ผู้จัดการรายวัน 360 -โอคูระ (OCCURA) ศูนย์บริการแว่นตาและเลนส์เฉพาะบุคคลแบบครบวงจร เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ สร้างความแตกต่าง เน้นบริการตอบโจทย์เพนพอยท์ เผย “นักทัศนมาตร” ฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจ ควบคู่กับบริการเฉพาะบุคคลแบบครบวงจร คือจุดแข็งแบรนด์ มัดใจฐานลูกค้าเดิม เพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภคขยายฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขาย พบปัจจุบัน “นักทัศนมาตร” เป็นสายงานที่ยังขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของธุรกิจแว่นสายตาค้าปลีก พบแนวโน้มจ้างงานนักทัศนมาตรทั่วโลกมีโอกาสโต 10% ในปี 2564 – 2574
นายธนัฐณ์ วิทย์ภิรมย์ ผู้บริหารร้านแว่นตาโอคูระ (OCCURA) เปิดเผยว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะวัยทำงานที่ใช้สายตาบนเครื่องมือเทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์มากกว่า 6 ชม.ต่อวัน ยังไม่รวมการดูจออื่น ๆ เช่น TV หรือการเพ่งอ่านหนังสือ เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสายตาก่อนวัย และปัญหาอื่น ๆ ทางสายตาที่หลากหลายขึ้น
นอกเหนือจากปัญหาสายตาแล้ว ยังพบว่าผู้บริโภคยุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ เพื่อเสริมความมั่นใจกับการสวมใส่แว่นสายตาในชีวิตประจำวัน พร้อมต้องการคุณภาพการมองเห็นที่คมชัดจากแว่นสายตาได้ในเวลาเดียวกัน
ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพตา และค่าสายตาพัฒนาไปมาก รวมถึงเทคโนโลยีโครงสร้างของเลนส์สายตามีคุณสมบัติให้เลือกใช้ดูแลสายตาได้หลากหลาย ส่งผลให้อาชีพ “นักทัศนมาตร” ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะทั้งทางด้านศาสตร์ในการการวิเคราะห์ค่าสายตา แก้ไขปัญหาสายตาให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีทักษะด้านศิลป์ในการเข้าใจแฟชั่น สามารถให้คำแนะนำในการเลือกกรอบแว่นตา หรือเลนส์สายตาที่มีคุณสมบัติเสริมพิเศษ ที่ตอบโจทย์การสร้างเสริมไลฟ์สไตล์ให้โดดเด่นไปพร้อมกัน เป็นที่ต้องการในตลาด โดยเฉพาะธุรกิจแว่นสายตาค้าปลีกมากขึ้นในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในภาวะการแข่งขันของตลาดที่สูงขึ้น OCCURA มองเห็นโอกาสการสร้างความแตกต่าง ชูจุดแข็งความพร้อมบุคลากร และบริการที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคเป็นหลัก โดยมีนักทัศนมาตรประจำศูนย์บริการ ควบคู่กับบริการเฉพาะบุคคล ครบวงจร สำหรับนักทัศนมาตร นับเป็นหนึ่งในบุคลากรด้านผู้เชี่ยวชาญที่เป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจ โดย OCCURA ให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดเลือก จากผู้ที่จบการศึกษาหลักสูตรทัศนมาตรศาสตร์บัณฑิต Doctor of Optometry, O.D. ใบประกอบวิชาชีพ ในระดับมาตรฐานโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมยึดตามหลักอุดมคติที่ “นักทัศนมาตร” ของ OCCURA ต้องมีทักษะครบทั้งศาสตร์และศิลป์ในการให้บริการ มีความเข้าใจในหลักจิตวิทยา ด้วยแนวคิด “ลูกค้าต้องสบายตา สบายใจ และใช้งานได้จริง”
พร้อมความรู้ความสามารถเกี่ยวกับศาสตร์การตรวจวัดสายตาวินิจฉัยอาการ คัดกรองแยกโรคและภาวะต่าง ๆ สามารถดูแล และให้คำปรึกษาอาการของสุขภาพสายตาที่มีความซับซ้อนเฉพาะบุคคลที่แตกต่างกันได้ มีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาสุขภาพสายตาด้วยเลนส์สายตา รวมไปถึงศิลปะในการเลือกกรอบแว่นตาที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้โดดเด่น ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาค่าสายตา นอกจากนี้ยังต้องมีหลักจิตวิทยาในด้านการรับฟังและการสื่อสารที่ดี เข้าใจถึงความกังวลในการใช้งานและปัญหาของผู้บริโภค พร้อมให้คำแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาสายตาตั้งแต่ต้น ตลอดจนการใส่แว่นตาให้ถูกวิธี การดูแลถนอมสายตา และติดตามอาการหลังการใช้งานแว่นสายตา
นายธนัฐณ์ กล่าวเพิ่มเติม “จากกลยุทธ์ทางธุรกิจดังกล่าว นับได้ว่าเป็นจุดแข็งของแบรนด์ OCCURA นอกจากจะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยรักษาฐานลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำบนความต้องการใหม่ ๆ แล้ว เป็นจุดที่สร้างความแตกต่าง ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภครายใหม่ที่มีปัญหาทางสายตา ขยายฐานลูกค้าจากการบอกต่อปากต่อปาก รวมถึงการเพิ่มยอดขายจากการที่ผู้บริโภคเข้าใจปัญหาสายตาที่แท้จริงจากการได้รับคำแนะนำจากนักทัศนมาตรและผู้เชี่ยวชาญในด้านการดูแลปัญหาสายตา ที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่างครบถ้วน
ทั้งนี้ การให้บริการจะเริ่มต้นจากการสอบถามอาการทางสายตา เพื่อคัดกรองโรคตาที่สามารถกระทบกับระบบการมองเห็น และตรวจวัดค่าสายตาโดยนักทัศนมาตร เลือกเลนส์ที่เหมาะกับค่าสายตา เลือกกรอบแว่นตาที่สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างเลนส์ที่เลือกใช้และไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ส่งต่อให้ช่างประกอบแว่นตา (Optician) ที่มีประสบการณ์ของ OCCURA ในการวิเคราะห์ปรับดัดกรอบแว่นตาให้เหมาะสมกับสรีระใบหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าแว่นสายตาที่ได้รับจะใช้งานได้อย่างสบายตาตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
ปัจจุบัน อาชีพนักทัศนมาตรถูกจัดเป็นอาชีพหนึ่งในกลุ่ม “3 Os” บุคลากรหลักดูแลสุขภาพสายตาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ประกอบด้วย นักทัศนมาตร (Optometrist) จักษุแพทย์ (Ophthalmologist) และช่างแว่นตา (Optician) ด้วยจุดเด่นของนักทัศนมาตรที่มีหน้าที่ดูแลคัดกรองโรคตาเบื้องต้น และอาการผิดปกติของระบบการมองเห็นเป็นด่านแรก พร้อมสามารถให้คำแนะนำด้านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ยึดหลักไลฟ์สไตล์การใช้งาน และความต้องการของผู้บริโภคมาร่วมพิจารณาในการเลือกโครงสร้างกรอบแว่นตาและเลนส์ ส่งผลให้นักทัศนมาตรเป็นที่ต้องการในตลาด โดยเฉพาะธุรกิจแว่นสายตาค้าปลีกในประเทศไทย
สอดรับกับข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า อาชีพนักทัศนมาตรทั่วโลกที่มีโอกาสเติบโต 10% ในช่วงปี 2564 – 2574 นอกจากนี้ นักทัศมาตร ยังเป็นอาชีพที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้กำหนดว่าในแต่ละประเทศควรมีนักทัศนมาตรดูแลอย่างน้อย 1 คน ต่อประชากรจำนวน 6,000 – 10,000 คน ขณะเดียวกัน พบว่าประเทศไทยยังมีนักทัศนมาตรที่มีใบประกอบวิชาชีพ ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการผู้บริโภคในตลาดของจำนวนประชากรคนไทยกว่า 66 ล้านคน