xs
xsm
sm
md
lg

กรมพัฒน์นำ 10 แฟรนไชส์ไทยโชว์งาน FEM 2025 มาเลเซีย คาดปิดดีล 200 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมพัฒนาธุรกิจการค้านำแฟรนไชส์สัญชาติไทย 10 แบรนด์เข้าร่วมงาน Franchise Expo Malaysia 2025 (FEM 2025) เพื่อโชว์ศักยภาพและเปิดโอกาสเจรจาธุรกิจ เผยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาเลเซียเป็นอย่างมาก ปิดดีลได้ทันทีกว่า 130 ล้านบาท และคาดภายใน 1 ปีไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค. 2568 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้นำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยที่อยู่ในการส่งเสริมสนับสนุนของกรมเข้าร่วมงาน Franchise Expo Malaysia 2025 (FEM 2025) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จำนวน 10 แบรนด์ ประกอบด้วย ธุรกิจอาหาร 6 แบรนด์ ได้แก่ 1. ZENFRY (เฟรนช์ฟรายถั่วเขียว) 2. de Tummour (อาหารไทย) 3. MOOMGAPAO (ข้าวผัดกะเพรา) 4. ชิกกี้ ชิก (ไก่ป๋อป ไก่ทอด กินเล่น) 5. เฮง ปัง ปั๊ว หวานเย็นสูตรเยาวราช (ขนมหวานเย็น) 6. ไผ่ทองไอศครีม (ไอศกรีมกะทิ) ธุรกิจเครื่องดื่ม 2 แบรนด์ ได้แก่ Colla Tea Thailand (ชานมไข่มุกผสมคอลลาเจน) และ Fresh Me (ชานม ชาผลไม้) และธุรกิจการศึกษา 1 แบรนด์ ได้แก่ Math Talent By Dr. Ying (สถาบันสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โค้ดดิ้ง) และธุรกิจบริการ 1 แบรนด์ ได้แก่ Otteri wash & dry (ร้านสะดวกซัก) โดยทั้ง 10 แบรนด์ เป็นผู้ประกอบการที่ผ่านการบ่มเพาะความรู้และพัฒนาทักษะการขยายธุรกิจแฟรนไชส์สู่ตลาดต่างประเทศจากกรมและผ่านการคัดเลือกจาก 30 แบรนด์ที่สมัครเข้าร่วมงานดังกล่าว

โดยภายในงานกรมได้จัดคูหาในรูปแบบไทยแลนด์พาวิเลียน เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นคูหาของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 10 แบรนด์ได้เตรียมแพกเกจพิเศษเพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวมาเลเซียและนักลงทุนจากชาติอื่นๆ ให้ได้เลือกชอปและเจรจาธุรกิจ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ประกอบการ และเป็นล่ามช่วยแปลการเจรจาธุรกิจ ทำให้การดำเนินงานของผู้ประกอบการไทยเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกมากขึ้น เบื้องต้นมีนักลงทุนสนใจคูหาของไทยเป็นจำนวนมาก โดยตลอดการจัดงานทั้ง 3 วันสามารถปิดดีลการเจรจาธุรกิจได้ทันทีประมาณ 130 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 1 ปีจะไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ นอกจากผู้ประกอบการไทยจะได้แสดงและนำเสนอธุรกิจแก่นักลงทุนแล้ว ยังได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมเวิร์กชอป เสวนา และรับฟังแนวโน้มธุรกิจในวงการแฟรนไชส์ใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์แฟรนไชส์ระดับสากล รวมถึงได้นำเสนอและแนะนำธุรกิจแก่นักลงทุนบนเวทีกลางภายในงาน ซึ่งเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์แฟรนไชส์ไทยได้เป็นอย่างดี ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกแฟรนไชส์ไทยไปขยายตลาดในประเทศของนักลงทุนและผู้สนใจ


นางอรมนกล่าวว่า การนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยเข้าร่วมงานแสดงและนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Thai Franchise Towards Global 2568 ของกรม ที่ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า เจรจา และนำเสนอธุรกิจแก่นักลงทุนชาวต่างชาติในงานแสดงสินค้าระดับสากล ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การเจรจาธุรกิจและขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันมีแฟรนไชส์ไทยที่ได้ทำการตลาดและจำหน่ายในมาเลเซียแล้ว 13 แบรนด์ ประกอบด้วย อเมซอน (Amazon) แบล็คแคนยอน (Black Canyon) กาแฟดอยช้าง ตำมั่ว บาบีก้อน สมาร์ทเบรน (Smart Brain) แอมที (Am Tea) ห้าดาว (Five Star) เกรฮาวด์ คาเฟ่ (Greyhound) เครปไส้แตก โทโร่ฟรายส์ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index living Mall) และวงษ์พาณิชย์ (Wongpanit)

สำหรับงาน Franchise Expo Malaysia 2025 (FEM 2025) เป็นงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศมาเลเซีย จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 (จัดงานครั้งแรกปี 2016) โดยปี 2025 จัดภายใต้ธีมงาน “Invest In Your Future” ที่เน้นการลงทุนในอนาคตผ่านนวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจแฟรนไชส์ ณ Hall 2-5, Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC) กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีธุรกิจแฟรนไชส์จาก 10 ประเทศ 350 บูธ เข้าร่วมแสดงและนำเสนอธุรกิจ ได้แก่ มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย กัมพูชา อินเดีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และ ญี่ปุ่น และคาดว่ามีผู้เข้าชมงานกว่า 18,000 คน

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ส.ค. 2568) กรมมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับมาตรฐานและอยู่ในการส่งเสริม จำนวน 545 ราย โดยธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 3 แสนล้านบาท และมีการเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยแฟรนไชส์เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ที่สำคัญของประเทศ และเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงแข็งแกร่ง




กำลังโหลดความคิดเห็น