สนค.เผยตลาดข้าวอินทรีย์โลกเติบโตต่อเนื่อง ตอบสนองเทรนด์ความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชี้ไทยมีโอกาสขาย แต่ต้องสร้างแบรนด์ให้มีเรื่องราว สร้างการรับรู้ และคุมเข้มมาตรฐาน พร้อมแนะเกษตรกรหันมาเพาะปลูกแทนการปลูกข้าวแบบเดิม เพื่อเพิ่มโอกาสทำเงิน
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดข้าวอินทรีย์โลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและอเมริกา ที่มีความต้องการข้าวที่ปลอดภัยจากสารเคมีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของข้าวอินทรีย์ไทยในการเจาะตลาดเหล่านี้ได้มากขึ้น หากได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ทั้งนี้ ตลาดข้าวอินทรีย์โลกปี 2567 มีมูลค่า 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (263,320 ล้านบาท) คาดว่าปี 2577 จะมีมูลค่าสูงถึง 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (405,108 ล้านบาท) ส่วนไทยมีการส่งออกกลุ่มข้าวอินทรีย์ในปี 2567 ปริมาณรวม 22,378 ตัน มูลค่า 31.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,095 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 32.0% แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิอินทรีย์ สัดส่วน 72.1% ข้าวกล้องอินทรีย์ 23.1% ข้าวขาวอินทรีย์ 3.3% และปลายข้าวอินทรีย์ 1.5%
โดนตลาดส่งออกข้าวอินทรีย์สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ สัดส่วน 47.4% อิตาลี 12.8% สวิตเซอร์แลนด์ 6.1% เนเธอร์แลนด์ 5.3% และฝรั่งเศส 5.3% ซึ่งตลาดเหล่านี้ เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสินค้าคุณภาพสูงและมีมาตรฐานความยั่งยืน
นายพูนพงษ์กล่าวว่า ไทยควรมุ่งส่งเสริมด้านการสร้างแบรนด์ข้าวอินทรีย์ให้มีเรื่องราว (Brand Story) ชูเอกลักษณ์ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สร้างความแตกต่างจากประเทศคู่แข่ง และให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคข้าวไทยในวงกว้าง รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ของไทยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีมาตรฐาน “Organic Thailand” ที่เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ รวมถึงหลายพื้นที่ปลูกยังได้รับการรับรองมาตรฐานสากล อาทิ IFOAM, USDA Organic, EU Organic และ JAS Organic เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดสำคัญได้
“เป็นโอกาสสำคัญของเกษตรกรและผู้ประกอบการข้าวไทยที่จะปรับเปลี่ยนมาผลิตข้าวอินทรีย์ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลก เนื่องจากมีการแข่งขันน้อยเมื่อเทียบกับการส่งออกข้าวทั่วไป อีกทั้งตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมสินค้ารักโลก ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งยังช่วยสร้างความหลากหลาย และขยายตลาดใหม่ให้กับสินค้าเกษตรของไทยอีกด้วย”นายพูนพงษ์กล่าว
ปัจจุบันเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลของสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) และ Research Institute of Organic Agriculture รายงานว่า พื้นที่เกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองทั่วโลกมี 96.4 ล้านเฮกตาร์ (602.5 ล้านไร่) ประเทศที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากที่สุด คือ ออสเตรเลีย (53.0 ล้านเฮกตาร์ (331.3 ล้านไร่) คิดเป็น 55.0% ของพื้นที่เกษตรอินทรีย์ทั่วโลก) รองลงมา คือ อินเดีย และอาร์เจนตินา ส่วนตลาดอาหารและเครื่องดื่มอินทรีย์โลกมีมูลค่า 140.73 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดใหญ่ที่สุด ได้แก่ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน มีมูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มอินทรีย์ เท่ากับ 61.1, 47.0 และ 12.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ
สำหรับไทยมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 241,497 เฮกตาร์ (1.51 ล้านไร่) อยู่อันดับที่ 33 ของโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย สินค้าสำคัญ คือ ข้าว ผัก และผลไม้อินทรีย์ ตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญของไทย คือ สหรัฐฯ จีน อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ ภาพรวมการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยยังมีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ยังอยู่ในรูปแบบการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค และวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตในเขตเมืองเท่านั้น