้ถูกร้องได้ดู แต่ขณะนี้เหมือนเป็นการยื้อ ซึ่งถ้าตนไม่ได้ดู ก็แก้ข้อกล่าวหาไม่ได้ แต่ตนก็ต้องการพิสูจน์ตัวเอง เพราะเวลานี้ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก็กล่าวหาว่าตนทุจริต รวมทั้งมีการกล่าวหาว่า กกต. เข้าข้างตนโดยนำสำนวนดังกล่าวมาให้ ทั้งที่ความจริงไม่เคยได้รับ

"เรื่องนี้ยืนยันได้ว่าเป็นขบวนการจ้องทำลาย เพราะโดยข้อเท็จจริงไม่มีใครหรอกที่จะขนหัวคะแนนของตนเองมาจ่ายเงินที่กรุงเทพฯ และตั้งแต่มีรัฐประหาร ผมก็ไม่เคยลงพื้นที่ ความจริงก็คือความจริง ขอเรียกร้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่จะทำหลักฐานจนแนบเนียน และมีการตั้งธง ช่วยคิดถึงประโยชน์บ้านเมือง ช่วยรักษาความเป็นธรรมของระบบด้วย" นายยงยุทธกล่าว

**แจงวีธีนับคะแนนหากยงยุทธเจอใบแดง

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึง ปัญหาการนับคะแนนใหม่ หากนายยงยุทธ เจอใบเหลือง หรือใบแดง ว่า เรื่องนี้มีขั้นตอนวิธีการอยู่แล้ว

"ถ้าต้องตัดคะแนนในเขตพื้นที่ ตามมาตรา 110 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. บัญญัติเรื่องการไม่นับคะแนนที่ได้มาโดยไม่สุจริต ซึ่งการนับคะแนนไม่ได้หมายความว่า จะไม่นับทั้งหมดในกลุ่มจังหวัดนั้น เพราะตามกฎหมายอาจจะตัดไม่นับเฉพาะในเขตที่มีการเลือกตั้งไม่สุจริตก็ได้ ซึ่งคิดว่าในจำนวนนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม การพิจารณาใบเหลือง ใบแดง มีขั้นตอนชัดเจน ทั้งนี้ ส.ส.สัดส่วนจำนวน 5 คน ของพรรคพลังประชาชน ยังคงมีสถานภาพเหมือนเดิม เพียงแต่ นายยงยุทธ ต้องมีการพิจารณาตามข้อเท็จจริง ในลักษณะเป็นรายบุคคล ตามกฎหมาย อาจจะพิจารณาตัดเฉพาะในเขต หรือในหน่วยก็ได้ เช่น อาจจะเป็นเขต 3 ของ จ.เชียงราย หรือแม้กระทั่งตัดเขต จ.เชียงราย อาจจะไม่ตัดทุกจังหวัดในกลุ่ม ประเด็นพวกนี้เราพิจารณาหมดแล้ว จุดนี้ไม่ใช่ กกต.ไม่ได้คิด หรือเผลอไป เราไม่ได้พูดบอกไปก่อนเท่านั้นเอง"

อย่างไรก็ตาม หากดูคะแนน ส.ส.สัดส่วนในกลุ่มที่ 1 แม้จะตัดคะแนนทั้งเขต หรือตัดหมดทั้ง จ.เชียงราย ก็ไม่ทำให้คะแนนสัดส่วน หรือจำนวนส.ส. สัดส่วนของพรรคพลังประชาชน เปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงจะได้ ส.ส. 5 คน เหมือนเดิม ซึ่ง กกต.ได้พิจารณาพรรคการเมืองอื่นที่ถูกร้องเรียนในหลักเดียวกัน ไม่ใช่แค่เพียงพิจารณาให้พรรคใดพรรคหนึ่ง

**นายกฯ เตือนม็อบต้องรู้จักเคารพกติกา

พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมรับมือผู้ที่ขู่ว่าจะออกมาเคลื่อนไหว จากกรณี กกต. แจกใบเหลือง ใบแดงว่าได้หารือกับ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แล้ว โดยขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

"รัฐบาลอยากจะเรียนว่า เมื่อ กกต.ได้ตัดสินชี้ขาด หรือวินิจฉัยไปแล้ว ผมคิดว่าท่านมีหลักฐานที่สมบูรณ์ ผมไม่ได้มีโอกาสเห็น แต่คิดว่าท่านทั้งหลายที่ถูกวินิจฉัย ไม่ว่าจะเป็นใบเหลืองใบแดง คงจะทราบดี และเห็นว่าทาง กกต.มีหลักฐาน ฉะนั้นการที่จะใช้กฎหมู่มาบังคับ เท่ากับว่าบ้านเมืองของเราไม่ยอมรับกฎกติกา ต้องการเอาชนะในทุกวิถีทาง ที่จะทำได้ ซึ่งผมคิดว่านั่นไม่ได้เป็นวิถีทางประชาธิปไตย อยากจะเรียนฝากไว้ตรงนี้ว่า ถ้าท่านยอมรับกติกา โอกาสข้างหน้าในทางการเมืองของท่าน ก็ยังคงมีอยู่ มันไม่ใช่ว่าจะถึงกับยุติลงไป ในครั้งนี้" นายกรัฐมนตรี กล่าว

**"เสรีพิศุทธ์" ตอกกลับ "ยุทธตู้เย็น"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.กล่าวถึง กรณี นายยุงยุทธ ออกมาระบุว่า มีนายตำรวจเข้าไปพัวพันการทุจริตการเลือกตั้ง และข่มขู่ประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงรายว่า ตำรวจไม่ทำสิ่งผิดกฎหมาย เพราะมีกฎหมายอยู่ ถ้าตำรวจทำผิดกฎหมายเป็นการปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ซึ่งข้อหานี้ร้ายแรงแล้วตำรวจที่ไหนมันจะโง่ไปทำผิดกฎหมายเสียเอง แต่คนจะกล่าวหาใครมันกล่าวหาได้ทั้งนั้น

"สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นเรื่องของกกต. เพราะฉะนั้นทำอะไรไปผมก็ไม่ทราบ แต่เชื่อว่าตำรวจไม่ไปมีพฤติกรรมอย่างที่ว่า เรื่องอะไรจะเอาตัวไปเสี่ยงติดคุกติดตะราง"

ส่วนจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี เห็นมีแต่สื่อกล่าว ไม่เห็นมีอะไรมาที่ตนเลย ถ้ามีถึงจะว่าไป ไม่มีก็คือไม่มี

เมื่อถามว่า การกล่าวอ้างของนายยงยุทธ ทำให้ภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหายหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า "ไม่หรอกครับ ขอกันกินมากกว่านี้ เล็กๆ น้อยๆ อย่าไปถือสาอะไรเลย หนังสือพิมพ์อย่าด่าผมก็แล้วกัน"

**ตร.เชียงรายเตรียมรับมือม็อบ "ยุทธตู้เย็น"

หลังมีข่าวว่าอาจจะมีม็อบเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.เชียงราย ในวันนี้ (11ม.ค.) หากนายยงยุทธ ถูก กกต.แจกใบแดงนั้น พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ได้ทำการฝึกซ้อมตำรวจกองร้อยชุดควบคุมฝูงชน โดยการสั่งให้ตำรวจในแต่ละอำเภอส่งกำลังมารวมตัวกันที่ปั๊มน้ำมันพีที ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย รวม 2 กองร้อยประมาณ 300 นาย โดยให้แต่งกายในเครื่องแบบสีกากี แต่ไม่มีการติดชื่อ ติดยศ พร้อมมีกระบอง ฝึกการรับมือฝูงชน แบบมือเปล่า และแบบมีกระบองตลอดทั้งวัน

"เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน หลังมีข่าวไม่ค่อยดี และกำลังส่วนนี้จะเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่นี้ไป"

**ส่อถอนฟ้องเลือกตั้งล่วงหน้าโมฆะ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัครส.ส. บุรีรัมย์ ของพรรค ไปร้องต่อศาล ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ส่วนตัว แต่ไม่ใช่จุดยืนของพรรค ซึ่งได้ขอให้นายไชยวัฒน์ ถอนคำร้องแล้ว คาดว่าจะดำเนินการใน2-3 วันนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน

ด้านนายไชยวัฒน์ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า จากที่ตนได้ฟ้องร้องต่อศาล เพื่อให้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.50 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้เพิกถอนการนับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 เป็นโมฆะ โดยใช้สิทธิในฐานะผู้เสียหาย เมื่อนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า อยากให้ตนถอนฟ้องประเด็นนี้ ก็เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งตนจะยังไม่ดำเนินการใดๆ เพราะในการฟ้องร้องกรณีดังกล่าว ได้มีผู้สมัครจากพรรคอื่นฟ้องร้องด้วยเช่นกัน ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จะมีการไต่สวนในวันนี้(11ม.ค.) ซึ่งตนคิดว่าต้องให้เกียรติกับผู้ที่ยื่นฟ้องร้องในประเด็นนี้ก่อน ถ้าศาลมีคำวินิจฉัยเป็นอย่างไร ตนก็จะนำมาทบทวนอีกครั้งว่า จะถอนฟ้องหรือไม่

** ยื่นถอดถอน กกต.จว.ศรีสะเกษ

วันเดียวกันนี้ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำนาย สุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ศรีสะเกษ มายื่นร้องให้ถอดถอน และดำเนินคดีอาญา กับกกต.จังหวัด เนื่องจากมีความไม่ชอบมาพากลในการนับคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่ 15.00 น. และเสร็จสิ้นในเวลา 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซ้ำยังมีไฟดับสองครั้ง จนทำให้คะแนนเปลี่ยน ซึ่งได้ยื่นเรื่องร้องไว้ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่กกต. จังหวัดกลับไม่ส่งสำนวนการสอบสวนให้กกต. กลางจนกระทั่งประกาศรับรองให้นาย ศิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ จากพรรคชาติไทย เป็น ส.ส. ในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีสำนวนเรื่องการซื้อเสียงของ นายศิริพงษ์ แต่ทาง กกต. จังหวัดก็ไม่รายงาน กกต. กลางเช่นกัน

นายศุภชัย กล่าวว่า เมื่อมาสอบถามกับ กกต. กลาง ก็พบว่าทางจังหวัดไม่ได้ส่งสำนวนมาให้ อีกทั้งขณะนี้ที่จังหวัดยังมีข้อมูลรั่วจนมีการข่มขู่เอาชีวิตพยาน จึงมาร้องเรียน และนำพยานมาให้ กกต. สอบ เพราะกลัวว่าหากช้า จะไม่มีพยานเหลือ และถูกคุกคามถึงชีวิต.
กำลังโหลดความคิดเห็น