ผู้จัดการรายวัน360 – เดอะคอฟฟี่คลับ เปิดเกมรุกปี67 ชู 3 กลยุทธ์หลักต่อเนื่อง เผยปีนี้เปิดสาขาใหม่พร้อมปรับกลยุทธ์ตลอดทันสถานการณ์ ดันยอดขายโต 40% พร้อมกลับมาเปิดบริการ 24 ชั่วโมงนำร่องสาขาใหม่ที่โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท 55
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้า(2567) บริษัทฯวางแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 5-6 สาขา ซึ่งที่ตกลงชัดเจนเรื่องสถานที่แล้วคือ ตึกเดอะพาร์คคลองเตย จะเป็นแบบร้านขนาดเล็ก
ส่วนกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ที่จะดำเนินการต่อจากนี้ต่อเนื่องปีหน้า คือ
1. การยกเครื่องเล่มเมนูใหม่ นอกจากการนำเสนอเมนูอาหาร เบเกอรี ขนมหวาน และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ประจำร้าน ภายในเล่มเมนูใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์ทันสมัย และง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้นเดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังจัดเต็มเมนูอาหาร และเครื่องดื่มใหม่ ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกว่า 10 เมนู ไม่ว่าจะเป็น พาสตาสไตล์ไทย 3 รายการ ได้แก่ สปาเก็ตตี้ไส้กรอกผัดพริกแห้ง สปาเก็ตตี้หมูกรอบผัดขี้เมา และ สปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้ง, เมนูอาหารว่างยอดนิยมอย่างแฟตกริลล์ ที่มีหลายเมนู, เมนูเครื่องดื่มใหม่หลากหลายรายการ ทั้งเครื่องดื่มน้ำตาลต่ำอย่างแฟรปเป้แตงโม ชานมซีลอนใส่บุกบราวน์ชูการ์ เป็นต้น, เมนูทางเลือกสุขภาพจำกัดระยะเวลาจำหน่าย
2. การรังสรรค์ความพิเศษต้อนรับสิ้นปี เพื่อตอบรับสีสันแห่งการเฉลิมฉลอง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปีจากการตกแต่งร้านในลุคใหม่ และการเสิร์ฟเมนูที่คิดค้นสำหรับช่วงเทศกาล ทั้งในวันลอยกระทง เทศกาลคริสต์มาส ไปจนถึงกิจกรรมดินเนอร์เคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นต้น
3. โปรโมชันและ สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก นอกจากโปรโมชันบัตรเครดิตสำหรับเมนูที่ร่วมรายการ ในเดือนพฤศจิกายนทางร้านยังได้จัดโปรโมชันพิเศษ ลูกค้าใหม่สามารถแลกรับเครื่องดื่มฟรี 2 แก้ว เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน The Coffee Club Thailand ขณะที่ลูกค้าเก่าสามารถรับสิทธิ์รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดการสมัครสมาชิกของร้านได้เป็นไปตามเป้าที่ 150,000 ราย ซึ่งถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 170,000 ราย เพิ่มขึ้นมากจากช่วงปีเศษที่ผ่านมาที่มีเพียง 20,000 รายเท่านั้น
นางนงชนก กล่าวต่อว่า ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 ทางร้านมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นผู้นำร้านอาหารประเภทออลเดย์ไดนิ่งของประเทศไทย ด้วยการขยายการรับรู้ของร้านไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ (Potential Customers) ผ่านการเปิดตัวร้านสาขาใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่ย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวในหลากหลายคอนเซปต์ ตั้งแต่ร้านอาหารเต็มรูปแบบ หน้าร้านแบบ Grab & Go ไปจนถึงร้านสไตล์คาเฟ่ที่เน้นให้บริการเครื่องดื่ม เบเกอรี และขนมหวาน เพื่อเป็น Neighborhood Café ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม
โดยปีนี้ได้เปิดสาขาใหม่แบบใหญ่ที่ภูเก็ต 2 สาขา เปิดที่เดอะพาร์คสีลมเป็นแบบเล็ก และโรงพยาบาลกรุงเทพ ล่าสุดได้เปิดตัวร้านสาขาใหม่ ณ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท 55 ซึ่งมีไฮไลต์อยู่ที่เมนูเอ็กซ์คลูซีฟประจำสาขาและการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีชีวิตชีวาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอกจากนี้ยังมีการรีโนเวทร้านสาขาเดิม ให้สวยงามและมีบรรยากาศน่านั่งมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการเป็นแลนด์มาร์กในการนัดพบกัน ตลอดจนการนำเสนอเมนูใหม่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมนูประจำเทศกาลสำคัญ เมนูทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ ไปจนถึงเมนูจากวัตถุดิบที่สนับสนุนความยั่งยืนด้านซัพพลายเชน เช่น ไข่ไก่จากแหล่งผลิตที่ไม่ใช้กรงขัง (Cage Free Eggs) เป็นต้น โดยอาหารแพลนท์เบสมีสัดส่วนประมาณ 15% จากรายได้
เดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และการรักษากลุ่มลูกค้าเดิม รวมถึงเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภค (Brand Equity) ซึ่งที่ผ่านมาสามารถลงทุนด้านมีเดียทำให้เข้าถึงคนไทยรัยรู้แบรนด์ได้มากถึง 15 ล้านคนแล้ว อีกทั้งมีการพัฒนา ลอยัลตีโปรแกรม ที่แข็งแกร่ง อาทิ สิทธิพิเศษประจำเดือนเกิด หรือจะเป็นโปรแกรม Coffee Subscription แลกซื้อเครื่องดื่มได้ถึง 10 แก้ว ต่อเดือน ในราคาเพียง 590 บาท รวมถึงการสะสมพอยท์เพื่อแลกรับส่วนลด เมนูอาหารฟรี หรือสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟบนแอปพลิเคชัน The Coffee Club Thailand เป็นการส่งมอบความคุ้มค่าที่เหนือกว่าสำหรับผู้บริโภคที่มาใช้บริการเป็นประจำ
“เรามีลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของเดอะคอฟฟี่คลับเหนียวแน่นกลุ่มที่ดื่มกาแฟมาก เฉลี่ย 14 แก้วต่อเดือนก็มี ในส่วนที่เป็นสมาชิก ส่วนลูกค้าทั่วไปมีการดื่มเฉลี่ยเพียง 3 ครั้งต่อปีเท่านั้น”
ทั้งนี้ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีการเติบโตราว 40% ปัจจุบันมีสาขารวมทั่วประเทศ 40 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 21 สาขา และสาขาจังหวัดท่องเที่ยว 19 สาขา โดยคิดเป็นสัดส่วนของลูกค้าไทย 40% ต่างชาติ 60% เพิมขึ้นจากเดิมตามแผนงานที่วางไว้ ส่วนสัดส่วนรายได้แยกเป็น นั่่งทานในร้าน 70% เทคอะเวย์ 20% ที่เหลือ ดีลิเวอรี่
“จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าว เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่ง เดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอกย้ำตำแหน่งผู้นำร้านออลเดย์ไดนิ่งชั้นนำ ที่เป็น Neighborhood Café สำหรับลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ที่ไม่ว่าจะมาช่วงเวลาไหนหรือวันใด ทุกคนก็สามารถสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้ในทุกวันทุกโอกาส” นางนงชนก กล่าว