xs
xsm
sm
md
lg

GPSC ลั่นปีนี้ผลดำเนินงานฟื้นตัว มั่นใจค่า Ft จ่อลดไม่กระทบมาร์จิ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



GPSC ลั่นปีนี้มีผลดำเนินงานฟิ้นตัวขึ้น หลังรับรู้กำไรจาก Avaada ที่อินเดีย 200 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าเดินเครื่องมีประสิทธิภาพดีขึ้น ส่วนค่า Ft ที่ส่อแววจะปรับลดลงในงวดสิ้นปีก็สอดคล้องต้นทุนพลังงานที่ลดลงจึงไม่กระทบมาร์จิ้น พร้อมขยับเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าปี 68 เพิ่มขึ้นเป็น 7,974 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 747 เมกะวัตต์

นางศิโรบล บุญถาวร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ว่า ปี 2566 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของบริษัทที่มีการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากปีก่อนที่ประสบปัญหาราคาพลังงานผันผวนทำให้มีกำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 891 ล้านบาท โดยปี 2566 โรงไฟฟ้าจะเดินเครื่องได้มีประสิทธิภาพดี รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้า GHECO-One ได้กลับมาเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้าตามปกติแล้ว หลังจากหยุดซ่อมบำรุงราว 54 วันในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และรับรู้กำไรในโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในอินเดีย ที่บริษัทเข้าถือหุ้นในบริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 600 เมกะวัตต์และจะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มเติมในปีนี้ 250 เมกะวัตต์ ทำให้รับรู้กำไรราว 200 ล้านบาท

“กำไรของบริษัทเคยอยู่ระดับ 7,000 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วราคาพลังงานผันผวนและราคาค่าไฟไม่สอดคล้องต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ทำให้บริษัทมีกำไรต่ำกว่าพันล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะ recover ในภาพรวมได้ 50-60% ส่วนที่เหลือคงต้องรอดูนโยบายภาครัฐที่มีการปรับราคาสอดคล้องต้นทุนอย่างไร”

ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ในระยะถัดไปจะปรับลดลง 70 สต./หน่วย มั่นใจว่าส่งผลกระทบต่อมาร์จิ้นไม่มากนักเนื่องจากต้นทุนราคาพลังงานก็ลดลงด้วย ซึ่งค่า Ft จะผูกกับการขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วนในพอร์ตราว 30% ส่วนที่เหลือมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ให้กับ กฟผ.อยู่แล้ว

นางศิโรบลกล่าวว่า บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) แม้ว่าจะมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จตามแผนงาน โดยบริษัทยังไม่ปิดกั้นโอกาสและมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำ M&A ต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายมีกำลังการผลิตหมุนเวียนสัดส่วน 50% ของกำลังการผลิตในปี 2573

โดยบริษัทได้มีการปรับตัวเพิ่มเลขกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2568 จากเดิม 7,227 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นเป็น 7,974 เมกะวัตต์ ภายหลังจาก Avaada ชนะประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มถึง 4 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตเพิ่มเติม 747 เมกะวัตต์


สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570) ได้ตั้งงบประมาณราว 40,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการที่อยู่ในแผนให้ก่อสร้างแล้วเสร็จ เช่น โครงการโรงไฟฟ้า SPP Replacement (Glow SPP2) ที่การก่อสร้างคืบหน้า 50% คาดจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 และโครงการเอนเนอยี รีคอฟเวอรี่ ยูนิต (ERU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ของไทยออยล์ ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้า 89% คาดจะ COD ได้ในปี 2568

ส่วนกรณีการลงทุนโครงการ GAS to Power ในเวียดนาม โดยบริษัทเคยมีแผนจะเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทแม่ คือ ปตท.นั้น ขณะนี้ประเทศเวียดนามยังเป็นประเทศเป้าหมายในการลงทุนของบริษัท และล่าสุดทางเวียดนามได้ประกาศแผน PDP 8 ออกมาแล้ว ซึ่งบริษัทได้จัดตั้งทีมงานขึ้นมาเกาะติดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยหากมีความชัดเจนเกิดขึ้นจะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป

ความคืบหน้าโครงการลงทุนแบตเตอรี่ ภายหลังจากบริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อดำเนินการเข้าลงทุนในบริษัท Anhui Axxiva New Energy Technology Co., Ltd. (“AXXIVA”) สาธารณรัฐประชาชนจีน จะมีการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ Semi-solid ระยะที่ 1 ที่ประเทศจีน มีกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปี คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปีนี้ตามแผน รวมถึงบริษัทยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรจีน จัดตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า "บริษัท เอ็นวีโกชั่น จำกัด (NV Gotion)" ก่อสร้างโรงงานประกอบชุดแบตเตอรี่ในไทย กำลังการผลิตระยะแรก 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี2566 และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปีในระยะถัดไป


กำลังโหลดความคิดเห็น