xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิรัตน์” ชี้ปัญหาข้าวไทยแพงกว่าชาติอื่นไม่ใช่เพราะอินเดีย แนะคนผลิต-ขายสอดรับทิศทางเดียวกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิรัตน์” ชี้ ปมปัญหาข้าวไทยที่รัฐแก้ไม่ตก เหตุแพงกว่าประเทศอื่น ไม่ใช่เพราะอินเดียกลับมาส่งออก แนะคนผลิต-คนขาย ต้องทำหน้าที่สอดรับในทิศทางเดียวกัน

เมื่อวันที่ (20 มี.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ โพสต์เฟสบุ๊คระบุถึงปัญหาราคาข้าวไทยในขณะนี้ว่า วังวนเรื่องข้าว คือโจทย์ใหญ่ที่รัฐยังแก้ไม่ตก ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ราคาแพงกว่า จะสู้อย่างไร? ผมเห็นราคาข้าวในช่วงที่ผ่านมาหลังอินเดียประกาศจะส่งออกเพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดข้าวกลับคืน ราคาหล่นฮวบในพริบตา อินเดียกลับมาทวงคืนความเป็นเจ้าตลาดข้าวอีกครั้ง ซึ่งข้าวที่ส่งออกส่วนใหญ่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ (Basmati) แต่ 77% เป็นข้าวขาว เหมือนกับไทยที่ข้าวที่ส่งออกส่วนใหญ่ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิเหมือนกันแต่เป็นข้าวขาว ถึงเวลาอินเดียประกาศมาส่งออกทีไร ราคาข้าวไทยชะงักทุกที

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนมองว่า คำตอบของภาครัฐที่บอกว่า ราคาข้าวตก เพราะอินเดียกลับมาส่งออกนั้น มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้ไม่เพียงพอ เพราะการหาตลาดแบบที่กระทรวงพาณิชย์พยายามทำอยู่นั้น คือการแก้ที่ปลายเหตุแล้ว ประเด็นหลักของตนคือ ราคาข้าวขาวของเราที่แพงกว่าพ่อค้าเจ้าอื่น เช่น ข้าวขาว 5% ไทยราคา 424 เหรียญต่อตัน เวียดนาม ราคา 392-396 เหรียญ/ตัน อินเดีย 403 -407 เหรียญต่อตัน ขณะที่ข้าวขาว 25% ไทยเราราคา 411 เหรียญต่อตัน ขณะที่เวียดนาม 370 เหรียญต่อตัน อินเดีย 390 เหรียญต่อตัน

“ตลาดข้าวขาวเราแข่งกันด้วยราคาล้วน ๆ อย่าง ตลาดดั้งเดิมเราอย่างฟิลิปปินส์เราเสียแชมป์ให้กับเวียดนามไปด้วยเหตุทางด้านราคา หากราคาดี ต่อให้เจอประกาศส่งออกก็พอที่จะรักษาลูกค้าตลาดข้าวได้อยู่บ้าง ซึ่งปัญหาด้านราคาของเราคือ ต้นทุนที่ยังไม่ลด ผลผลิตต่อไร่ก็ยังไม่สูง โดยผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 400 -600 กก. ต่อไร่ ขณะที่คู่แข่งเวียดนาม อินเดีย ผลผลิตต่อไร่ เขาเฉลี่ยอยู่ที่ 600-900 กก.ต่อไร่ หรือบางสายพันธุ์พัฒนาไปแล้วให้ผลผลิตเกินกว่า 1,000 กก. ต่อไร่ก็มี อันนี้พูดถึงเฉพาะข้าวขาวก็หืดขึ้นคอแล้ว ยังไม่รวมพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มที่เป็นที่ต้องการของตลาดเอเชีย ซึ่งเรามีเพียง 17 สายพันธุ์ที่รองรับโดยกรมการข้าว ขณะที่ข้าวพื้นแข็งมี 57 สายพันธุ์ ส่วนตลาดข้าวหอมมะลิที่เป็นตลาดเฉพาะถูกท้าทายพอสมควรหลังเวียดนามพัฒนาพันธุ์ข้าวเจาะตลาดเฉพาะอย่างสายพันธุ์ ST ให้ผลผลิตสูงกว่า 1,000 กก.ต่อไร่”นายสนธิรัตน์ ระบุ

นายสนธิรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ลำพังหาตลาดไม่พอ ต้องฮึดสู้กว่านี้ ถ้าอยากจะแข่งขันได้ คนผลิตกับคนขายต้องทำหน้าที่สอดรับในทิศทางเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเหนื่อยแน่ ยิ่ง สศก. ปล่อยตัวเลขประมาณการปีนี้ 34.87 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 22 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 4 % หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตั้งรับมือกันดี ๆ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามวนมาอีกรอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น