ผู้จัดการรายวัน - กกต.ยังมึนให้ "ใบเหลือง-แดง" ให้ "ยุทธ ตู้เย็น" แล้วลำดับ ส.ส.สัดส่วนจะทำอย่างไร ล่าสุดส่อปล่อยผีไปก่อนแล้วสอยทีหลัง เหตุเจอข้อ กม.ไม่ให้โอกาสเลื่อนลำดับเพราะพลาดประกาศรับรอง 9 ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 ไปแล้ว ระบุหากผลีผลามชัก "เหลือง-แดง" อาจถูกฟ้องกได้ ขณะที่ "ยงยุทธ" ยังซ่าส์ บุก กกต.ขอดูวีซีดีหลักฐานสำคัญ อ้างมีขบวนการใส่ร้าย จอมบงการหางบให้สันติบาลคนละ 35 ล้านจัดฉาก พร้อมร่ายยาวใครร่วมบ้าง ด้าน กกต.นัด "ยงยุทธ-สันติบาล" ดูวีซีดีพร้อมกัน ส่วน "วีระ" เตรียมยื่น กกต.สอบไอ้โม่งทำสำนวนเชียงรายรั่วไปถึงมือ "ยุทธ" วันนี้
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวก่อนเข้าประชุมกกต. ถึงการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ส.ส. แบบสัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 1 รองหัวหน้าพรรคพรรคพลังประชาชน ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยกำลังสรุปข้อมูลที่ได้รับจากการชี้แจงของ นายยงยุทธ และพยานที่นำเข้ามาสืบ หากข้อมูลพร้อมเมื่อใด ก็จะเสนอเข้ามายัง กกต.
อย่างไรก็ตามขณะนี้กกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณากรณีปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมและสิ่งแวดล้อมระบุว่า รถตู้ที่นายยงยุทธใช้เป็นรถของกระทรวงจริง โดย กกต.จะพิจารณาไปพร้อมกันหากเป็นความผิดว่าความผิดนั้นแป็นความผิดส่วนบุคคล หรือความผิดที่อาจเชื่อมถึงพรรคพลังประชาชนเพราะนายยงยุทธ มีฐานะเป็นรองหัวหน้าพรรคการกระทำอาจส่งผลถึงขั้นยุบพรรคได้
"เรื่องนี้ถูกรายงานเข้ามานานแล้ว รวมทั้งผ่านการพิจารณามาหลายครั้ง จึงพอมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไรและเชื่อมโยงไปถึงไหน"
ส่วนที่นายยงยุทธ แถลงว่า เรื่องทั้งหมดเป็นการจัดฉากนั้น ก็ถือเป็นความคิด ของนายยงยุทธ ยืนยันว่า กกต.ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอที่จะอธิบายต่อสังคมได้ และหาก กกต.มีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชนจริง กกต. ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจาณาต่อไป
ส่วนหาก กกต.มีมติให้ใบเหลืองนายยงยุทธ กกต.จะมีขั้นตอนเกี่ยวกับ ส.ส.แบบสัดส่วนต่อไปอย่างไรนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า เรื่องนี้มีปัญหามาก เพราะไม่สามารถจัดเลือกตั้งใหม่ได้และไม่สามารถเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นมาแทนได้ ดังนั้น เราต้องคำนวนคะแนนกันใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร เพราะถือว่าเป็นกรณีแรก แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
ปธ.กกต.ให้ไปสืบกันเองใครเอาสำนวนไป
นายอภิชาต ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รอง ผบช.ส.ที่ระบุว่า กกต.ไม่เชิญมาให้ข้อมูลในฐานะทีมสืบสวนสอบสวนว่า กกต. เข้าใจว่าพล.ต.ต.ชัยยะมีความตั้งใจในการทำงาน แต่ในเมื่อ พล.ต.ต.ชัยยะขอถอนตัวไปแล้ว จึงได้เชิญเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริต การเลือกตั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม งานของ กกต.ได้รับความช่วยเหลือและความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจสันติบาล เป็นอย่างมาก ทำให้คดีการทุจริตการเลือกตั้งกว่า 100 เรื่องสำเร็จไปได้ด้วยดี
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต.ชัยยะ ระบุว่า มี กกต.บางคนไม่ยอมคืนสำนวนเชียงรายนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า เป็นเรื่องที่พูดกัน แต่ว่ามีหลักฐานหรือไม่ และอย่างไร ไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่หากมีการเก็บไปจริงๆ ก็ไม่ได้อะไร เพราะเป็นเพียงเอกสารการประชุม และตามปกติก็หยิบออกมาจากที่ประชุมกันอยู่แล้ว
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการรั่วไหลของสำนวนไปถึงนายยงยุทธ หลัง กกต.บางคนไม่คืนสำนวนนั้น นายอภิชาต ถามกลับว่า "แล้วทราบกันหรือยังว่าใคร เป็นคนเอาไป ก็อย่างที่บอก ต้องไปถามแต่ละท่านเอาเอง และผมปฏิเสธแล้วว่า ไม่ใช่ผม"
"เราคำนึงมากเรื่องความเป็นกลาง ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและเที่ยงธรรมที่สุด เราไม่เข้าใครออกใคร ทั้งนี้ท่าน (พล.ต.ต.ชัยยะ) ถอนตัวออกไปเอง เราไม่ได้ไปบังคับหรือไม่สั่งอะไรท่าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ น่าจะน้อยลงหรือหมดไป เพราะเราทำไปตามพยานหลักฐานที่ได้มาจริงๆ"
นายอภิชาต ยังกล่าวด้วยว่าในกรณีการสั่งเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งนาย สุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.ปราจีนบุรี ทางเจ้าหน้าที่กกต.ก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าการกระทำที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงไปถึงพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่
"วีระ" บุก กกต.จี้สอบคนทำสำนวนรั่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างประชุมกกต.ช่วงบ่าย ขณะที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนฯ เดินออกมาจากห้องประชุมเพื่อไปยังห้องทำงาน ผู้สื่อข่าวได้พยายามตะโกนขอสัมภาษณ์เรื่องที่พล.ต.ต. ชัยยะ ระบุว่า มีกกต.คนหนึ่ง ไม่ยอมคืนสำนวนเชียงราย แต่นายสมชัย กลับยกมือขึ้นมาปิดหน้า ปิดปาก และปิดหู และเมื่อเดินกลับมาอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวก็พยายามขออีก นายสมชัย ก็ทำท่าเดิม โดยรีบเดินหนีเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าในวันนี้ ( 10 ม.ค.) นายนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น จะมายื่นหนังสือร้องขอให้ กกต. สอบสวนกรณีที่ กกต. คนหนึ่ง ไม่ยอมคืนสำนวนเชียงราย จนกระทั่งสำนวนรั่วไหลไปถึงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส. สัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน
"ยุทธ ตู้เย็น"บุก กกต.ขอดูวีซีดี
วันเดียวกัน นายยงยุทธ ได้เดินทางเข้าพบ กกต.เพื่อขอดูวีซีดีที่กล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยกล่าวว่า มาพร้อมกับผู้เชียวชาญด้านการตัดต่อเทป เพื่อขอดูวีซีดีที่กล่าวหาว่าตนนำผู้นำชุมชนในพื้นที่จ.เชียงรายมาแจกเงิน แต่ปรากฎว่าวีซีดีดังกล่าวล่องหนไป โดย กกต.ระบุว่าอยู่ในความดูแลของตำรวจสันติบาลที่ทำสำนวน จึงพยายามติดต่อข้อวีซีดีจากตำรวจสันติบาลมาดูแต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ถือวีซีดีนำมาคืนเพื่อให้เกิดความชัดเจน อย่างไรก็ตาม กกต.ยืนยันว่าจะยังไม่พิจารณาสำนวนของตนจนก่าจะมีข้อมูลชัดเจน และรับฟังคำชี้แจงจากตนเรียบร้อยแล้ว ตนจึงสบายใจกับการทำงานของ กกต.
นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่อยากบอกว่าวีซีดีนั้นเป็นการตัดต่อเพื่อใส่ร้าย แต่บอกได้เพียงว่าทั้งหมดเป็นขบวนการที่ใช้นกต่อที่เป็นหัวคะแนนของพรรคไหนถามในพื้นที่ก็จะรู้ดีว่าทำเพื่อใส่ร้ายตน
นายยงยุทธ์ กล่าวว่าตนเป็นผู้ขอให้ กกต.ถอด พล.ต.ต.ชัยยะ ออกจากชุด สืบสวนสอบสวนคดีจ.เชียงราย เพราะไม่สบายใจ เนื่องจากในพื้นที่ มีการให้ตำรวจยศ พ.ต.อ.พิเศษเข้าไปกดดันกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้ใส่ร้ายตน และยืนยันว่าไม่มีสำนวนรั่วมาถึงตนจนแก้ข้อกล่าวหาได้เพราะไม่เคยเห็นสำนวน แม้แต่วีซีดีก็ยังไม่เคยเห็น
อ้างมีขบวนการใส่ร้ายซื้อเสียง
นายยงยุทธ กล่าวถึงขบวนการใส่ร้ายที่จ.เชียงราย โดยใช้แผนภูมิภาพประกอบ โดยระบุว่า แผนการใส่ร้ายตน เริ่มจากผู้บงการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่เคยบงการให้ยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นนายใหญ่ ซึ่งคดีดังกล่าวยังมีอายุความอยู่ แล้วสั่งการหางบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งให้กับตำรวจสันติบาลบางคนที่ได้รับเงินไปคนละ 35 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เบี้ยเลี้ยง รองลงมา เป็นระดับปฏิบัติงานคือ พล.ต.ท. ส. ที่เคยปาระเบิดเข้าหนังสือพิมพ์ข่าวสด เมื่อตอนที่นายของพล.ต.ท. ดังกล่าว ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา และชอบอุ้มฆ่า อีกคนคือ พล.ต.ต.ช. ที่ร่วมกับ พล.ต.ท.ส.สร้างพยานหลักฐานเท็จโดยใช้เครือข่ายสันติบาลในพื้นที่ โดยไปใช้ตัวบุคคลที่มีปัญหาทางกฎหมายมาเป็นนกต่อ
นอกจากนี้ยังมี พ.ต.อ.พิเศษ ธ. ที่ทำหน้าที่ข่มขู่กดดันผู้นำชุมชนในพื้นที่ เพื่อ ใส่ร้ายตน เมื่อระดับปฏิบัติการทั้ง 3 ส่งข้อมูลไปยังผู้บงการ ก็ยังมีหน้าที่อีกอย่างคือ ปล่อยข่าวว่า กกต.รับเงิน เพื่อกดดันการวินิจฉัยของ กกต. ว่าหากพิจารณาว่าตน ไม่มีความผิดก็แสดงว่ารับเงิน นอกจากนี้ตัวผู้บงการยังสั่งงานไปยังลูกพรรคตัวเอง ให้ออกมาแถลงขย่มเหตุการณ์รายวันอีก
"ความจริงผมยังไม่อยากเปิดเผย เพราะเกรงว่าจะกดดัน กกต. แต่เมื่อมากดดันกันทุกวีธีเช่นนี้ก็ต้องพูดออกไปบ้าง ผมยังมีอีกชาร์ทหนึ่ง ที่จะเปิดเผยชื่อทุกคน ต้องทำให้รู้ว่ามีคนที่ไม่กลัวคนพวกนี้อยู่ ถ้าผมโดนใบแดงก็ดี จะได้ว่างงาน มาไล่บี้กับคนพวกนี้ โดยเฉพาะพล.ต.ท.ส.ที่ชอบอุ้มฆ่า และพูดเสมอว่าในประเทศนี้ไม่เคยกลัวใคร ก็ขอให้เจอกันสักที และไม่ว่า กกต.จะพิจารณาผลเป็นอย่างไร ผมจะถูกใบแดง ใบเหลือง หรือยกคำร้อง ผมก็ต้องเปิดเผยชื่อทั้งหมด ว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่ หากจะต้องฟ้องร้องกันก็เอา"
กกต.โบ้ยไปขอสันติบาลดูเอง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า เมื่อวาน (8 ม.ค.) กกต. ไม่ได้มีมติให้นายยงยุทธได้ดูวีซีดี แต่หากนายยงยุทธจะดูต้องไปขอดูสันติบาล กกต.ไม่ใช้ศาลที่จะสั่งให้สันติบาลนำหลักฐานมาให้ แต่ในชั้นการตรวจสอบกกต. ได้ดูวีซีดีดังกล่าวและภาพนิ่งประกอบแล้วว่าตรงกัน โดยภายหลังการชี้แจงต่อ กกต.สันติบาลได้นำหลักฐาน วีซีดีทั้งหมดกลับไป โดย กกต.เก็บไว้เพียงภาพนิ่งเท่านั้น
ส่วนที่นายยงยุทธ ระบุว่า ต้องขอดูวีซีดีเพื่อถือว่าได้พิสูจน์หลักฐานทั้งหมดก่อนที่ กกต.จะมีมติ นางสดศรี กล่าวว่า ในขั้นตอนการตรวจสอบพยานหลักฐาน ถือว่าจบแล้ว หากพยานปากสุดท้ายของนายยงยุทธได้ให้ถ้อยคำเสร็จ เพราะพยานฝ่ายของสันติบาล ได้สืบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะสรุปสำนวนเสนอมายังกกต. และน่าจะพิจารณาได้ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ส่วนจะมีมติไปในทางใดทางหนึ่งหรือไม่ตนยังบอกไม่ได้ เรื่องนี้อาจช้าก็ได้ เพราะนายยงยุทธยังอ้างเรื่องไม่ได้ดูวีซีดี ซึ่งตรงนี้ สามารถทำหนังสือมายัง กกต.แจ้งว่าไม่ได้ดูวีซีดี แต่กกต.ยืนยันว่ากกต.ไม่มีวีซีดีให้ดู ต้องไปขอดูสันติบาลเอง
ถ้า"ยุทธ์ตู้เย็น"ไม่ติดใจศุกร์นี้วินิจฉัยได้
"กกต.จะตัดสินคดีกรณีคุณยงยุทธในวันศุกร์นี้ได้เลยหรือไม่ก็อยู่ที่คุณยงยุทธ จะจบหรือไม่ ถ้าไม่มีข้อข้องใจก็สามารถพิจารณาได้เลย ส่วนการลงมตินั้นต้องหารือในที่ประชุมอีกครั้งว่าจะเกี่ยวโยงกับการยุบพรรคหรือไม่ โดยอาจจะทำเช่นเดียวกรณีที่มีการปลอมลายเซ็นต์การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ที่กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาว่าจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ เพราะการจะไปยุบพรรคไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต้องมีพยายหลักฐานชัดเจนว่าพรรครู้เห็นกับการกระทำของบุคคลที่กระทำไม่ถูกต้องหรือไม่"
ส่วนที่นายยงยุทธได้นำแผนภาพระบุถึงขบวนการจัดฉากเพื่อใส่ร้าย มาแสดง ต่อสื่อนั้นในชั้นของการให้ถ้อยคำต่อ กกต. ไม่มีการนำข้อมูลส่วนนี้เสนอต่อ กกต.ทั้ง 5 แต่อาจนำข้อมูลส่วนนี้มอบให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนแล้วก็ได้
เตรียมนัด"ยงยุทธ์-สันติบาล"ร่วมดูวีซีดี
ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.มีมติให้เชิญ นายยงยุทธ พร้อมทั้งเชิญตำรวจสันติบาลมาเปิดวีซีดีดังกล่าวดูพร้อมกัน โดยจะกำหนดวันเวลาอีกครั้ง นอกจากนี้นายงยุทธได้ขอเพิ่มพยานอีก 2 ปาก
ส่วนการพิจารณาของ กกต.วานนี้ ( 9 ) มีการพิจาณาเรื่องร้องคัดค้าน 8 เรื่อง ให้กกต. จังหวัดสืบสวนสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหารวมถึงรับฟังคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาแทน กกต. โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 7 วัน ประกอบด้วย จ.เพชรบูรณ์ เขต 2 กรณีรับจัดเลี้ยงและให้เงิน จ. ยโสธร เขต 2 ข้อหาแจกเงิน และ จ.ชัยภูมิ เขต 2 ข้อหาแจกเงิน
นอกจากนี้ กกต. ยังให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเรื่องร้องคัดค้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากมีมูลก็ให้แจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังข้อกล่าวหาแทน กกต. ประกอบด้วย จ.นครพนม เขต 1 และ จ. บุรีรัมย์ เขต 2 และ 3
ส่อปล่อย"ยงยุทธ"ไปก่อนสอยทีหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ กกต. พิจารณาเรื่องร้องคัดค้าน นายยงยุทธ นั้น ขณะนี้ยังมีปัญหาว่า กกต. จะสามารถสั่งเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) หรือ เพิกถอนสิทธิ เลือกตั้ง (ใบแดง) ได้หรือไม่ หรือหาก กกต. แจกใบเหลือง ใบแดงได้แล้วจะมีแนวทางในการปฏิบัติอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีแนวโน้มว่า กรณี นายยงยุทธอาจจะมีความผิด ซึ่งหาก กกต.มองว่าการกระทำที่มีการร้องคัดค้านเป็นความผิดส่งผลให้คะแนนที่ลงให้กับพรรคพลังประชาชนใน พื้นที่กลุ่มที่ 1 ซึ่งอาจจะเฉพาะในจ.เชียงราย หรือจังหวัดอื่นๆ ในกลุ่มที่ 1 เป็นคะแนนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม แต่ความผิดไม่ถึงตัวนายยงยุทธ โดยถ้าเป็นการเลือกตั้งในระบบเขต ก็จะต้องถูกสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่(ใบเหลือง) จะทำให้เกิดปัญหาว่าในระบบสัดส่วน ไม่มีกฎหมายข้อใดกำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่
ขณะเดียวกันมาตรา 110 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งก็กำหนดว่าหากพบว่าคะแนนสัดส่วนที่ลงให้พื้นที่ใดเป็นคะแนนมิชอบก็ให้ตัดคะแนนในพื้นที่ที่มีปัญหาออกไป ไม่ให้นำมาคำนวนรวม ดังนั้นถ้าจะตัดคะแนนของพรรคพลังประชาชนที่ได้รับในพื้นที่ ที่พบว่ามีการทุจริตเลือกตั้งออกไปแล้วนำคะแนนที่เหลือมาคำนวนใหม่ เพื่อให้ได้จำนวน ส.ส. ก็จะไปกระทบต่อ ส.ส. ที่ กกต. รับรองไปก่อนหน้านี้ เช่นหาก คำนวนใหม่แล้วจำนวนที่นั่งที่พรรคพลังประชาชนควรได้รับในกลุ่มนี้ลดลงเหลือ 2 ที่นั่ง กกต. จะทำอย่างไรกับผู้ที่ กกต.ได้รับรองไปแล้ว 4 คน จะยื่นศาลฎีกาขอเพิกถอนออก 2 คน หรืออย่างไร ตรงนี้จะทำให้ กกต.เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง
เช่นเดียวกันหาก กกต. สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกับนายยงยุทธ และต้องมีการตัดคะแนนของพรรคพลังประชาชนในพื้นที่ที่ทุจริตการเลือกตั้งออกไป การคำนวน จำนวนที่นั่งก็จะมีปัญหาในทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ในขณะนี้ล่วงเลยเกินกว่าที่ กกต. จะใช้วิธีการดังกล่าวหากจะใช้วิธีนี้ กกต. ต้องยังไม่ประกาศ รับรอง ส.ส. ของทั้งกลุ่มจังหวัดดังกล่าว และจะทำให้ กกต. มีโอกาสที่จะคำนวนคะแนนใหม่
แต่ทั้งนี้หาก กกต. เห็นว่าการกระทำตามคำร้องคัดค้านเป็นความผิดเฉพาะตัว ที่ไม่กระทบต่อผลคะแนน ที่พรรคพลังประชาชนได้รับ กกต. ก็สามารถไม่ประกาศรับรองให้นายยงยุทธเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งและ ประกาศให้ ผู้สมัคร ส.ส. สัดส่วนลำดับที่ 6 ของพรรคพลังประชาชนเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้งแทน เพราะคะแนนของสัดส่วนนั้น เป็นการให้ที่นั่งกับพรรคการเมือง แต่ไม่ได้ให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
อย่างไรก็ตามมีการมองว่าผลแห่งการกระทำตามคำร้องยากที่จะมองว่า เป็นการกระทำที่เป็นความผิดเฉพาะตัวเพราะนายยงยุทธมีสถานะเป็นรองหัวหน้าพรรค และการกระทำของนายยงยุทธย่อมต้องหวังผลให้ผู้มีสิทธิในกลุ่มที่1 ลงคะแนนให้พรรคพลังประชาชน
จึงวิเคราะห์กันว่าทางออกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับ กกต. และไม่ก่อปัญหา ในเรื่องข้อกฎหมาย กกต. อาจจำเป็นต้องประกาศรับรองผลของ นายยงยุทธไปก่อน โดยอ้างว่ายังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ และเตรียมสำนวน พร้อมความเห็นเพื่อร้อง ต่อศาลฎีกาภายหลังจากที่รับรองไปแล้ว และเมื่อไปถึงจุดนั้นหาก กกต. พบว่าการกระทำของนายยงยุทธ ไม่เพียงทำให้นายยงยุทธได้รับประโยชน์คือได้รับเลือกตั้ง แต่ยังส่งผลให้ ส.ส.สัดส่วนคนอื่นของพรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งเช่นกัน ก็สามารถ ยื่นให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนการเป็น ส.ส.ได้ แต่ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลจะมีผลเฉพาะให้ความเป็น ส.ส. ของคนที่ กกต. ร้อง สิ้นสุดลงหรือไม่เท่านั้น จะไม่มีผลทำให้คะแนนที่พรรคพลังประชาชนได้รับในกลุ่มจังหวัดนั้นต้องเสียไป
ทำให้เมื่อตำแหน่ง ส.ส.สัดส่วนกลุ่มนี้ว่างลงตามคำพิพากษา ประธานสภาสภาผู้แทนราษฎรก็จะใช้อำนาจ ตามมาตรา 109 (2) ของรัฐธรรมนูญสั่งเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนในลำดับถัดไป ของพรรคพลังประชาชนขึ้นมา
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวก่อนเข้าประชุมกกต. ถึงการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ส.ส. แบบสัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 1 รองหัวหน้าพรรคพรรคพลังประชาชน ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยกำลังสรุปข้อมูลที่ได้รับจากการชี้แจงของ นายยงยุทธ และพยานที่นำเข้ามาสืบ หากข้อมูลพร้อมเมื่อใด ก็จะเสนอเข้ามายัง กกต.
อย่างไรก็ตามขณะนี้กกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณากรณีปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมและสิ่งแวดล้อมระบุว่า รถตู้ที่นายยงยุทธใช้เป็นรถของกระทรวงจริง โดย กกต.จะพิจารณาไปพร้อมกันหากเป็นความผิดว่าความผิดนั้นแป็นความผิดส่วนบุคคล หรือความผิดที่อาจเชื่อมถึงพรรคพลังประชาชนเพราะนายยงยุทธ มีฐานะเป็นรองหัวหน้าพรรคการกระทำอาจส่งผลถึงขั้นยุบพรรคได้
"เรื่องนี้ถูกรายงานเข้ามานานแล้ว รวมทั้งผ่านการพิจารณามาหลายครั้ง จึงพอมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไรและเชื่อมโยงไปถึงไหน"
ส่วนที่นายยงยุทธ แถลงว่า เรื่องทั้งหมดเป็นการจัดฉากนั้น ก็ถือเป็นความคิด ของนายยงยุทธ ยืนยันว่า กกต.ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอที่จะอธิบายต่อสังคมได้ และหาก กกต.มีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชนจริง กกต. ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจาณาต่อไป
ส่วนหาก กกต.มีมติให้ใบเหลืองนายยงยุทธ กกต.จะมีขั้นตอนเกี่ยวกับ ส.ส.แบบสัดส่วนต่อไปอย่างไรนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า เรื่องนี้มีปัญหามาก เพราะไม่สามารถจัดเลือกตั้งใหม่ได้และไม่สามารถเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นมาแทนได้ ดังนั้น เราต้องคำนวนคะแนนกันใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร เพราะถือว่าเป็นกรณีแรก แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
ปธ.กกต.ให้ไปสืบกันเองใครเอาสำนวนไป
นายอภิชาต ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รอง ผบช.ส.ที่ระบุว่า กกต.ไม่เชิญมาให้ข้อมูลในฐานะทีมสืบสวนสอบสวนว่า กกต. เข้าใจว่าพล.ต.ต.ชัยยะมีความตั้งใจในการทำงาน แต่ในเมื่อ พล.ต.ต.ชัยยะขอถอนตัวไปแล้ว จึงได้เชิญเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริต การเลือกตั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม งานของ กกต.ได้รับความช่วยเหลือและความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจสันติบาล เป็นอย่างมาก ทำให้คดีการทุจริตการเลือกตั้งกว่า 100 เรื่องสำเร็จไปได้ด้วยดี
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต.ชัยยะ ระบุว่า มี กกต.บางคนไม่ยอมคืนสำนวนเชียงรายนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า เป็นเรื่องที่พูดกัน แต่ว่ามีหลักฐานหรือไม่ และอย่างไร ไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่หากมีการเก็บไปจริงๆ ก็ไม่ได้อะไร เพราะเป็นเพียงเอกสารการประชุม และตามปกติก็หยิบออกมาจากที่ประชุมกันอยู่แล้ว
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการรั่วไหลของสำนวนไปถึงนายยงยุทธ หลัง กกต.บางคนไม่คืนสำนวนนั้น นายอภิชาต ถามกลับว่า "แล้วทราบกันหรือยังว่าใคร เป็นคนเอาไป ก็อย่างที่บอก ต้องไปถามแต่ละท่านเอาเอง และผมปฏิเสธแล้วว่า ไม่ใช่ผม"
"เราคำนึงมากเรื่องความเป็นกลาง ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและเที่ยงธรรมที่สุด เราไม่เข้าใครออกใคร ทั้งนี้ท่าน (พล.ต.ต.ชัยยะ) ถอนตัวออกไปเอง เราไม่ได้ไปบังคับหรือไม่สั่งอะไรท่าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ น่าจะน้อยลงหรือหมดไป เพราะเราทำไปตามพยานหลักฐานที่ได้มาจริงๆ"
นายอภิชาต ยังกล่าวด้วยว่าในกรณีการสั่งเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งนาย สุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.ปราจีนบุรี ทางเจ้าหน้าที่กกต.ก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าการกระทำที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงไปถึงพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่
"วีระ" บุก กกต.จี้สอบคนทำสำนวนรั่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างประชุมกกต.ช่วงบ่าย ขณะที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนฯ เดินออกมาจากห้องประชุมเพื่อไปยังห้องทำงาน ผู้สื่อข่าวได้พยายามตะโกนขอสัมภาษณ์เรื่องที่พล.ต.ต. ชัยยะ ระบุว่า มีกกต.คนหนึ่ง ไม่ยอมคืนสำนวนเชียงราย แต่นายสมชัย กลับยกมือขึ้นมาปิดหน้า ปิดปาก และปิดหู และเมื่อเดินกลับมาอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวก็พยายามขออีก นายสมชัย ก็ทำท่าเดิม โดยรีบเดินหนีเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าในวันนี้ ( 10 ม.ค.) นายนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น จะมายื่นหนังสือร้องขอให้ กกต. สอบสวนกรณีที่ กกต. คนหนึ่ง ไม่ยอมคืนสำนวนเชียงราย จนกระทั่งสำนวนรั่วไหลไปถึงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส. สัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน
"ยุทธ ตู้เย็น"บุก กกต.ขอดูวีซีดี
วันเดียวกัน นายยงยุทธ ได้เดินทางเข้าพบ กกต.เพื่อขอดูวีซีดีที่กล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยกล่าวว่า มาพร้อมกับผู้เชียวชาญด้านการตัดต่อเทป เพื่อขอดูวีซีดีที่กล่าวหาว่าตนนำผู้นำชุมชนในพื้นที่จ.เชียงรายมาแจกเงิน แต่ปรากฎว่าวีซีดีดังกล่าวล่องหนไป โดย กกต.ระบุว่าอยู่ในความดูแลของตำรวจสันติบาลที่ทำสำนวน จึงพยายามติดต่อข้อวีซีดีจากตำรวจสันติบาลมาดูแต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ถือวีซีดีนำมาคืนเพื่อให้เกิดความชัดเจน อย่างไรก็ตาม กกต.ยืนยันว่าจะยังไม่พิจารณาสำนวนของตนจนก่าจะมีข้อมูลชัดเจน และรับฟังคำชี้แจงจากตนเรียบร้อยแล้ว ตนจึงสบายใจกับการทำงานของ กกต.
นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่อยากบอกว่าวีซีดีนั้นเป็นการตัดต่อเพื่อใส่ร้าย แต่บอกได้เพียงว่าทั้งหมดเป็นขบวนการที่ใช้นกต่อที่เป็นหัวคะแนนของพรรคไหนถามในพื้นที่ก็จะรู้ดีว่าทำเพื่อใส่ร้ายตน
นายยงยุทธ์ กล่าวว่าตนเป็นผู้ขอให้ กกต.ถอด พล.ต.ต.ชัยยะ ออกจากชุด สืบสวนสอบสวนคดีจ.เชียงราย เพราะไม่สบายใจ เนื่องจากในพื้นที่ มีการให้ตำรวจยศ พ.ต.อ.พิเศษเข้าไปกดดันกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้ใส่ร้ายตน และยืนยันว่าไม่มีสำนวนรั่วมาถึงตนจนแก้ข้อกล่าวหาได้เพราะไม่เคยเห็นสำนวน แม้แต่วีซีดีก็ยังไม่เคยเห็น
อ้างมีขบวนการใส่ร้ายซื้อเสียง
นายยงยุทธ กล่าวถึงขบวนการใส่ร้ายที่จ.เชียงราย โดยใช้แผนภูมิภาพประกอบ โดยระบุว่า แผนการใส่ร้ายตน เริ่มจากผู้บงการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่เคยบงการให้ยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นนายใหญ่ ซึ่งคดีดังกล่าวยังมีอายุความอยู่ แล้วสั่งการหางบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งให้กับตำรวจสันติบาลบางคนที่ได้รับเงินไปคนละ 35 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เบี้ยเลี้ยง รองลงมา เป็นระดับปฏิบัติงานคือ พล.ต.ท. ส. ที่เคยปาระเบิดเข้าหนังสือพิมพ์ข่าวสด เมื่อตอนที่นายของพล.ต.ท. ดังกล่าว ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา และชอบอุ้มฆ่า อีกคนคือ พล.ต.ต.ช. ที่ร่วมกับ พล.ต.ท.ส.สร้างพยานหลักฐานเท็จโดยใช้เครือข่ายสันติบาลในพื้นที่ โดยไปใช้ตัวบุคคลที่มีปัญหาทางกฎหมายมาเป็นนกต่อ
นอกจากนี้ยังมี พ.ต.อ.พิเศษ ธ. ที่ทำหน้าที่ข่มขู่กดดันผู้นำชุมชนในพื้นที่ เพื่อ ใส่ร้ายตน เมื่อระดับปฏิบัติการทั้ง 3 ส่งข้อมูลไปยังผู้บงการ ก็ยังมีหน้าที่อีกอย่างคือ ปล่อยข่าวว่า กกต.รับเงิน เพื่อกดดันการวินิจฉัยของ กกต. ว่าหากพิจารณาว่าตน ไม่มีความผิดก็แสดงว่ารับเงิน นอกจากนี้ตัวผู้บงการยังสั่งงานไปยังลูกพรรคตัวเอง ให้ออกมาแถลงขย่มเหตุการณ์รายวันอีก
"ความจริงผมยังไม่อยากเปิดเผย เพราะเกรงว่าจะกดดัน กกต. แต่เมื่อมากดดันกันทุกวีธีเช่นนี้ก็ต้องพูดออกไปบ้าง ผมยังมีอีกชาร์ทหนึ่ง ที่จะเปิดเผยชื่อทุกคน ต้องทำให้รู้ว่ามีคนที่ไม่กลัวคนพวกนี้อยู่ ถ้าผมโดนใบแดงก็ดี จะได้ว่างงาน มาไล่บี้กับคนพวกนี้ โดยเฉพาะพล.ต.ท.ส.ที่ชอบอุ้มฆ่า และพูดเสมอว่าในประเทศนี้ไม่เคยกลัวใคร ก็ขอให้เจอกันสักที และไม่ว่า กกต.จะพิจารณาผลเป็นอย่างไร ผมจะถูกใบแดง ใบเหลือง หรือยกคำร้อง ผมก็ต้องเปิดเผยชื่อทั้งหมด ว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่ หากจะต้องฟ้องร้องกันก็เอา"
กกต.โบ้ยไปขอสันติบาลดูเอง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า เมื่อวาน (8 ม.ค.) กกต. ไม่ได้มีมติให้นายยงยุทธได้ดูวีซีดี แต่หากนายยงยุทธจะดูต้องไปขอดูสันติบาล กกต.ไม่ใช้ศาลที่จะสั่งให้สันติบาลนำหลักฐานมาให้ แต่ในชั้นการตรวจสอบกกต. ได้ดูวีซีดีดังกล่าวและภาพนิ่งประกอบแล้วว่าตรงกัน โดยภายหลังการชี้แจงต่อ กกต.สันติบาลได้นำหลักฐาน วีซีดีทั้งหมดกลับไป โดย กกต.เก็บไว้เพียงภาพนิ่งเท่านั้น
ส่วนที่นายยงยุทธ ระบุว่า ต้องขอดูวีซีดีเพื่อถือว่าได้พิสูจน์หลักฐานทั้งหมดก่อนที่ กกต.จะมีมติ นางสดศรี กล่าวว่า ในขั้นตอนการตรวจสอบพยานหลักฐาน ถือว่าจบแล้ว หากพยานปากสุดท้ายของนายยงยุทธได้ให้ถ้อยคำเสร็จ เพราะพยานฝ่ายของสันติบาล ได้สืบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะสรุปสำนวนเสนอมายังกกต. และน่าจะพิจารณาได้ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ส่วนจะมีมติไปในทางใดทางหนึ่งหรือไม่ตนยังบอกไม่ได้ เรื่องนี้อาจช้าก็ได้ เพราะนายยงยุทธยังอ้างเรื่องไม่ได้ดูวีซีดี ซึ่งตรงนี้ สามารถทำหนังสือมายัง กกต.แจ้งว่าไม่ได้ดูวีซีดี แต่กกต.ยืนยันว่ากกต.ไม่มีวีซีดีให้ดู ต้องไปขอดูสันติบาลเอง
ถ้า"ยุทธ์ตู้เย็น"ไม่ติดใจศุกร์นี้วินิจฉัยได้
"กกต.จะตัดสินคดีกรณีคุณยงยุทธในวันศุกร์นี้ได้เลยหรือไม่ก็อยู่ที่คุณยงยุทธ จะจบหรือไม่ ถ้าไม่มีข้อข้องใจก็สามารถพิจารณาได้เลย ส่วนการลงมตินั้นต้องหารือในที่ประชุมอีกครั้งว่าจะเกี่ยวโยงกับการยุบพรรคหรือไม่ โดยอาจจะทำเช่นเดียวกรณีที่มีการปลอมลายเซ็นต์การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ที่กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาว่าจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ เพราะการจะไปยุบพรรคไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต้องมีพยายหลักฐานชัดเจนว่าพรรครู้เห็นกับการกระทำของบุคคลที่กระทำไม่ถูกต้องหรือไม่"
ส่วนที่นายยงยุทธได้นำแผนภาพระบุถึงขบวนการจัดฉากเพื่อใส่ร้าย มาแสดง ต่อสื่อนั้นในชั้นของการให้ถ้อยคำต่อ กกต. ไม่มีการนำข้อมูลส่วนนี้เสนอต่อ กกต.ทั้ง 5 แต่อาจนำข้อมูลส่วนนี้มอบให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนแล้วก็ได้
เตรียมนัด"ยงยุทธ์-สันติบาล"ร่วมดูวีซีดี
ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.มีมติให้เชิญ นายยงยุทธ พร้อมทั้งเชิญตำรวจสันติบาลมาเปิดวีซีดีดังกล่าวดูพร้อมกัน โดยจะกำหนดวันเวลาอีกครั้ง นอกจากนี้นายงยุทธได้ขอเพิ่มพยานอีก 2 ปาก
ส่วนการพิจารณาของ กกต.วานนี้ ( 9 ) มีการพิจาณาเรื่องร้องคัดค้าน 8 เรื่อง ให้กกต. จังหวัดสืบสวนสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหารวมถึงรับฟังคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาแทน กกต. โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 7 วัน ประกอบด้วย จ.เพชรบูรณ์ เขต 2 กรณีรับจัดเลี้ยงและให้เงิน จ. ยโสธร เขต 2 ข้อหาแจกเงิน และ จ.ชัยภูมิ เขต 2 ข้อหาแจกเงิน
นอกจากนี้ กกต. ยังให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเรื่องร้องคัดค้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากมีมูลก็ให้แจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังข้อกล่าวหาแทน กกต. ประกอบด้วย จ.นครพนม เขต 1 และ จ. บุรีรัมย์ เขต 2 และ 3
ส่อปล่อย"ยงยุทธ"ไปก่อนสอยทีหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ กกต. พิจารณาเรื่องร้องคัดค้าน นายยงยุทธ นั้น ขณะนี้ยังมีปัญหาว่า กกต. จะสามารถสั่งเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) หรือ เพิกถอนสิทธิ เลือกตั้ง (ใบแดง) ได้หรือไม่ หรือหาก กกต. แจกใบเหลือง ใบแดงได้แล้วจะมีแนวทางในการปฏิบัติอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีแนวโน้มว่า กรณี นายยงยุทธอาจจะมีความผิด ซึ่งหาก กกต.มองว่าการกระทำที่มีการร้องคัดค้านเป็นความผิดส่งผลให้คะแนนที่ลงให้กับพรรคพลังประชาชนใน พื้นที่กลุ่มที่ 1 ซึ่งอาจจะเฉพาะในจ.เชียงราย หรือจังหวัดอื่นๆ ในกลุ่มที่ 1 เป็นคะแนนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม แต่ความผิดไม่ถึงตัวนายยงยุทธ โดยถ้าเป็นการเลือกตั้งในระบบเขต ก็จะต้องถูกสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่(ใบเหลือง) จะทำให้เกิดปัญหาว่าในระบบสัดส่วน ไม่มีกฎหมายข้อใดกำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่
ขณะเดียวกันมาตรา 110 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งก็กำหนดว่าหากพบว่าคะแนนสัดส่วนที่ลงให้พื้นที่ใดเป็นคะแนนมิชอบก็ให้ตัดคะแนนในพื้นที่ที่มีปัญหาออกไป ไม่ให้นำมาคำนวนรวม ดังนั้นถ้าจะตัดคะแนนของพรรคพลังประชาชนที่ได้รับในพื้นที่ ที่พบว่ามีการทุจริตเลือกตั้งออกไปแล้วนำคะแนนที่เหลือมาคำนวนใหม่ เพื่อให้ได้จำนวน ส.ส. ก็จะไปกระทบต่อ ส.ส. ที่ กกต. รับรองไปก่อนหน้านี้ เช่นหาก คำนวนใหม่แล้วจำนวนที่นั่งที่พรรคพลังประชาชนควรได้รับในกลุ่มนี้ลดลงเหลือ 2 ที่นั่ง กกต. จะทำอย่างไรกับผู้ที่ กกต.ได้รับรองไปแล้ว 4 คน จะยื่นศาลฎีกาขอเพิกถอนออก 2 คน หรืออย่างไร ตรงนี้จะทำให้ กกต.เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง
เช่นเดียวกันหาก กกต. สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกับนายยงยุทธ และต้องมีการตัดคะแนนของพรรคพลังประชาชนในพื้นที่ที่ทุจริตการเลือกตั้งออกไป การคำนวน จำนวนที่นั่งก็จะมีปัญหาในทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ในขณะนี้ล่วงเลยเกินกว่าที่ กกต. จะใช้วิธีการดังกล่าวหากจะใช้วิธีนี้ กกต. ต้องยังไม่ประกาศ รับรอง ส.ส. ของทั้งกลุ่มจังหวัดดังกล่าว และจะทำให้ กกต. มีโอกาสที่จะคำนวนคะแนนใหม่
แต่ทั้งนี้หาก กกต. เห็นว่าการกระทำตามคำร้องคัดค้านเป็นความผิดเฉพาะตัว ที่ไม่กระทบต่อผลคะแนน ที่พรรคพลังประชาชนได้รับ กกต. ก็สามารถไม่ประกาศรับรองให้นายยงยุทธเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งและ ประกาศให้ ผู้สมัคร ส.ส. สัดส่วนลำดับที่ 6 ของพรรคพลังประชาชนเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้งแทน เพราะคะแนนของสัดส่วนนั้น เป็นการให้ที่นั่งกับพรรคการเมือง แต่ไม่ได้ให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
อย่างไรก็ตามมีการมองว่าผลแห่งการกระทำตามคำร้องยากที่จะมองว่า เป็นการกระทำที่เป็นความผิดเฉพาะตัวเพราะนายยงยุทธมีสถานะเป็นรองหัวหน้าพรรค และการกระทำของนายยงยุทธย่อมต้องหวังผลให้ผู้มีสิทธิในกลุ่มที่1 ลงคะแนนให้พรรคพลังประชาชน
จึงวิเคราะห์กันว่าทางออกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับ กกต. และไม่ก่อปัญหา ในเรื่องข้อกฎหมาย กกต. อาจจำเป็นต้องประกาศรับรองผลของ นายยงยุทธไปก่อน โดยอ้างว่ายังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ และเตรียมสำนวน พร้อมความเห็นเพื่อร้อง ต่อศาลฎีกาภายหลังจากที่รับรองไปแล้ว และเมื่อไปถึงจุดนั้นหาก กกต. พบว่าการกระทำของนายยงยุทธ ไม่เพียงทำให้นายยงยุทธได้รับประโยชน์คือได้รับเลือกตั้ง แต่ยังส่งผลให้ ส.ส.สัดส่วนคนอื่นของพรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งเช่นกัน ก็สามารถ ยื่นให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนการเป็น ส.ส.ได้ แต่ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลจะมีผลเฉพาะให้ความเป็น ส.ส. ของคนที่ กกต. ร้อง สิ้นสุดลงหรือไม่เท่านั้น จะไม่มีผลทำให้คะแนนที่พรรคพลังประชาชนได้รับในกลุ่มจังหวัดนั้นต้องเสียไป
ทำให้เมื่อตำแหน่ง ส.ส.สัดส่วนกลุ่มนี้ว่างลงตามคำพิพากษา ประธานสภาสภาผู้แทนราษฎรก็จะใช้อำนาจ ตามมาตรา 109 (2) ของรัฐธรรมนูญสั่งเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนในลำดับถัดไป ของพรรคพลังประชาชนขึ้นมา