xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC ลั่นรายได้ปีนี้โตขึ้น เหตุ รง.ปิดซ่อมน้อย-กำลังผลิตเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



PTTGC ลั่นรายได้ปีนี้เติบโตขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาขายที่เริ่มดีขึ้น โดยธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันยังทำกำไรได้ดีอยู่แม้ว่าครึ่งปีหลังสเปรดส่อแววลดลง แย้มโครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไตรมาส 2 ปีนี้

นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธุ์ ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปี 2566 จะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 687,899.45 ล้านบาท โดยมองว่าธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันยังคงเป็นธุรกิจที่ทำกำไรที่ดีในปีนี้ เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงน้อยลง และปีนี้มีกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 148,826 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี มาร์จิ้นของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังค่อนข้างผันผวนตามภาวะตลาดโลก

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น (Upstream) ในส่วนโรงกลั่นน้ำมันในปีนี้ยังสามารถทำกำไรได้ดี แม้จะมีการย่อตัวลงในไตรมาส 1/2566 จากผลิตภัณฑ์หลักๆ อย่างน้ำมันดีเซล ทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ กับวัตถุดิบ (Spread) ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 12-14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่เชื่อมั่นว่ายังสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตได้ ส่วนอะโรเมติกส์ ในไตรมาส 1/2566 ถือว่าทำได้ดีมาก จากเป็นช่วงฤดูกาล แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้อาจมีการอ่อนตัวลงมาบ้าง สำหรับผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ คาดจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ทั้งราคาและการผลิตที่เพิ่มขึ้นของบริษัท

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลาง (Intermediates) ในปีนี้ฟีนอลยังถูกกดดันจากอุปสงค์ของตลาดสินค้าปลายทางทำให้ยังไม่ฟื้นตัว แต่บริษัทคาดว่าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเปิดประเทศจีน จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมก่อสร้างในครึ่งปีหลังนี้ดีขึ้น ส่วนธุรกิจ Bio คาดยังทรงตัว

ธุรกิจ Performance Chemical ส่วนใหญ่จะมาจาก allnex โดยช่วงที่เหลือของปีก็คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยบริษัทมีส่วนแบ่งรายได้จากการลงทุน (JV) ต่างๆ ในครึ่งปีหลังก็คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีบางตัวน่าจะกลับเข้ามา ซึ่งจะช่วยเสริมผลประกอบการของ PTTGC รวมถึงภาพรวม feedstock ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะมากหรือน้อยยังต้องติดตามผลกระทบในแง่สเปรดของแต่ละช่วงเวลาว่าจะเป็นอย่างไร


นายจิตศักดิ์กล่าวว่า ในปีนี้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ไตรมาส 1 นี้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงมีผลกระทบต่อการขาดทุนหรือกำไรจากสต๊อกน้ำมันในบางไตรมาส โดยบริษัทฯ จะลดความเสี่ยงด้วยการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้า (เฮดจิ้ง)

ส่วนความคืบหน้าโครงการปรับปรุงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (Olefins 2 Modification Project:OMP) ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบคือโพรเพนเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2/2566


กำลังโหลดความคิดเห็น