“ยรรยง”อัด “อนุทิน-ศุภจี” ล้มเหลวแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ถามตรง ๆ ขายข้าวจีทูจี จีน สิงคโปร์ ส่งออกไปแล้วกี่ตัน ราคาเท่าไร อย่าโชว์แต่ตัวเลข ที่มีแต่ลมปาก พร้อมเปิดตัวเลขจะ ๆ ราคาข้าวเปลือกเจ้าเดือน พ.ย. เทียบกับช่วงรัฐบาลเศรษฐา ห่างกันลิบลับ มีแต่ข้าวเปลือกหอมมะลิที่กระเตื้อง บอกรู้สึกผิดหวังมาก หลังโม้ไว้เยอะ
นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เรื่องนํ้าท่วมนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ออกมายอมรับผิดและขอโทษประชาชนไปแล้ว แต่เรื่องราคาข้าวและรายได้ชาวนา ยังไม่เห็นรัฐบาลได้เริ่มลงมือทำงานจริงจัง นอกจากการโฆษณาว่าสามารถขายข้าวบิ๊กล็อตแบบจีทูจีให้ต่างประเทศได้หลายแสนตัน มาถึงขั้นนี้ นายกรัฐมนตรี และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ และว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทย น่าจะเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเองได้ชัดเจนแล้วว่า ประชาชนเขาต้องการเห็นผลลัพธ์หรือผลผลิตที่ชัดเจนที่พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์จริง ๆ เช่น รัฐบาลขายข้าวแบบจีทูจีและส่งออกได้แล้วกี่ตันในราคาเท่าไร มีผลทำให้ราคาข้าวเปลือกสูงที่ชาวนาขายได้จริงเท่าไรและราคาส่งออกข้าวสารที่เป็นรายได้เข้าประเทศเท่าไร
“ประชาชนไม่ได้ต้องการเห็นผู้นำที่ขยันทำงานหามรุ่งหามคํ่า แต่ไม่ได้ผลที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด (ท่านน่าจะสรุปบทเรียนได้เอง จากกรณีที่มีทัวร์กระหน่ำท่านนายกอนุทินโชว์ฝีมือปรุงอาหารเพื่อแจกผู้ประสบภัย”
นายยรรยงกล่าวว่า ขอทวงถามคุณศุภจีที่ได้ตีปี๊บผ่านสื่อว่า ได้เดินสายขายข้าวได้หลายแสนตันให้แก่รัฐบาลจีน สิงคโปร์และซาอุดิอาระเบียนั้น เป็นเพียงลมปากหรือได้ทำสัญญาซื้อขายจริงแล้ว และมีออเดอร์ซื้อข้าวจากจีน สิงคโปร์ ซาอุดิอาระเบียแล้วจริง ๆ กี่ตัน ถูกกดราคาหรือเปล่า รัฐบาลได้มอบให้หน่วยงานภาคเอกชนใดเป็นผู้จัดหาปรับปรุงและส่งมอบโดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยหรือสมาคมโรงสีข้าวไทย ขณะนี้ส่งมอบได้แล้วกี่ตันและใช้ระยะเวลายาวนานเท่าใด เพราะถ้ากำหนดระยะส่งมอบนานหลายปี หรือจนพ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว การส่งออกข้าวแบบจีทูจี ก็จะไม่เป็นผลดีต่อชาวนาแต่อย่างใดเพราะข้าวหลุดมือพวกเขาไปแล้ว
สถานการณ์ราคาข้าวในช่วงนี้ไม่ได้พุ่งสูงขึ้นตามที่รัฐบาลพยายามประโคมข่าวผ่านสื่ออยู่ในขณะนี้ ซึ่งอาจสรุปได้ในภาพรวม คือ ราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ช่วงรัฐบาลอนุทินยังตกตํ่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิขณะนี้กระเตื้องดีขึ้นใกล้เคียงกับช่วงรัฐบาลเศรษฐาในช่วงเดือน พ.ย.2566 พอสรุปได้ดังนี้
ราคาข้าวเปลือกในปัจจุบัน ปลายเดือน พ.ย.2568 ความชื้น 25% ตันละ 5,100–5,800 บาท ความชื้น 15% ตันละ 6,300 – 6,900 บาท เทียบกับช่วงเริ่มต้นรัฐบาลเศรษฐา (พ.ย.2566) ความชื้น 25% ตันละ 9,500–11,500 บาท ความชื้น 15% ตันละ 11,200–12,500 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิขณะนี้ ความชื้น 25% ตันละ 12,000–13,500 บาท ความชื้น 15% ตันละ 13,500–16,000 บาท สมัยรัฐบาลเศรษฐกิจ ความชื้น 25% ตันละ 11,590–12,500 บาท ความชื้น 15% ตันละ 13,500–16,500 บาท
นายยรรยงกล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเห็นตรงกันว่า รัฐบาลอนุทินล่าช้ามากในการช่วยเหลือชาวนา โดยเพิ่งเริ่มประชุม นบข ครั้งแรก เมื่อ 18 พ.ย.2568 2 เดือนหลังตั้ง ครม. หรือครึ่งเทอมของรัฐบาล หลังจากที่ชาวนาได้เก็บเกี่ยวและขายข้าวเปลือกเจ้าไปเกือบหมดในราคาขาดทุนและขาวนาอีสานและภาคเหนือเริ่มเก็บเกี่ยวและขายข้าวหอมมะลิในราคาตํ่าไปมากแล้ว
นอกจากนี้ มาตรการที่รัฐบาลจะช่วยพยุงราคา เป็นมาตรการเดิม ๆ ที่รัฐบาลก่อน ๆ ทำมาแล้วทั้งสิ้น เช่น ชดเชยค่าจัดเก็บข้าวเพื่อชะลอการขาย ก็ยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะยังทำไม่ได้เพราะ ครม. ยังไม่ได้อนุมัติ
“ผมเองรู้สึกผิดหวังในรัฐบาลอนุทินและคุณศุภจีมาก เพราะเคยตั้งความคาดหวังไว้สูงมาก แต่เมื่อได้ติดตามดูการทำงานโดยละเอียดแล้ว ผมจึงฟันธงได้ว่ารัฐบาลอนุทินล้มเหลวในการบริหารประเทศ ทั้งเรื่องแก้ไขปัญหานํ้าท่วมหาดใหญ่และภาคใต้ และการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำและรายได้เกษตรกร ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสารและเห็นใจพี่น้องชาวนาทั่วทั้งประเทศและพี่น้องชาวนาใต้และหาดใหญ่ที่ต้องมารับเคราะห์ เพราะรัฐบาลที่ไร้ฝีมือที่พวกเขาไม่ได้เลือกให้เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ แต่เข้ามาด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง”นายยรรยงกล่าว


