xs
xsm
sm
md
lg

เร่งแก้สัญญา BEM-BTS แบ่งรายได้รัฐเพิ่ม 25% -1 ต.ค."สีแดง-ม่วง"ใช้ 20 บาทตลอดสาย ต้องลงทะเบียนแอป"ทางรัฐ"จ่ายด้วย EMV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุริยะ”เร่ง รฟม.-กทม.เจรจา “BEM-BTS”แก้สัญญาสัมปทาน แบ่งรายได้เข้ากองทุนตั๋วร่วมฯรับมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย คาดเข้าครม.เสร็จ ทัน 15 พ.ย. 68 ส่วนสีแดง-ม่วง ใช้ 20 บาทต่อเนื่อง แต่ต้องลงทะเบียนแอป”ทางรัฐ”จ่ายด้วย EMV เท่านั้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า มาตรการอัตราค่ารถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท หรือ 20 บาทตลอดสาย จำเป็นต้องเลื่อนจากกำหนดวันที่ 1 ต.ค. 2568 ออกไปเป็นวันที่ 15 พ.ย. 2568 สาเหตุหลัก นอกจากต้องพ.ร.บ. พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) และ 2. พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 (พ.ร.บ.รฟม.) ประกาศใช้ก่อน แล้ว ยังจะต้องมีการแก้ไขสัญญาสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มี บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้รับสัมปทาน รถไฟฟ้าสายสีเขียว มีบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) เป็นผู้รับสัมปทาน รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง มี บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) และ สัมปทาน รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู มีบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู ให้เรียบร้อยก่อนด้วย

ในการแก้สัญญา ในส่วนของกระทรวงคมนาคม เช่น รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานจะมีการคาดการณ์ผู้โดยสารเติบโตต่อปี ซึ่งกำหนดแบ่งรายได้ให้รัฐสัดส่วน 15% แต่เนื่องจากมีประเด็นว่า กรณีผู้โดยสารมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตปกติ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นตัวกระตุ้น รายได้เพิ่มส่วนนี้ ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้มีการเจรจากับ BEM แล้วว่าจะให้ส่วนแบ่งรายได้ 25 % เข้ากองทุนตั๋วร่วม ซึ่งก่อนหน้านี้ จะใช้วิธีบริจาคเข้ากองทุน แต่เนื่องจาก เมื่อกองทุนรับและต้องจ่ายออกไปชดเชยเอกชน และเพื่อให้มีความชัดเจนกับสัญญาและไม่เกิดปัญหาในอนาคต จึงต้องมีการแก้ไขสัญญาให้ชัดเจน

ซึ่งเบื้องต้น รฟม.ได้ทำกรอบระยะเวลาการดำเนินการแก้ไขสัญญาสัมปทานไว้คือ จะสรุปประเด็นการแก้ไขสัญญาเสนอกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 31 ส.ค. 2568 เสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.พิจารณาการแก้ไขสัญญา วันที่ 9 ก.ย.2568 จากนั้นจะเสนอคณะกรรมการกำกับสัญญา ตามพ.ร..ร่วมลงทุนฯพ.ศ. 2562 ในวันที่ 16 ก.ย. 2568 และส่งร่างแก้ไขสัญญา ให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ ซึ่งตามขั้นตอนจะมีกรอบเวลาไม่เกิน 45 วัน หรือไม่เกินสิ้นเดือนต.ค. 2568 จากนั้นเสนอคณะกรรมการ PPP และครม.อนุมัติการแก้ไขสัญญาประเมินว่า จะแล้วเสร็จทุกขั้นตอนใน 15 พ.ย.2568

นายสุริยะกล่าวว่า ประเด็นแก้ไขสัญญาสัมปทาน ในเรื่องการจ่ายส่วนแบ่งรัฐเพิ่มจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายรถไฟฟ้า20 บาทตลอดสายนั้น จะไม่กระทบกับส่วนแบ่งรายได้ 15% ตามสัญญาสัมปทานที่มี แต่เป็นการแบ่งรายได้ส่วนที่เพิ่ม โดยเอาค่าเฉลี่ยการเติบโตของผู้โดยสารย้อนหลัง 5 ปีมาประเมิน ซึ่งทางรฟม.ได้เจรจากับ BEM แล้ว ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ประสานกับ กรุงเทพมหานคร(กทม.) เร่งเจรจากับ BTS ซึ่งก็มีขั้นตอนตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ เช่นกัน ซึ่งคณะกรรมการกำกับสัญญา สายสีเขียว มีรองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน


@ยัน”สายสีแดง-ม่วง”ใช้ราคา 20 บาทต่อเนื่อง แต่ต้องลงทะเบียนแอป”ทางรัฐ”จ่ายด้วย EMV

นายสุริยะกล่าวว่า ในส่วนรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง ซึ่งปัจจุบันใช้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นปีที่ 2 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 จะยังคงใช้ได้ต่อเนื่อง เพราะมติคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนก.ค. 2568 มีการปรับเวลาในการดำเนินนโยบายรถไฟฟ้าไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย ทุกสาย ให้ดำเนินมาตรการสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2569 ตรงกันทุกสาย กรณีที่สายอื่นยังเริ่มดำเนินการไม่ได้เนื่องจากต้องรอ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯและพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ จึงไม่กระทบกับ สายสีแดงและสีม่วง

รายงานข่าวระบุว่า กรณีสายสีแดงและสีม่วง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 ยังใช้ 20 บาทตลอดสายได้ต่อเนื่อง แต่จะต้องลงทะเบียนแอป”ทางรัฐ”และผูกบัญชี บัตร EMV ที่ใช้ชำระค่าโดยสาร จะไม่ได้ทุกคนเหมือนปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น