ใครจะไปคิดว่าทุกวันนี้ มีแฟรนไชส์สัญชาติไทย ได้ออกไปโกอินเตอร์ลุยตลาดต่างประเทศได้แล้วเป็นจำนวนมากถึง 46 แบรนด์ ปักหมุดในประเทศต่าง ๆ รวม 31 ประเทศ และยังไม่มีสัญญานว่าจะหยุดเพียงเท่านี้ แต่ยังมีการออกไปบุกเจาะอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ได้นำแฟรนไชส์ที่ผ่านการส่งเสริม 10 แบรนด์ ไปขยายตลาดที่มาเลเซีย และได้รับข่าวดี แฟรนไชส์ได้รับความสนใจ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก มีโอกาสที่จะเปิดตัวในมาเลเซียได้เพิ่มขึ้น
สำหรับแฟรนไชส์ไทยทั้ง 10 แบรนด์ ที่ได้เดินทางไปเปิดตลาดที่มาเลเซียในครั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่ากว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้ ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะตั้งต้นจาก 30 แบรนด์ และจากนั้น ต้องผ่านการฝึกอบรมแบบเข้มข้น ต้องโชว์จุดขาย แสดงจุดเด่น ให้คณะกรรมการยอมรับ แล้วถึงผ่านการคัดเลือก ก่อนที่จะติวเข้มอีกรอบ ให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดมาเลเซีย พฤติกรรมผู้บริโภค รูปแบบการทำธุรกิจ โอกาสทำธุรกิจ การตั้งราคาขายแฟรนไชส์ และความรู้อื่น ๆ
เมื่อพร้อมแล้ว ก็นำเข้าร่วมงาน Franchise Expo Malaysia 2025 (FEM 2025) ซึ่งเป็นงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศมาเลเซีย จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 (จัดงานครั้งแรกปี 2016) โดยปี 2025 จัดภายใต้ธีมงาน “Invest In Your Future” ที่เน้นการลงทุนในอนาคตผ่านนวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจแฟรนไชส์ ณ Hall 2-5, Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC) กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีธุรกิจแฟรนไชส์จาก 10 ประเทศ 350 บูธ เข้าร่วมแสดงและนำเสนอธุรกิจ ได้แก่ มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย กัมพูชา อินเดีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น และคาดว่ามีผู้เข้าชมงานกว่า 18,000 คน
10 แบรนด์ไทยมีอะไรบ้าง
สำหรับ 10 แบรนด์แฟรนไชส์ไทย ที่ได้ไปร่วมจัดแสดงในงาน FEM 2025 ประกอบด้วย
ธุรกิจอาหาร 6 แบรนด์ ได้แก่ 1.ZENFRY (เฟรนซ์ฟรายถั่วเขียว) 2.de Tummour (อาหารไทย) 3.MOOMGAPAO (ข้าวผัดกระเพรา) 4.ชิกกี้ ชิก (ไก่ป๊อป ไก่ทอด ทานเล่น) 5.เฮง ปัง ปั๊ว หวานเย็นสูตรเยาวราช (ขนมหวานเย็น) 6.ไผ่ทองไอศครีม (ไอศครีมกะทิ)
ธุรกิจเครื่องดื่ม 2 แบรนด์ ได้แก่ Colla Tea Thailand (ชานมไข่มุกผสมคอลลาเจน) และ Fresh Me (ชานม ชาผลไม้)
ธุรกิจการศึกษา 1 แบรนด์ ได้แก่ Math Talent By Dr.Ying (สถาบันสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โคดดิ้ง)
ธุรกิจบริการ 1 แบรนด์ ได้แก่ Otteri wash & dry (ร้านสะดวกซัก)
สุดฮอตลูกค้าชอบ-ลุ้นยอด200ล้าน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายในงาน กรมได้จัดคูหาในรูปแบบไทยแลนด์พาวิลเลียน เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นคูหาของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 10 แบรนด์ ได้เตรียมแพกเกจพิเศษเพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวมาเลเซียและนักลงทุนจากชาติอื่น ๆ ให้ได้เลือกชอปและเจรจาธุรกิจ โดยมีสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จัดส่งเจ้าหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ประกอบการ และเป็นล่ามช่วยแปลการเจรจาธุรกิจ ทำให้การดำเนินงานของผู้ประกอบการไทยเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกมากขึ้น
โดยผลการเข้าร่วมงาน มีการเจรจาธุรกิจ 98 คู่ ตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน คาดว่า จะสามารถปิดดีลการเจรจาธุรกิจได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ประมาณ 130 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 1 ปี จะไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ ร้านสะดวกซัก อาหาร และการศึกษา ตามลำดับ
ทั้งนี้ นอกจากผู้ประกอบการไทยจะได้แสดงและนำเสนอธุรกิจแก่นักลงทุนแล้ว ยังได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมเวิร์กชอป เสวนา และรับฟังแนวโน้มธุรกิจในวงการแฟรนไชส์ใหม่ ๆ เพื่อนำมาพัฒนาธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์แฟรนไชส์ระดับสากล รวมถึงได้นำเสนอและแนะนำธุรกิจแก่นักลงทุนบนเวทีกลางภายในงาน ซึ่งเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์แฟรนไชส์ไทยได้เป็นอย่างดี ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกแฟรนไชส์ไทยไปขยายตลาดในประเทศของนักลงทุนและผู้สนใจ
เปิดแฟรนไชส์ไทยปักธงในมาเลเซีย
นางอรมนกล่าวว่า การนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยเข้าร่วมงานแสดงและนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในมาเลเซียดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Thai Franchise Towards Global 2568 ของกรม ที่ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า เจรจา และนำเสนอธุรกิจแก่นักลงทุนชาวต่างชาติในงานแสดงสินค้าระดับสากล ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การเจรจาธุรกิจและขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าในการนำไปครั้งนี้ จะทำให้แฟรนไชส์ไทยขยายตลาดเข้าสู่มาเลเซียได้เพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบันมีแฟรนไชส์ไทยที่ได้ทำการตลาดและจำหน่ายในมาเลเซียแล้ว 13 แบรนด์ ประกอบด้วย อเมซอน (Amazon) แบล็คแคนยอน (Black Canyon) กาแฟดอยช้าง ตำมั่ว บาบีก้อน สมาร์ทเบรน (Smart Brain) แอมที (Am Tea) ห้าดาว (Five Star) เกรฮาวด์ คาเฟ่ (Greyhound) เครปไส้แตก โทโร่ฟรายส์ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index living Mall) และวงษ์พาณิชย์ (Wongpanit)
คาดตลาดแฟรนไชส์ยังโตต่อ
สำหรับข้อมูลธุรกิจแฟรนไชส์ของไทย (ณ วันที่ 20 ส.ค.2568) มีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับมาตรฐานและอยู่ในการส่งเสริมของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวน 545 ราย โดยธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 3 แสนล้านบาท และมีการเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยแฟรนไชส์ยังเป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ที่สำคัญของประเทศ และเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงแข็งแกร่ง
“มุมกะเพรา”ขอบคุณช่วยสร้างโอกาส
ทางด้านผู้ประกอบการแฟรนไชส์ ที่ได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมงาน FEM 2025 ในครั้งนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่มอบโอกาสให้ ทั้งการสอนความรู้เรื่องแฟรนไชส์ การพัฒนาธุรกิจ การพัฒนามาตรฐาน จนถึงการช่วยขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
น.ส.ปองขวัญ โต๊ะสงวนพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มุมแมเนจเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ “มุมกะเพรา” ข้าวกะเพรา กล่าวว่า ก่อนที่จะมาร่วมงานแฟรนไชส์ที่มาเลเซีย ได้ผ่านการพัฒนาการทำธุรกิจแฟรนไชส์จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จากนั้นทราบข่าวว่าจะมีการพาไปออกบูธที่ต่างประเทศ ก็ได้สมัครเข้ามารับการคัดเลือก มีคนสมัคร 30 แบรนด์ เข้ารับการอบรมอย่างเข้มข้น และสุดท้ายคัดเหลือ 10 แบรนด์ และเราก็ได้เป็น 1 ใน 10 แบรนด์ที่ผ่านการคัดเลือก
“ต้องขอขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ให้โอกาส และยังช่วยแนะนำ ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจกับตลาดมาเลเซีย มีอะไรที่ต้องระวัง ที่สำคัญเลย ก็เรื่องฮาลาล เพราะเราเป็นสินค้าอาหาร ซึ่งเราผ่านมาตรฐานตรงนี้อยู่แล้ว ให้ความรู้เรื่องโอกาสทางการตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค การตั้งราคาขายแฟรนไชส์ ทำให้เรามีความมั่นใจในการออกมาบุกตลาดต่างประเทศในครั้งนี้”
โดยผลการเข้าร่วมงาน มีคนสนใจแฟรนไชส์มุกกะเพราเป็นจำนวนมาก คาดว่า น่าจะเปิดสาขาได้แน่ เพราะข้าวกะเพรา เป็นอาหารไทยที่คนไทยและต่างชาติรู้จักดี โดยเรานำเสนอคอนเซ็ปต์ Quick Service Thai Restaurant ส่งมอบอาหารคุณภาพ และบริการรวดเร็ว กินได้ทุกวัน จึงอยากให้เป็นที่พึ่งของคนไทยในต่างประเทศหรือคนทั่วโลก โดยปัจจุบัน มีสาขาที่ไทย 15 สาขา และกำลังจะเปิดเพิ่มขึ้น รวมถึงการบุกเปิดตลาดในต่างประเทศ ซึ่งมาเลเซียน่าจะเป็นประเทศแรก และตั้งเป้าที่จะบุกประเทศอื่น ๆ ต่อไป
“เฮงปังปั๊ว”มั่นใจปักธงมาเลเซียได้
นายอัสสกัลย์ มิตรขจรเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฮองเฮาขนมหวาน จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ “เฮงปังปั๊ว” หวานเย็นสูตรเยาวราช กล่าวว่า เฮงปังปั๊วเปิดมา 7 ปีแล้ว สาขาแรกอยู่ที่รามคำแหง มีเมนูกว่า 50 รายการ ก่อนหน้านี้ เปิดสาขาเองกว่า 40 สาขา เพิ่งทำแฟรนไชส์ช่วง 2 ปีหลัง ปัจจุบันมีสาขารวมกัน 120 สาขา โดยสาขาขายดีสุด ทำรายได้ถึงวันละ 30,000 บาท ส่วนในต่างประเทศยังไม่มี เพิ่มมาเปิดตลาดที่มาเลเซียเป็นที่แรก และคาดว่า จะเปิดตลาดได้ เพราะลักษณะตลาด พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยและมาเลเซียคล้าย ๆ กัน กินข้าวและต้องกินขนม
“เรามีคอนเซ็ปต์ชัดในการบุกตลาดต่างประเทศ อยากจะยกสตรีตฟูดเยาวราช มาให้คนมาเลเซียได้เห็น ได้กิน มั่นใจว่า จะขายแฟรนไชส์ได้แน่นอน เพราะที่มาร่วมงาน มีคนสนใจเข้ามาสอบถามเยอะ และหลายรายแสดงความสนใจ และนอกจากตลาดมาเลเซีย ยังมีร้านอาหารไทยในอินโดนีเซีย ที่สนใจจะซื้อแฟรนไชส์ไปเปิด เท่ากับว่า เฮงปังปั๊ว มีโอกาสขยายแฟรนไชส์ออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ถึง 2 ประเทศ และจากนี้ จะเร่งขยายตลาดต่อ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในไทยตั้งเป้ามี 400 สาขาใน 2 ปี ส่วนต่างประเทศ จะทำให้ได้มากที่สุด”นายอัสสกัลย์กล่าว
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ไม่เพียงแต่ให้โอกาสในการเข้ามาเรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพของการทำธุรกิจ แต่ยังได้พาออกไปบุกเจาะตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งเดิม ก็คิดแค่ทำตลาดในประเทศ แต่พอได้โอกาสมาดูตลาดต่างประเทศ กลายเป็นว่า มีโอกาสอีกมากที่จะขยายธุรกิจ
“แมท ทาเลนท์” คนสนใจเพียบ
นางวรงค์ศรี พูตระกูล ผู้ก่อตั้งบริษัท แมท ทาเลนท์ จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ “Math Talent by Dr.Ying” สถาบันสอนคณิตศาสตร์คิดเป็นภาพ กล่าวว่า ที่มาของการทำธุรกิจ เพราะเด็กส่วนใหญ่ไม่ชอบคณิตศาสตร์ ตนเองก็ไม่ชอบ แต่มีครูคนหนึ่งที่สอนแล้วทำให้เราชอบมาก เพราะสอนผ่านการเล่นเกม จึงอยากเอาความรู้สึกนี้ส่งต่อให้เด็กทั่วโลก เลยเรียนปริญญาตรี โท และเอกด้านการสอนคณิตศาสตร์ พอจบก็เปิดโรงเรียน Math Talent by Dr.Ying สอนคณิตคิดเป็นภาพ ที่สยามสแควร์ปี 2556 กู้เงินมา 1 ล้านบาท เพียง 1 เดือนขายได้ 1.7 ล้านบาท คืนทุนได้เลย ก็เลยเดินหน้าทำธุรกิจ และขยายธุรกิจต่อ จนมาทำแฟรนไชส์ และได้เข้ารับการอบรมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ความรู้ทั้งการทำธุรกิจ การพัฒนาธุรกิจ การสร้างมาตรฐาน และพาไปบุกตลาดต่างประเทศ
โดยจุดเด่นของแฟรนไชส์ Math Talent by Dr.Ying คือ หลักสูตรของเราได้รับการรับรองโดย Education Alliance Finland ของฟินแลนด์ ทำให้ออกไปต่างประเทศง่ายขึ้น ปัจจุบัน ในไทยเปิดแล้ว 27 สาขา ที่ สปป.ลาว 2 สาขา ฟิลิปปินส์ 1 สาขา ปีหน้าจะเปิดเพิ่มที่อินโดนีเซีย เวียดนาม ส่วนปีถัดไปที่ออสเตรเลีย สิงคโปร์ คาดว่าจะมีสาขารวม 50 สาขา และใน 10 ปี จะขยายไปยุโรป อเมริกา
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะต่อยอดการทำธุรกิจด้วยการทำแอปพลิเคชัน คณิตคิดเป็นภาพ และทำโปรมแกรม After School คือ เอา Math Talent ไปสอนในโรงเรียนอินเตอร์ด้วย
“Colla Tea”มั่นใจบุกมาเลเซียได้
นางสาวิตตรี ซิ้มสมบูรณ์ ผู้บริหารและเจ้าของแฟรนไชส์ Colla Tea ชานมไข่มุกผสมคอลลาเจน กล่าวว่า เดิมทำธุรกิจกาแฟ มีโรงงานผลิต ชา กาแฟ จากนั้นเริ่มเรียนรู้ตลาดชานม ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่มีการดื่มชานม และตลาดชานมไข่มุกมาแรง แต่เห็นว่าในตลาดยังไม่มีแบรนด์ไหนทำชานมไข่มุกสุขภาพ ซึ่งตนเองเป็นคนรักสุขภาพอยู่แล้ว ก็เลยสนใจที่จะทำธุรกิจ ทำให้คนที่ดื่มชานมแบบไม่รู้สึกผิด จึงเป็นที่มาของการผลิตชานมไข่มุกผสมคอลลาเจน ตอนนี้ มี 180 สาขาในไทย และที่ต่างประเทศ มี สปป.ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์ และมั่นใจว่าตลาดมาเลเซียที่มาครั้งนี้ จะเปิดตลาดได้ เพราะสินค้าเรา มีมาตรฐานฮาลาล ตรงตามที่ตลาดต้องการอยู่แล้ว
“ต้องขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ช่วยผู้ประกอบการ ตั้งแต่ช่วยพัฒนาธุรกิจ แล้วยังพามาหาประสบการณ์ในการทำตลาดต่างประเทศ ทำให้เราได้เห็นลู่ทาง และได้เห็นโอกาสทางธุรกิจ อยากให้มีการส่งเสริมในลักษณะนี้ต่อไป เพราะธุรกิจแฟรนไชส์ไทยยังมีอีกมาก ที่พร้อมจะเติบโต และออกไปทำตลาดต่างประเทศ”
กรมพัฒน์เปิดแผนปี 2569 ลุยช่วยต่อ
สำหรับแผนการพัฒนาผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทย ในปี 2569 นางอรมนกล่าวว่า กรมยังจะเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยให้มีความเข้มแข็ง ทั้งการเสริมองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งแฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซี และผลักดันการขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ไทยที่ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศแล้วกับผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปต่างประเทศให้ใกล้ชิดมากขึ้นในลักษณะพี่เลี้ยงและพี่เกื้อกูลน้อง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปต่างประเทศมีทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจนและมีความมั่นใจมากขึ้น
“กรมมั่นใจว่า จากแฟรนไชส์ไทยที่ปัจจุบัน ได้ออกไปทำตลาดต่างประเทศแล้ว 46 แบรนด์ ใน 31 ประเทศ จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง เพราะทุกวันนี้ แฟรนไชส์ไทยหลายแบรนด์ ทั้งเก่ง ทั้งแกร่ง มีแบรนด์ใหม่ ๆ ที่เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ อีกทั้งกรมยังมีแผนสนับสนุนในการออกไปทำตลาดต่างประเทศ โดยมั่นใจว่าแฟรนไชส์ไทย จะไปปักธงในประเทศต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้”นางอรมนกล่าว